ถอดบทเรียน “กลุ่มอันธพาลวัยรุ่น ยุค 4.0” แห่งมหาวิทยาลัยดังย่านรังสิต ตั้งตัวเป็นใหญ่ใช้ความรุนแรง ไล่ข่มขู่ทำร้ายร่างกาย รีดไถ่เงิน แก้ผ้าถ่ายคลิปประจาน ฯลฯ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย จาก “แก๊งโอริโอ้ (Oreo)” มาเฟียลูกคนรวย พฤติกรรมโหดถอดแบบออกมาจากเกมไฟว์เอ็ม (Five M) ถึง “แก๊งทะลุถุงน้ำซุป” กลุ่ม LGBTQ สุดกร่าง สาดน้ำร้อนใส่ผู้บริสุทธิ์ ยกพวกรุมทำร้าย ลอบค้าบุหรี่ไฟฟ้า ฯลฯ นำสู่การขยายผลจับกุมกลุ่มวัยรุ่นอันธพาลเข้าชดใช้กรรมในคุก
ปรากฎการณ์อันธพาลวัยรุ่นย่านรังสิตกลายเป็นกระแสวิจารณ์ร้อนแรงในสังคมไทย หลังจากเรื่องราวถูกเปิดเผยโดยทางผู้เสียหายได้การร้องเรียนขอความช่วยเหลือไปยังอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง“กัน จอมพลัง”ผู้แสดงจุดยืนช่วยผู้คนที่กำลังเผชิญความยากลำบากให้สู้กับผู้มีอิทธิพลได้อย่างเท่าเทียม
นอกจากประเด็นกลุ่มวัยรุ่นอันธพาลแสดงพฤติกรรมไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย อีกเป็นประเด็นร้อนที่ถูกจับจ้องเป็นเรื่องของการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะสังคมใคร่สงสัยว่าหากไม่มีอินฟลูฯ เข้ามาเป็นตัวกลางในการขับเคลื่อน คดีจะมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว หรือเหยื่อจะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่?
โอริโอ้ (Oreo) ตั้งแก๊งเลียนแบบเกม
เรื่องราวของอันธพาลย่านรังสิตเปิดประเด็นมาจากพฤติกรรมของ “แก๊ง Oreo”กลุ่มวัยรุ่นที่มีการรวมตัวตั้งแก๊งจากเกม Five Mกับพฤติกรรม “โหดร้าย-ก้าวร้าว”อิงเนื้อหารุนแรงของเกมไฟว์เอ็มออกมาทำในชีวิตจริง เรียกว่า “อินจัด” จนออกอาการ “เบียว” หรือก็คืออาการของคนหรือกลุ่มคนที่อินกับอะไรบางอย่างมากมาย จนอยากเข้าไปสวมบทบาท หรือมีส่วนร่วมกับสิ่งนั้น
ทั้งนี้ สมาชิกใน “แก๊ง Oreo” เป็นกลุ่มชายฉกรรจ์ อายุประมาณ 18 - 20 ปีขึ้นไป มีการรวมกลุ่มผ่านเกม Five M โดยในแก๊งจะมี “หัวหน้าหลัก 1 คน” และมี “เฮดหลัก 4 คน” แต่ละคนจะคอยกำกับดูแลรุ่นน้อง หรือสมาชิกที่ยินยอมจ่ายเงิน 2,000 - 10,000 บาท เพื่อแลกกับการเข้ามาเป็นสมาชิกในเกม โดยจะได้รับการคุ้มครองจาก “หัวหน้าแก๊ง” และ “กลุ่มเฮด”
ถามว่าสมาชิกได้สิทธิประโยชน์อย่างไร
คำตอบคือหากมีปัญหาทะเลาะวิวาทกับใครในชีวิตจริง กลุ่มเฮดหลักจะเข้าไปเคลียร์ด้วยการรุมทำร้ายร่างกาย มีการบังคับขู่เข็ญให้ผู้อื่นถอดเสื้อผ้า กินหญ้า และเคี้ยวบุหรี่ พร้อมอาละวาดทำลายสิ่งของถึงที่พัก
ที่สำคัญคือ “แก๊ง Oreo” สามารถสืบหาข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อเพื่อนำไปสู่การทำร้ายร่างกายได้อีกด้วย
สำหรับพฤติกรรมอันรุนแรงถอดแบบจากเกมนั้น กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ (บช.สอท.) ระบุว่า FiveM หรือเซิร์ฟเวอร์โรลเพลย์แบบตั้งเล่นกันเองของ Grand Theft Auto 5 เป็นสิ่งที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเพ่งเล็ง ด้วยการที่เป็นเกมที่ไม่ผ่านการตรวจสอบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น ทางตำรวจไซเบอร์จะดำเนินการปิดกั้น FiveM ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมถึง ผู้ที่เผยแพร่และจัดจำหน่าย FiveM จะมีความผิดตามกฎหมาย
ขณะที่ “ผศ.ร.ต.อ.ดร.จอมเดช ตรีเมฆ” มหาวิทยาลัยรังสิต ให้ความเห็นเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า การรวมกลุ่มในสังคมออนไลน์ ซึ่งทำให้เชื่อมต่อคนที่มีรสนิยมเหมือนกันมีความชอบอะไรคล้ายๆ กัน สร้างตัวตน สร้างรายได้ แต่กลายเป็นตั้งกลุ่มกระทำผิดกฎหมาย โมเดลนี้เกิดขึ้นมาแล้วกับกลุ่มอื่นๆ เช่น กลุ่มลายพราง ซึ่งเป็นปัญหาสังคมที่แปนผันไปตามการพัฒนาของเทคโนโลยี
ชำแหละแก๊ง“ทะลุถุงน้ำซุป”
สถานการณ์อันธพาลวัยรุ่น ย่านรังสิต ยังดำเนินไปอย่างน่าจับตา เมื่อเกิดการรวมตัวของกลุ่ม LGBTQ ที่บริเวณคอนโดแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อให้ผู้ก่อเหตุซึ่งเป็น LGBTQ ลงมาขอโทษในการกระทำหลังจากใช้น้ำซุปร้อนๆ สาดใส่ผู้เสียหายซึ่งเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งจนได้รับบาดเจ็บ และนำสู่การเปิดโปงวัยรุ่นอันธพาล“แก๊งทะลุถุงน้ำซุป”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวต้นเรื่องคือ รุ่นพี่กระเทย“นายพีม”ใช้น้ำร้อนสาดใส่รุ่นน้องเพียงเพราะไม่ชอบหน้า พร้อมทั้งใช้มือทุบใช้เท้าถีบไปที่ศรีษะเเละคอ รวมทั้งใช้กรรไกรตัดผมผู้เสียหายด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้หนุ่มรุ่นน้อง “ผู้เสียหาย” พยายามคุยเพื่อยุติความบาดหมางแต่ไม่เป็นผล
ขณะเดียวกันเมื่อมีการขยายผลก็พบว่า แก๊ง LGBTQ กลุ่มนี้มักก่อเหตุรุนแรง ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ แก้ผ้าถ่ายคลิปประจาน ข่มขู่รีดไถ่ ฯลฯ อีกทั้ง พบว่าแอบค้าบุหรี่ไฟฟ้าอีกด้วย
สำหรับวีรกรรมแสบของ “แก๊งทะลุถุงน้ำซุป” ผู้เสียหายทะยอยออกมาแสดงตัว บางรายถูกข่มขู่ทำร้ายรีดไถ่ตั้งแต่ปี 2566 จนถึงต้นปี 2568 สมาชิกในแก๊งมีนิสัยอวดเบ่ง ไม่เกรงกลัวกฎหมาย คุยโว่ “บ้านรวย พ่อใหญ่” ที่ผ่านมามีการจับกลุ่มบุกไปหาเรื่องรุมซ้อมคนอื่นประจำ มีผู้เสียหายจำน้อยไม่น้อย แต่กลับไม่มีใครกล้าแจ้งความ จวบจนกรณีล่าสุดโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบตัวดำเนินคดียกแก๊ง
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2568 ศาลจังหวัดธัญบุรี ได้รับคำร้องขอฝากขังจากพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จำนวน 5 คดี ดังนี้ คดีที่ 1 มี นายอัครวินทร์ ผู้ต้องหา ความผิดฐานร่วมกันกรรโชก ความผิดต่อเสรีภาพ ความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
คดีที่ 2 มี นายรษิภา หรือ พีม และ นายชคัทพล หรือ โอชิ ความผิดฐานร่วมกันกรรโชก ความผิดต่อเสรีภาพความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
คดีที่ 3 มี นายรษิภา หรือ พีม ผู้ต้องหา ความผิดฐานร่วมกันกรรโชก ความผิดต่อเสรีภาพ บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน ความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
คดีที่ 4 มี น.ส.วรัญญา, นายดลลธี หรือ พอล, นายนพคุณ, น.ส.อุ้มบุญ, น.ส.กันยาพัชร หรือ พิมเจล, นายภราดี ผู้ต้องหา ตามความผิดฐานร่วมกันกรรโชก ความผิดต่อเสรีภาพ ความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจโดยผู้ต้องหาทั้งหมด
พ.ต.ท. ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูลรองอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยาฯ มหาวิทยาลัยรังสิต วิเคราะห์สถานการณ์การรวมกลุ่มของวัยรุ่นก่อเหตุรุนแรง โดยส่วนใหญ่กลุ่มที่มีการรวมตัวกันทำในสิ่งที่ผิดหรือละเมิดกฎหมาย กลุ่มคนเหล่านี้มักเป็นคนที่มีความชอบหรือมีรสนิยมคล้ายกันถึงมารวมตัวกันได้ เวลารวมตัวกันก็จะมีพฤติกรรมก้าวร้าวมากกว่าอยู่คนเดียว หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าแก๊งหมู่ ขณะเดียวกันหากอยู่ตัวคนเดียวหรืออยู่กับกลุ่มเพื่อนไม่เยอะ พฤติกรรมหรือการแสดงออกก็จะต่างจากตอนที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม
อย่างไรก็ดี ท่าทีของผู้ต้องหาหลังถูกตำรวจจับกุมทุกคนจะใช้มือปิดบังใบหน้า หรือใช้ผ้าคลุมศีรษะ ค่อนข้างอายไม่กล้าสบตาหรือตอบคำถามสื่อมวลชน ต่างจากพฤติกรรมขณะทำร้ายร่างกายคนอื่น หรือมีท่าทีอ่อนน้อมกับตำรวจและพ่อแม่ของผู้เสียหายนั้น
ในมุมอาชญวิทยาอธิบายว่า เพราะคดีดังกล่าวประชาชนให้ความสนใจ เชื่อว่าผู้ต้องหาเสพสื่อเยอะ ย่อมส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของพวกเขา อีกทั้ง คนเราเวลาทำผิดมักไม่ค่อยคิด แต่พอเวลาถูกจับกุมหรือใส่กุญแจมือ ถูกตำรวจประกบ ก็จะเริ่มคิดได้ โดยเฉพาะเมื่อเข้าไปอยู่ในเรือนจำและศาลมีคำพิพากษาให้จำคุกก็จะเริ่มรู้สึกว่าขาดอิสรภาพ ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต แต่พอคิดได้ก็สายไปแล้ว
จาก “แก๊งโอริโอ้” ถึง “แก๊งทะลุถุงน้ำซุป” กลุ่มวัยรุ่นอันธพาลแห่งทุ่งรังสิต สะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์กับพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น จึงน่าติดตามว่าการดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดกับ “แก๊ง OREO” และ “แก๊งทะลุถุงน้ำซุป” จะเป็นเยี่ยงอย่างให้กลุ่มแก๊งที่กำลังหลงผิด เกิดความเกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมืองบ้างหรือไม่!?