ศูนย์ข่าวขอนแก่น-ตำรวจ สภ.ภูผาม่านคุมตัวลูกหนี้ที่ใช้มีดอีโต้ฟันเจ้าหนี้เสียชีวิตไปฝากขังที่ศาลจังหวัดชุมแพ
ขณะที่ญาติยังไม่ขอประกันตัว ด้านตำรวจพร้อมเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยหนี้ให้ทั้งสองฝ่าย ขณะที่เมียมือมีดระบายความทุกข์เรื่องการกู้เงินและใช้หนี้ละเอียดยิบจนถึงวินาทีที่ผัวคว้าอีโต้ฟันเจ้าหนี้ดับอนาถคาบ้าน
จากกรณีเหตุการณ์ที่ นายพิมล เสละคร อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 143 ม.8 ต.ภูผาม่าน อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น ก่อเหตุใช้อาวุธมีดอีโต้ ยาวประมาณ 50 ซม. ฟันนายสุรชาติ อรุณเดชาชัย หรือ เฮียเซียง เจ้าของธุรกิจพันธุ์ไม้ชื่อดังเมืองชุมแพ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1234/1 ต.ชุมแพ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น เสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 68 ผ่านมา หลังจากทั้งคู่มีปากเสียงโต้เถียงกันเรื่องหนี้สินที่นายพิมลยังติดค้างนายสุรชาติอยู่หลายแสนบาทและครั้งนี้นายสุรชาติได้ตามมาทวงหนี้ถึงบ้านของนายพิมล
คืบหน้าล่าสุดเช้าวันนี้(10มี.ค.) พนักงานสอบสวนได้ควบคุมนายพิมล ผู้ต้องหา ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดชุมแพ ซึ่งผู้ต้องหาอยู่ในสภาพจิตใจที่ยังปกติ พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย แม้ว่าจะถูกดำเนินคดีในข้อกล่าวหา ฆ่าคนตายโดยเจตนา มีโทษหนักก็ตาม โดยมีญาติมาให้กำลังใจนายพิมลก่อนที่รถจะพาตัวนายพิมล ออกจาก สภ.ภูผาม่าน เดินทางไปฝากขังที่ศาลจังหวัดพล
พ.ต.อ.เสกสิทธ ทวีชัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรภูผาม่าน เปิดเผยว่า คดีที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากปัญหาหนี้สิน หลังจากนี้จะต้องให้ทางญาติทั้งสองฝ่าย หาเอกสารในการจำนองที่ดินมาตรวจสอบ เพื่อที่จะได้มีการหาทางออกในเรื่องนี้ร่วมกัน โดยจะใช้ศูนย์ไกล่เกลี่ยของทางอำเภอหรือที่สถานีตำรวจ เป็นสถานที่กลางเจรจาหาข้อยุติ หาทางออกที่ดีกับทั้งสองฝ่ายต่อไป.
ด้านนางฉวีวรรณ อุทา เมียของนายพิมล ผู้ต้องหา เล่าว่าเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 51 สามีได้นำโฉนดที่ดินจำนวน 4 ไร่ ค้ำประกันสัญญากู้ยืมเงิน จำนวน 220,000 บาท กับนายสุขี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี โดยนำส่งดอกเบี้ยเดือนละครั้ง หลังจากกู้ยืมเงินมาแล้ว ตนพร้อมสามีเคยนำเงินจำนวน 80,000 บาท ไปตัดเงินต้น พร้อมกับชำระดอกเบี้ยมาโดยตลอด จากนั้นได้ไปขอยืมเงินมาอีกจำนวน 2 ครั้ง ครั้งละ 70,000 บาท และได้นำเงินไปตัดเป็นก้อน ครั้งละ 20,000 บาท 30,000 บาท 40,000 และ 50,000 บาท แต่มีช่วงหนึ่งตนเองไม่ได้จ่ายเงินเป็นเวลา 5 เดือน ซึ่งตั้งแต่ปี 2551 หลังกู้ยืมเงินมา ตนและสามีได้ส่งเงินต้นและเงินค่าดอกเบี้ยรวมแล้วมากกว่า 1 ล้านบาท
ต่อมาลูกสาวตนเสียชีวิต ทำให้ไม่ได้ส่งเงินให้เฮียเชียงนานประมาณ 1 ปี ซึ่งเฮียเซียง ได้มาพูดคุยเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา พร้อมกับบอกให้ชำระหนี้ใหม่ คือต้องชำระเงินทั้งหมดจำนวน 750,000 บาท
ครอบครัวตนจึงขอผ่อนจ่าย เดือนละ 5,000 บาท จนกว่ายอดเงินหนี้ 750,000 บาทจะหมด กระทั่งผ่อนหนี้มาได้จำนวน 150,000 บาท ช่วงนั้นตนอยากจะได้ที่ดินที่อยู่ข้างบ้าน เลยได้ขอต่อรองว่าขอให้ช่วยลดหนี้เงินต้นเหลือ 400,000 บาทได้ไหม เพราะผ่อนมาแล้ว 150,000 บาทและก่อนหน้านั่นก็ใช้หนี้ให้ไปแล้วจำนวนไม่น้อย แต่เฮียเซียงยืนกรานว่าลดให้ไม่ได้ ต้องชำระเงินเต็มจำนวน 500,000 บาท
ต่อมาตนได้ขอให้ลูกชายช่วยหาเงินมาให้ จำนวน 500,000 บาทเพื่อเคลียร์หนี้ให้หมดไปจะได้นำโฉนดที่ดินออกมาจากเฮียเซียง แล้วจะขายที่ดินผืนนั้นนำเงินมาใช้หนี้เจ้าอื่น
หลังจากนั้นลูกชายตนหาเงินมาให้ได้จำนวน 500,000 บาท ตนและสามีนำไปให้เฮียเซียง แต่กลับไม่ยอมรับเงินคืน ตนก็ต้องรับผิดชอบกับเงินดอกรายวันที่ไปกู้ยืมมา ทำให้ต้องหาเงินมาจ่ายเจ้าหนี้วันละ 10,000 บาท จนทำให้ตนเองท้อถึงร้องไห้ออกมาใส่กาละมังปิ้งไก่แทบทุกวัน เฮียเซียงไม่เอาเงิน 5 แสน ยืนยันต้องจ่ายหนี้ใหม่เท่านั้น สามีตนเองเครียดมาก ไม่มีที่จะระบาย ปรึกษาใครก็ไม่ได้ ไม่มีใครเข้ามาช่วยแก้ไขเรื่องหนี้สินได้ มีแต่มองหน้ากันพร้อมกับร้องไห้ออกมาด้วยกัน
จนกระทั่งเมื่อวันเกิดเหตุเฮียเซียงได้เข้ามาในหมู่บ้านมาทวงหนี้ สามีตนก็ได้ขอให้ลดเงินจำนวน 750,000 บาท ลงอีก เนื่องจากได้ชำระเงินมาแล้วจำนวนมาก แต่เฮียเซียงก็ไม่ยอม โดยเฮียงเซียงบอกว่า “มึงอย่ามาขอกู” จึงทำให้สามีตนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ก่อนจะใช้มีดอีโต้ฟันเฮียเซียงจนเสียชีวิตดังกล่าว.