ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในวันอังคาร (11 มี.ค.) เปิดเผยว่าเขาจะเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นสำหรับสินค้านำเข้าจากแคนาดา เพิ่มเพดานภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมสู่ระดับ 50% พร้อมเน้นย้ำถึงความต้องการผนวกประเทศแห่งนี้ ระบุหนทางเดียวที่คลี่คลายการเผชิญหน้าทางภาษี ก็คือแคนาดาเข้ามาเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา
ทรัมป์ แถลงความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้บน "ทรัสต์โซเชียล" แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง พร้อมชี้แจงว่าการปรับขึ้นกำแพงภาษีอีกรอบครั้งนี้ เป็นการตอบโต้รัฐออนแทรีโอของแคนาดา เรียกเก็บภาษี 25% กับไฟฟ้าที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (10 มี.ค.)
"ผมสั่งการให้รัฐมนตรีพาณิชย์ เพิ่มเติมเพดานภาษีอีก 25% เป็น 50% กับเหล็กและอะลูมิเนียมจากแคนาดาที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ หนึ่งในประเทศที่ถูกรีดภาษีสูงสุดมากกว่าที่ไหนๆ ในโลก" ทรัมป์เขียน พร้อมระบุว่าการปรับเพิ่มเพดานภาษีรอบล่าสุดนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันพุธ (12 มี.ค.)
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังเรียกร้องให้แคนาดา ละทิ้งในสิ่งที่เขาเรี่ยกว่า "มาตรการรีดภาษีเกษตรกรต่อต้านชาวอเมริกา ระดับ 250% ถึง 390% ที่กำหนดเล่นงานผลิตภัณฑ์นมต่างๆ ของสหรัฐฯ" เช่นเดียวกับกำแพงภาษีหนักหน่วงอื่นๆ ทั้งนี้ทรัมป์เตือนว่า หากล้มเหลวไม่ยอมทำตามใดๆ ก็จะมีมาตรการอื่นๆ ตามมา โดยเล็งเป้าอย่างเจาะจงไปที่การผลิตรถยนต์ของแคนาดา จะใช้มาตรการต่างๆ ที่จำเป็น "ปิดตายธุรกิจการผลิตยานยนต์อย่างถาวร"
ทรัมป์ แถลงรีดภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดา 25% ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ แต่เลื่อนบังคับใช้เป็นเวลา 1 เดือน จนถึงเมื่อวันอังคารที่แล้ว (4 มี.ค.) อย่างไรก็ตามได้มีการมอบข้อยกเว้นแก่บรรดาผู้ผลิตยานยนต์แคนาดาและสินค้าต่างๆ ที่อยู่ภายใต้ข้อตกลงสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) ไปจนถึงเดือนเมษายน กระตุ้นให้ออตตาวา ตอบโต้ด้วยการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากอเมริกา คิดเป็นมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์ และมาตรการรีดภาษีอีก 125,000 ล้านดอลลาร์ จะมีผลบังคับใช้ในเดือนหน้า
ประธานาธิบดีทรัมป์ เน้นย้ำคำกล่าวอ้างว่าสหรัฐฯ อุดหนุนแคนาดามากกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี และชี้แนะว่าการเข้าร่วมเป็นรัฐ 51 ของอเมริกา คือหนทางที่ดีที่สุดในการซ่อมแซมประเด็นปัญหาต่างๆ ระหว่าง 2 ประเทศ และอ้างว่าทั้ง 2 ฝ่าย จะได้ประโยชน์ใหญ่หลวงจากการรวมชาติ
ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2024 เป็นต้นมา ทรัมป์และคนใกล้ชิด เน้นย้ำซ้ำๆ ถึงจุดยืนสนับสนุนความคิดดึงแคนาดาเข้ามาเป็นรัฐที่ 51 อย่างไรก็ตาม มันถูกปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวจากพวกผู้นำแคนาดาและประชาชนชาวแคนาดาเช่นกัน โดยผลโพลของยูโกฟเมื่อเร็วๆ นี้ พบว่ามีชาวแคนาดาถึง 77% ที่ปฏิเสธผนวกดินแดนอย่างหนักแน่น มีเพียงแค่ 15% ที่อยากให้เป็นเช่นนั้น
มาร์ค คาร์นีย์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีแคนาดา ประกาศต่อสู้และจะชนะในสงครามการค้ากับสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามเขายอมรับว่า "ชัยชนะนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย" คาร์นีย์ปฏิเสธยอมเสียอำนาจอธิปไตยแก่อเมริกาเช่นกัน และเน้นย้ำในวันอาทิตย์ (9 มี.ค.) ว่า "แคนาดา ไม่เคย และจะไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา ไม่ว่าหนทางใด หรือรูปแบบใดก็ตาม"
(ที่มา : รอยเตอร์/อาร์ทีนิวส์)