ประจวบคีรีขันธ์ - อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝัง สั่งให้เจ้าหน้าที่ลงไปดำน้ำ สำรวจพื้นที่แนวปะการัง ด้านหน้าเกาะทะลุ อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลักถูกเรือสินค้าชน พบความเสียหายอย่างหนัก เตรียมวิเคราะห์ข้อมูลประเมินมูลค่าความเสียหาย คาดใช้เวลา 1 สัปดาห์
วันนี้(5 มี.ค.) ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จ.ชุมพร และ สำนักทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 3 จังหวัดเพชรบุรี ลงไปสำรวจพื้นที่แนวปะการัง ด้านหน้าเกาะทะลุ อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนัก หลังจากได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่า มีเรือบรรทุกสินค้าปูนซีเมนต์โซ่สมอเรือที่ลากจูงเรือบาร์จขาด ส่งผลให้เรือบาร์จทั้งสามลำไปชนกับแนวปะการังและโขดหิน ทำให้เกิดความเสียหายต่อแนวปะการังเป็นระยะทางยาว (ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที26กุมภาพันธ์68 ที่ผ่านมา)
โดยล่าสุดนางสาวฟองแก้ว พูลสวัสดิ์ ผอ.ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สำนักทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 3 จังหวัดเพชรบุรี และนักวิจัยจากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จ.ชุมพร ตลอดจนเจ้าหน้าที่มูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากรทะเลสยาม ครูสอบดำน้ำเกาะทะลุ ไดร์ฟวิ่งเซนเตอร์ ได้ร่วมกันดำน้ำสำรวจแนวปะการังที่ได้รับความเสียหาย บริเวณด้านหน้าอ่าวใหญ่ ไปจนถึงอ่าวเทียน ซึ่งมีระยะทางยาวกว่า 150 เมตร ความกว้างจุดเสียหายประเมินว่า 3-5 เมตร ซึ่งการสำรวจในวันนี้ทางนักวิชาการใช้ทั้งโดรนถ่ายใต้น้ำ และ การดำน้ำสำรวจและบันทึกวีโอและภาพนิ่งใต้น้ำ ร่วมกับทางครูสอนดำน้ำ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากรทะเลสยาม ซึ่งการสำรวจครั้งนี้ใช้เวลา 1 วันเต็ม
เบื้องต้นนางสาวฟองแก้ว กล่าวว่า ได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันไว้เบื้องต้นที่สถานีตำรวจภูธรบางสะพานน้อย แล้ว ว่ามีเหตุเรือบรรทุกสินค้าชนแนวปะการังได้รับความเสียหาย ทั้งนี้การสำรวจในวันนี้ทางศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จ.ชุมพร หลังจากกลับไปแล้วจะต้องกลับไปรายงานให้ทางอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้รับทราบความคืบหน้า
เนื่องจากอธิบดีฯได้ให้ความสนใจต่อความเสียหายของทรัพยากร แนวปะการัง รวมทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลจัดทำแผนที่ ทั้งระยะความยาว ความกว้าง และปะการังชนิดต่างๆที่สิ่งสำคัญจะต้องประเมินมูลค่าความเสียหาย ของแนวปะการัง รวมทั้งต้องรวบรวมหลักฐานภาพวันเกิดเหตุ เพื่อประกอบหลักฐานต่างๆซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 1 สัปดาห์
“ยอมรับว่ามีความเสียหายหนักพอสมควรจากการลงสำรวจใต้น้ำ โดยทางเจ้าหน้าที่จะพยามเร่งให้เสร็จโดยเร็ว และจะเดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรบางสะพานน้อย อีกครั้งเพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดต่อไป”
ด้านนายสัญญา ศรีมาลา ครูสอนดำน้ำ เกาะทะลุ ไดร์ฟวิ่งเซนเตอร์ มากว่า 20 ปี ซึ่งลงไปสำรวจยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับทรัพยากรใต้ท้องทะเล แนวปะการัง เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจมาก เพราะกว่าปะการังจะมีความสมบูรณ์ใช้อายุยาวนานแต่เมื่อเกิดความเสียหายหนักอย่างนี้ โอกาสที่จะฟื้นมาเหมือนเดิมน้อยมาก และจุดนี้ยังเป็นหนึ่งในจุดดำน้ำแบบสน๊อคเกิ้ลดูปะการังที่ผู้ประกอบการทั้งชุมชน ภาคเอกชน พานักท่องเที่ยวมาดำน้ำดูความสวยงามของปะการังกันอีกด้วย โดยขณะนี้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาดน้ำ เมื่อดำลงไปและเห็นภาพปะการับที่แตก หัก บางจุดพังราบ ก็ต้องคอยอธิบายให้นักท่องเที่ยวทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยืนยันว่าไม่กระทบต่อการพารักท่องเที่ยวดำน้ำมากนัก เนื่องจากจุดดำน้ำเกาะทะลุ มีหลายจุด้วยกัน