กำแพงเพชร - เศร้าสลด..ญาติรับศพสาวกำแพงเพชร ถูกผัวซ้อมดับคาหอพักพื้นที่ศรีราชา แต่อ้างเมียล้มในห้องน้ำ จนหมอเห็นพิรุธสั่งล็อกห้องฉุกเฉิน-แจ้ง ตร.จับ พบผู้ตายกราม-คอหัก มีรอยบีบ ด้าน “เอ หมื่นศพ” เผยระหว่างพาส่งบ้านเกิดได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ ทั้งที่ขับรถลำเลียงศพลำพังคนเดียว
กรณี น.ส.รุจิรา มังโส หรือ เอ๋ อายุ 33 ปี เสียชีวิตภายในหอพัก ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งสามีได้นำตัวส่งโรงพยาบาลแหลมฉบัง โดยหลอกหมอว่าเมียล้มในห้องน้ำ แต่หมอพบจุดผิดสังเกตุหลายจุด ทั้งรอยฟกช้ำตามร่างกาย รวมถึงใบหน้าและดวงตาช้ำผิดปกติวิสัย จึงได้ล็อกห้องฉุกเฉิน ก่อนแจ้งตำรวจรวบตัวนายสุวรรณ บุญขาว สามี ขณะที่แม่ของผู้เสียชีวิตได้เดินทางไปรับศพของลูกสาวเพื่อเดินทางมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดในจังหวัดกำแพงเพชร
ล่าสุดคืนที่ผ่านมา(4 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 186 ม.4 บ้านพัดโบก ต.ปางมะค่า อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ น.ส.รุจิรา มังโส หรือเอ๋ ผู้เสียชีวิต พบว่าญาติ-ครอบครัว ได้จัดเตรียมสถานที่รอรอรับศพของผู้ตาย ด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ญาติยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่คิดว่าสามีของผู้เสียชีวิตจะลงมือทำกับผู้เป็นเมียอย่างโหดเหี้ยมขนาดนี้ และยังบอกกับหมอที่โรงพยาบาลอีกว่า..เมียล้มในห้องน้ำ ซึ่งเป็นผัวเมียกันก็ควรพูดจากันดีๆ ไม่ต้องถึงขั้นลงมือกันขนาดนี้
นายสวัสดิ์ มังโส อายุ 58 ปี ลุงของผู้เสียชีวิต เล่าว่า หลานสาวโทรคุยกับทางบ้านว่าปีใหม่จะกลับมาเที่ยวบ้าน ซึ่งจะต้องรอโบนัสที่ทำงานออกก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้งานศพของป้าเขาก็ไม่ได้มา ตนมารู้ข่าวว่าอีกทีหลานสาวเสียชีวิตแล้ว ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด
ก่อนหน้านั่นตนได้สอบถามน้องสาวซึ่งเป็นแม่ของเอ๋ ได้โทรไปหาลูกเขยจะขอคุยกับลูก แต่ฝ่ายชายบอกว่าหลับไปแล้ว ซึ่งตนก็ขอคุยโทรศัพท์กับหลานเขยต่อ สอบถามว่าทะเลาะกันหรือไม่ เขาก็ยอมรับว่าได้ลงมือตบไป 3 ครั้ง แต่จากสภาพศพคือ กรามหัก คอหัก มีรอยบีบที่คอ ตนเองรับไม่ได้กับการกระทำแบบนี้ ยืนยันว่าจะให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
“มาทำกับหลานสาวแบบนี้ ไม่มีทางให้อภัยอย่างแน่นอน ลองคิดดูว่าหากตนไปทำกับพี่น้องของมันบ้างมันจะคิดยังไง หลานสาวตนเป็นคนดีเป็นคนทำมาหากินเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ เป็นเสาหลักของคนในครอบครัว ตอนที่ฝ่ายชายมาบ้านที่กำแพงเพชร ตนก็มองว่าเป็นคนดี มีระเบียบเรียบร้อยดี แต่พักหลังมานี้ตนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งได้ข่าวว่าวันเกิดเหตุฝ่ายชายดื่มเหล้าจนเมาและลงมือทำร้ายเมีย เกิดการหึงหวง หาว่าเมียไปมีชู้ ซึ่งเป็นผัวเมียกันอยู่ด้วยกันก็น่าจะพูดคุยกัน แต่เรื่องยาเสพติดตนไม่รู้ว่าฝ่ายชายเสพหรือไม่ หลังจากที่ลงมือทำร้ายเมียแล้วตอนเช้าไปปลุกแต่เมียไม่ตื่นเลยพาส่งโรงพยาบาล จนความแตกดังกล่าว แม้แต่ตอนนี้จะมาขอขมาศพหลานสาวผมก็ไม่ต้องมา”
นายสาธิก นามวงษา อายุ 24 ปี น้องชายผู้ตาย เล่าว่า หลังจากที่ตนเองและแม่ไปรับศพพี่สาวที่โรงพบาลตำรวจ ซึ่งได้เห็นสภาพศพพี่สาวพบว่าใบหน้าบวมเหมือนโดนซ้อมมาหนัก ซึ่งไม่ตรงกับคำพูดที่สามีพูดไว้ว่าตบแค่ 3 ครั้ง และผลการชันสูตรของแพทย์ตามร่างกายก็ย้อนแย้งกับคำให้การกับตำรวจ
อย่างไรก็ตาม ขณะเดินทางไปรับศพแต่ยังไม่ถึงตำรวจก็ให้ประกันตัวผู้ก่อเหตุไปก่อน ไม่งั้นคงจะต้องมีคัดค้านการประกันตัวเพราะเกรงว่าพี่สาวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่อยากให้เรื่องเงียบ ที่ผ่านมาพี่สาวก็โทรมาเล่าให้ตนฟังบ่อยว่ามีเหตุทะเลาะและถูกทำร้ายร่างกายบ่อยครั้ง ซึ่งช่วงหลังปีใหม่เดือนมกราคม 68 ก็เริ่มทะเลาะกันหนักจนพี่สาวเริ่มตีตัวออกห่าง พร้อมโทรมาเล่าให้แม่ฟัง
“ก่อนที่จะเสียชีวิตฝ่ายชายได้โทรมาบอกกับแม่ว่าทะเลาะกัน แต่ก็ไม่ยอมให้คุยโทรศัพท์ด้วยบอกเพียงแค่ว่านอนหลับไปแล้ว จนมาพบว่าพี่สาวเสียชีวิตแล้ว ตนมองว่าเขาตั้งใจที่จะฆ่าพี่สาวตนมากกว่าที่จะแค่ทะเลาะกัน”
ต่อมาเวลา 20.10 น.(4 ก.พ.) เจ้าหน้าที่กู้ภัยพุทธสมาคมเพียวเยี้ยงไท้ ศรีราชา ก็ได้นำศพของ น.ส.รุจิรา มาถึงบ้านที่กำแพงเพชร โดย “เอ หมื่นศพ“ เป็นผู้นำศพของผู้เสียชีวิตมาส่ง ซึ่งก็ได้พาผู้สื่อข่าวขึ้นไปบนรถตู้กู้ภัยเปิดบาดแผลที่ถูกทำร้ายให้ดูและเก็บเป็นหลักฐาน
พร้อมกับเล่าให้ฟังว่า มีคนที่อยู่ข้างห้องไม่ประสงค์ออกนามเล่าให้ฟังว่าได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากผู้เสียชีวิต ลักษณะเหมือนทะเลาะกัน ตนมองว่าเรื่องของผัวเมียก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่การใช้ความรุนแรงตนมองว่าไม่ควรเกิดขึ้น ซึ่งฝ่ายหญิงร้องขอชีวิตขนาดนี้แล้วฝ่ายชายทำไมถึงไม่หยุด ตนเห็นใจครอบครัวของผู้เสียชีวิตมาก
“ตนนั่งรถมากับผู้ตายตลอดทาง บางช่วงตนได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้หญิง จนต้องจอดรถข้างทาง และเดินมาบอกว่าอดทนนะเดี๋ยวก็จะถึงบ้านแล้ว”
และหลังจากที่นำศพลงมาจากรถญาติได้ทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณกลับบ้าน จากนั้น “เอ หมื่นศพ” ได้ทำการแต่งหน้าให้ผู้เสียชีวิตก่อนนำร่างเข้าโลงศพ และบำเพ็ญกุศลตามประเพณี