ตาก - ผู้นำทหารบีจีเอฟ.เผยชาวพม่าเดือดร้อนหนัก ถูกไทยตัดไฟ-ระงับส่งน้ำมัน..ด้านผู้ว่าฯตาก ย้ำ 59 ท่าข้าม 5 อำเภอชายแดน ห้ามส่งไฟฟ้า-น้ำมัน-คอมพ์ ข้ามแดนเข้าเมียนมาเอื้อแก๊งคอลฯ/สแกมเมอร์ ขู่ฝ่าฝืนเสี่ยงโดนสั่งปิด
พ.ท.หน่ายหม่อง โซ รองผู้บังคับกองพันบีจีเอฟ.( กองกำลังพิทักษ์ชายแดน)ประจังหวัดจำเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมาตรงข้าม อ.แม่สอด จังหวัดตาก กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า การตัดกระแสไฟฟ้า และการห้ามส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปประเทศเมียนมา ของทางรัฐบาลไทย ตั้งแต่ 5 ก.พ.เป็นต้นมา ส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวเมียนมาอย่างรุนแรง
ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่ในเมียนมาสูงขึ้น ดีเซลราคา 3,960 จ๊าต/ลิตร(63.66 บาท) ขึ้น 300 จ๊าต เบนซิน 53,620 จ๊าด/ลิตร(58.19 บาท) ขึ้น 70 จ๊าต และกำลังจะเกิดภาวการณ์ขาดแคลนน้ำมันอีกไม่นานนี้ จากสถานีน้ำมันเชื้อเพลิง 13 แห่ง โรงพยาบาลเมียวดี ที่เป็นโรงพยาบาลใหญ่ที่สุด มีผู้ป่วยมากที่สุดไม่มีไฟฟ้าใช้ และกำลังขาดออกซิเจนสำหรับผู้ป่วยที่ ซึ่งทางโรงพยาบาลได้แก้ปัญหาจากการไปซื้อออกซิเจนจากเขตไทยในขณะนี้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ป่วย
ขณะเดียวกันนายชูชีพ พงศ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ได้ประชุมขอความร่วมมือผู้ประกอบการช่องทางอื่นนอกช่องทางอนุมัติ (ท่าข้าม) ทั้ง 59 ราย ใน 5 อำเภอชายแดน ของ จ.ตาก เมื่อวานนี้(7 ก.พ.) เน้นย้ำการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งคัด พร้อมให้ช่วยกันสอดส่อง แจ้งเบาะการกระทำความผิด
นายชูชีพ กล่าวว่า ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตามข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ส่งของหรือสินค้าที่เป็นการสนับสนุนอาชญากรรมข้ามชาติ Call Center หรือ Scammer และยาเสพติด ซึ่งเป็นวาระสำคัญของชาติ ต้องไปกำชับทีมงานที่ประจำอยู่ตามท่าข้ามฯ ให้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ส่วนสินค้า เช่น ไฟฟ้า น้ำมัน หรือคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนอาชญากรรม Call Center เป็นสิ่งที่เน้นย้ำตามข้อสั่งการของรัฐบาล โดย จ.ตาก ทำงานภายใต้คณะกรรมการศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดตาก ซึ่งได้มีมาตรการคัดกรอง ตรวจสอบ สกัดกั้น บุคคลที่จะเข้ามาใน อ.แแม่สอด และพื้นที่ชายแดน มีการตรวจสอบที่พักของชาวต่างชาติ ที่เข้ามาในพื้นที่ ซึ่งพบว่า ตั้งแต่ใช้มาตรการดังกล่าว ทำให้ชาวต่างชาติที่ถูกหลอกข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน หรือข้ามไปเป็นผู้ที่กระทำผิดเสียเอง มีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการหากพบสินค้าต้องสงสัยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบทันที เพื่อป้องกันการกระทำความผิด เน้นย้ำให้ผู้ประกอบการ ดำเนินการตามมาตรการ และข้อกำหนดการนำเข้าและส่งออกสินค้าของศุลกากร และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อย่างเคร่งครัด หากพบกระทำผิดหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ อาจถูกระงับการใช้ช่องทางได้ รวมทั้งขอความร่วมมือผู้ประกอบการ ตรวจสอบสินค้า หรือสิ่งของที่ดำเนินการส่งออก หรือนำเข้า อย่างเข้มงวด และห้ามมิให้มีการนำสิ่งของผิดกฎหมาย หรือกระทำผิดกฎหมายโดยเด็ดขาดด้วย
