ราคาน้ำมันขยับลงในวันพฤหัสบดี (13 มี.ค.) กังวลความเสี่ยงสงครามรีดภาษีระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศอื่นๆ อาจกระทบอุปสงค์ทางพลังงานโลก ปัจจัยนี้ฉุดวอลล์สตรีทปิดลบหนักและทองคำขยับขึ้น นักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 1.13 ดอลลาร์ ปิดที่ 66.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 1.07 ดอลลาร์ ปิดที่ 69.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นโยบายเศรษฐกิจที่จำกัดการนำเข้าจากประเทศอื่นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังสั่นคลอนตลาดทั่วโลก ในขณะที่ผู้นำอเมริกากำหนดมาตรการรีดภาษีบรรดาผู้จัดหาน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของประเทศอย่างแคนาดาและเม็กซิโก ก่อนเลื่อนบังคับใช้ออกไป นอกจากนี้ เขายังขึ้นเพดานภาษีสินค้านำเข้าจากจีน กระตุ้นให้จีนและแคนาดา ตอบโต้ด้วยการรีดภาษีสินค้านนำเข้าจากสหรัฐฯ เช่นกัน
เวลานี้พวกนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งอาจกัดเซาะอุปสงค์ทางพลังงาน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบหนักในวันพฤหัสบดี (13 มี.ค.) หลังข้อมูลเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลง ถูกบดบังจากสงครามรีดภาษีที่ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างอเมริกากับเหล่าคู่ค้ารายใหญ่บางชาติ ซึ่งอาจโหมกระพือให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นอีกรอบและฉุดเศรษฐกิจดำดิ่งสู่ภาวะถดถอย
ดาวโจนส์ ลดลง 537.36 จุด (1.30 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 40,813.57 เอสแอนด์พี ลดลง 77.78 จุด (1.39 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,521.52 จุด แนสแดค ลดลง 345.44 จุด (1.96 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,303.01 จุด
ในสงครามการค้าหลายแนวหน้าล่าสุดของทรัมป์ สหภาพยุโรปตอบโต้มาตรการรีดภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐฯ ด้วยการขึ้นเพดานภาษี 50% วิสกี้นำเข้าจากอเมริกา กระตุ้นให้ ทรัมป์ ขู่บนทรัสต์โซเชียล ว่าจะรีดภาษี 200% ไวน์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่นำเข้าจากยุโรป
ความเคลื่อนไหวโหมกระพือแรงเทขายทั่วทั้งกระดาน ฉุดทั้ง 3 ดัชนีดิ่งลงอย่างหนัก ในนั้นไม่เว้นแม้กระทั่งบรรดาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั้งหลายที่ลากแนสแดคปิดลบราว 2%
ส่วนราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (13 มี.ค.) ดีดตัวขึ้นอยู่ไม่ห่างจากหลักหมาย 3,000 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นักลงทุนแห่ถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ จากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสงครามรีดภาษีและกะเก็งกันว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเดินหน้านโยบายผ่อนคลายทางการเงิน ราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 1.4% ปิดที่ 2,989.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)