อุดรธานี-ตำรวจอุดรธานีจับมือภูธรภาค 4 บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ ยึดเครื่อง SIM BOX รวม 6 เครื่องที่สามารถโทร.หลอกเหยื่อได้ 1.5 แสนเบอร์ต่อวัน ในหอพักใจกลางเมืองอุดรฯ พร้อมขยายผลจับกุมผู้ต้องหาหญิงชาวไต้หวัน ขณะกำลังจะขึ้นเครื่องบินหนีไปกัมพูชา ปิดฉากเครือข่ายหลอกลวงประชาชน
วันนี้ (1 ก.พ.) ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธร จ.อุดรธานี พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี, พ.ต.อ.พันธุ์เพ็ชร์ เหล่ากำเนิดเพชร ผกก.สืบสวน จ.อุดรธานี, พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี, พ.ต.ท.อรรคพล วงษ์ฤทธิวัลย์ รองผกก.สืบสวน จ.อุดรธานี ผู้แทนจากตำรวจสืบสวนภูธรภาค 4 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ร่วมกันแถลงข่าวผลการบุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ สามารถจับกุม Miss HSI TING อายุ 41 ปี สัญชาติไต้หวัน
ตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ จ.11/2568 ลง 10 มกราคม 2568 ดำเนินคดีตามกฎหมาย และMr.CHING HSUAN HUANG อายุ 27 ปี สัญชาติไต้หวัน ตามหมายจับศาลอุดรธานี ที่ จ. 12/2568 ลง 10 มกราคม 2568 (หลบหนี) ในข้อกล่าวหา “ร่วมกันทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต, ตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาต, และใช้คลื่นความถี่ใน การประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมตรวจยึด อุปกรณ์ GSM Gateway หรือ SIM BOX จำนวน 6 เครื่อง
สืบเนื่องจากวันที่ 9 มกราคม 2568 กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี ร่วมกับกองกำกับการ สืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4, ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดอุดรธานี เปิดปฏิบัติการครั้งสำคัญทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ หลังพบว่ามีกลุ่มอาชญากรลักลอบเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี โดยกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้ลักลอบนำอุปกรณ์ SIM BOX ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างหมายเลขโทรศัพท์ เข้ามาติดตั้งในหอพักใจกลางเมืองอุดรธานี ตำรวจจึงร่วมกันวางแผนบุกตรวจค้นและยึด SIM BOX 2 เครื่อง ต่อมาได้ขยายผลสืบสวนและยึด SIM BOX เพิ่มได้อีก 4 เครื่อง รวมเป็น 6 เครื่อง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้วางแผนจับกุมตัวการสำคัญของเครือข่ายในประเทศไทย ซึ่งสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาหญิง HSI TING สัญชาติไต้หวัน ได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนที่จะหลบหนีไปยังประเทศกัมพูชา ส่วน CHING HSUAN HUANG ผู้ต้องหาชาย สัญชาติไต้หวัน ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปยังประเทศลาวตั้งแต่ วันที่ 9 มกราคม 2568
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ พร้อมขยายผลจับกุมตัวการใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ทั้งในและนอกประเทศ เพื่อตัดวงจรอาชญากรรมข้ามให้สิ้นซาก ซึ่งในระหว่างการตรวจค้นหอพักที่พบเครื่อง SIM BOX เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ตรวจพบว่า ผู้ดูแลหอพักดังกล่าวได้ปล่อยให้บุคคลต่างด้าวเข้ามาพักอาศัยโดยไม่ได้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 38 ของพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522
เจ้าหน้าที่จึงได้ ดำเนินคดีกับเจ้าของหอพักในข้อหาดังกล่าวเพื่อเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตามหากพบพฤติกรรมต้องสงสัยหรืออุปกรณ์ที่อาจเกี่ยวข้องกับคอลเซ็นเตอร์ สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี และกองกำกับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4
พ.ต.ท.อรรคพล วงษ์ฤทธิวัลย์ รอง ผกก.สืบสวน จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ซิมบ๊อกซ์ อุปกรณ์ที่ยึดในครั้งนี้ เป็นตัวต้นทางที่จะส่งสัญญาณโทรไปยังผู้เสียหายหรือเหยื่อ ข้อมูลทางเทคนิคซิมบ๊อกซ์ 1 เครื่อง สามารถโทรได้ 25,000 เบอร์ต่อเครื่องต่อวัน จากการตรวจยึดทั้ง 6 เครื่อง สมมุติหากเครื่องนี้ถูกติดตั้ง และทำงานได้อย่างเต็มรูปแบบ อาจจะมีผู้ถูกหลอกและอาจจะเกิดความเสียหายวันละ 150,000 เบอร์ โดยการตรวจยึดและจับกุมครั้งนี้ตำรวจเราสามารถแก้ไขปัญหาได้ที่ต้นทาง
สำหรับระบบการทำงานของเครื่องนี้คนใช้งานและตัวซิมการ์ดจะอยู่ที่ต่างประเทศ มีเพียงซิมบ๊อกซ์ที่เราตรวจยึดติดตั้งในประเทศไทย ตอนนี้เราได้ออกหมายจับผู้ต้องหา 2 คน เป็นชาวไต้หวันจับกุมได้แล้ว 1 คน อีก 1 คนอยู่ระหว่างการสืบสวนจับกุมและทราบข้อมูลว่าตอนนี้หลบหนีไปต่างประเทศ ผู้ต้องหาที่จับตัวได้จากการตรวจเช็ค พบว่ากำลังจะเดินทางไปที่ปอยเปต ส่วนสาเหตุที่เลือกอุดรธานีเป็นฐานนั้น คาดว่าเป็นเมืองที่มีความสะดวกในการเดินทาง