ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ยอมตัดชื่อ "ทักษิณ" ออกจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แลกกับเวลาซักฟอก 30 ชั่วโมง ย้ำไม่เสียหลักการ เนื้อหาสาระไม่เปลี่ยนแปลง ด้านนายกฯ แพทองธารบอกแฟร์ดีหากใช้คำว่า "ชายคนนั้น" ไม่มีชื่อ
วันนี้ (13 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ยืนยันว่าจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน โดยได้มีการปรับคำตามที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ร้องขอเพื่อให้ยอมบรรจุญัตติ แต่จะต้องเจรจาเรื่องกรอบเวลาในการอภิปรายจากวิป 3 ฝ่าย แต่กรอบที่ชัดเจนคือฝ่ายค้านควรจะได้รับเวลาอภิปรายไม่ต่ำกว่า 30 ชั่วโมง ซึ่งจากการหารือยืนยันตรงกันว่า เมื่อมีการปรับคำและให้การอภิปรายเดินหน้าได้ ก็ต้องให้เวลาฝ่ายค้านเหมาะสมที่สุด
ส่วนประธานสภาฯ จะเบรกการอภิปรายหากพูดถึงนายทักษิณ ชินวัตร บิดานายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า นายวันมูหะมัดนอร์พูดชัดเจนว่า สมาชิกสามารถอภิปรายได้ การพาดพิงถึงบุคคลภายนอกทำได้ แต่หากเกิดความเสียหายต้องรับผิดชอบเอง ไม่เกี่ยวกับประธาน เพราะมีหน้าที่ควบคุมการประชุมเท่านั้น ส่วนวิปรัฐบาลส่งสัญญาณในเรื่องพาดพิงบุคคลภายนอกอย่างไรนั้น ต้องคุยกับวิป 3 ฝ่ายก่อน แต่ฝ่ายรัฐบาลต้องให้เวลาอภิปรายเต็มที่ ขั้นต่ำ 30 ชั่วโมง ซึ่งประธานสภาฯ ก็เห็นด้วย ซึ่งตนเชื่อความเป็นผู้ใหญ่ของประธานสภาฯ และเชื่อว่าฝ่ายรัฐบาลจะยอมรับ
"ยืนยันว่าตั้งแต่มีการพูดคุยกัน เราไม่ได้เสียหลักการอะไรเลย ตอนประธานฯ ทำหนังสือคัดค้านมาก็บอกว่าปรับคำได้ โดยที่สาระสำคัญยังคงอยู่ และเมื่อช่วงเช้าประธานฯ ก็พูดในที่ประชุมและมีบันทึกว่าอภิปรายพาดพิงบุคคลภายนอกได้ โดยที่พวกเราต้องรับผิดชอบเอง เพราะฉะนั้นเมื่อประธานสภาฯ พูดไว้ชัด ผมเชื่อว่าคำพูดของประธานสภาฯ ย่อมผูกมัดกับรองประธานสภาฯ ทุกคน เป็นคำวินิจฉัยที่คนที่ทำหน้าที่กำกับการประชุมต้องวางไว้เป็นหลักการเดียวกัน และประธานสภาฯ ก็ยอมรับในหลักการของเราที่เราไม่ได้เสียหลักการ เพียงแค่ปรับคำเล็กน้อย พวกเราก็พร้อมที่จะเดินหน้าต่อ" นายณัฐพงษ์ กล่าว
นายณัฐพงษ์ยืนยันว่าการปรับคำดังกล่าวไม่ได้ผิดแผน เพราะเป็นการตัดชื่อบุคคลออก แต่เนื้อหาสาระไม่ได้เปลี่ยนแปลง โดยอภิปรายไปที่ตัว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และการอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกครั้งต้องมีการพาดพิงถึงคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ครั้งนี้ในญัตติก็เขียนไว้ชัดเจนว่าอภิปรายนายกฯ ยอมให้นายทักษิณชี้นำ ชักใยอยู่เบื้องหลัง เพราะฉะนั้นไม่ว่าอภิปรายพาดพิงใครก็ตาม ตามกรอบจะอภิปราย น.ส.แพทองธาร เพียงผู้เดียว และมั่นใจความเป็นกลางของประธานสภาฯ มากขึ้น และผูกมัดฝ่ายค้านให้รับผิดชอบคำพูดตนเอง ไม่ตกลงกันด้านหลังโดยที่ประชาชนไม่รับรู้ หากผู้ที่ถูกพาดพิง ต้องการใช้สิทธิชี้แจงหรือฟ้องร้องก็เป็นสิทธิ์ที่ทำได้ตลอดเวลา แต่พรรคร่วมฝ่ายค้าน จะพาดพิงบุคคลใดก็ต้องมีข้อเท็จจริง
“หากพวกเราพาดพิงคนที่ถูกพาดพิงก็สามารถฟ้องร้องได้ และพวกเราก็มีข้อมูลที่จะไม่พาดพิงซี้ซั้วจนนำมาสู่การฟ้องร้อง ขณะเดียวกันผมเชื่อว่านายทักษิณก็เป็นบุคคลสาธารณะ หากต้องการจะชี้แจงต่อประชาชน สื่อมวลชนย่อมให้ความสนใจอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมาชี้แจงในสภาฯก็ได้ หรือหากท่านจะมาในสภาพวกผมก็ยินดี แต่ถ้าไม่มา ก็สามารถใช้เวทีใดๆ ชี้แจงได้อยู่แล้ว ส่วนเหตุผลการเปลี่ยนคำก็เพื่อที่จะให้กระบวนการเดินหน้าต่อไปได้ โดยที่ยังไม่เสียหลักการ และประธานสภาฯ ก็ยอมรับว่าเราไม่เห็นด้วยกับการวินิจฉัยของท่านได้ เพียงแต่เพื่อให้กระบวนการเดินหน้าไปได้ เราจำเป็นต้องปรับคำ” นายณัฐพงษ์ กล่าว
ด้าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โดนแซวว่าทำไมวันนี้อารมณ์ดี เขาบอกว่าจะใช้คำว่าชายคนนั้นใช่หรือไม่ และมีเพลงพอดี เลยแกล้งกันกับทีมงาน แต่ไม่อยากร้องเพลงเพราะกลัวเพี้ยนแค่นั้นเอง ไม่มีอะไร ส่วนเวลาอภิปรายที่จะใช้ 30 ชั่วโมงนั้นได้เลย อย่างที่บอกอะไรที่ถูกต้องตามกฎตามหลักก็ตามนั้นทุกๆ เรื่อง และชายคนนั้นก็แฟร์ดีไม่มีชื่อ แต่หากจะใช้คำว่า “พ่อ” แทนเหมาะหรือไม่เหมาะเชิญทุกท่าน ผู้รู้ตอบเลย และย้ำว่าการขอเวลาอภิปราย 30 ชั่วโมง ตนวางแผนไว้แล้ว ถ้าอภิปรายก็ไปฟังอยู่แล้ว และคงอยู่ที่สภาฯ เพื่อเตรียมตัวและเตรียมคำตอบตามนั้นไป ไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์