“ทนายประมาณ” รับ “ปู มัณฑนา” แอบปรี๊ด “ทนายแก้ว” ใส่ความ หาให้ด่าคนออกสื่อ คิดอยากฟ้อง พร้อมเผยคดีกับ “ลูกหมี รัศมี” จะจบหรือไม่รอดูวันที่ 23 เม.ย. นี้ เป็นการซักค้านครั้งสุดท้าย ถ้าศาลพิจารณาว่าคดีไม่มีมูลก็จะยกฟ้องทันที
จากกรณีล่าสุดที่ทางนักแสดงสาวรุ่นใหญ่ “ปู มัณฑนา หิมะทองคำ” ได้มีการโพสต์ฟาดทนายความว่าเรียกเงินค่าจ้างทำคดี 1.5 แสน แต่ไม่กล้าลงลายมือชื่อ ตนตัดสินใจไม่จ้างต่อ และขอเงินจำนวนดังกล่าวคืน จนในที่สุดก็เป็นฝั่ง “ทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล” ที่ออกมาเปิดเผยว่าทนายคนดังกล่าวคือตนเอง ซึ่งตนทำงานไปแล้วบางส่วน อยู่ดีๆ มาขอถอนทนาย อีกทั้งไม่สะใจอีกฝ่ายเพราะอยากให้ด่าคนออกสื่อแต่ตนไม่ทำ ส่วนค่าจ้างนั้นก็ถือเป็นค่าวิชาชีพที่สมควรจะได้รับ แต่ก็ยินยอมคืนให้ไปแล้ว 1 แสนบาท ล่าสุดทาง“ทนายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช”ก็ได้ออกมายืนยันว่าฝั่งลูกความของตนนั้นไม่ได้มีการบอกให้ไปด่าใครออกสื่อแน่นอน
“คุณปูเขาบอกว่าเวลาให้ทำหนังสืออะไรก็แล้วแต่ให้ทนายลงลายมือชื่อในฐานะผู้มอบอำนาจ แต่ทนายไม่ยอมลงชื่อ เขาก็เลยรู้สึกนิดนึง สุดท้ายทนายก็ต่อว่าเขาแหละบอกว่าเรื่องเยอะ เขาก็เลยบอกว่าไม่จ้างแล้ว ทนายเขาก็โอนเงินคืนมา 1 แสนตามที่เขาบอกเป็นข่าวนั่นแหละ แต่ยังเหลืออีก 5 หมื่น ทีนี้ทนายไปบอกว่าเขาจ้างผมให้ไปด่าคนออกสื่อ ผมทำไม่ได้ ไม่มี เขาไม่ได้จ้างให้ไปด่าคนออกสื่อ เขาให้คุณไปแก้คดีเขาที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญาเรื่องพรบ.เช็ค คุณก็ไปแก้คดีให้เขา คุณจะชี้แจงยังไง ไม่ได้ให้คุณไปด่าเขา
ทนายที่ออกมาพูดผมก็ไม่รู้ทนายคนไหนนะ ใช่ทนายแก้วหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่เขาออกมาพูดว่าให้ผมไปด่าคนออกสื่อ ผมทำไม่ได้ ไม่มีความจริงเกิดขึ้นตรงนี้ พอทนายออกมาพูดแบบนี้คุณปูเขาก็เคืองสิ เขาจะดำเนินคดีข้อหาไปใส่ความเขา หาว่าเขาจ้างทนายไปด่าคนออกสื่อ เขาก็ยังคิดอยู่แหละ แต่ทีนี้คนไม่รู้ก็พลอยเกลียดชังอีก
แต่ที่เหลืออีก 5 หมื่นจะคืนไหมก็แล้วแต่ คือเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน ระหว่างลูกความกับทนายความ ผมเป็นทนายความออกความเห็นมากไม่ได้หรอก เพราะผมก็มีค่าวิชาชีพ ผมก็มีมาตรฐานของผมเหมือนกัน แต่คนละลีลา แต่ตอนนี้เขายังไม่มีการดำเนินคดีอะไรกับทางทนายนะ ก็แค่พูดกันไปมา คุณปูเขาก็แค่พูดว่ากระดาษแค่ใบเดียว ไปถามทนายคนอื่นก็แค่ 3-5 พัน นี่เอาตั้ง 5 หมื่น แล้วก็ยังไม่ได้ปรึกษาอะไรเลย”
บอกคดีกับ “ลูกหมี รัศมี ทองสิริไพรศรี” จะจบไม่จบรู้กัน 28 เม.ย.นี้
“28 เม.ย. นี้ศาลจะนัดซักค้าน เอาพยานหลักฐานมาว่ากัน ก่อนหน้านี้นัดไป 2 ครั้งแล้ว วันที่ 28 เม.ย. นี้ครั้งสุดท้าย ถ้าจะจบก็คือครั้งนี้แหละ ศาลจะพิจารณาว่าคดีมีมูลหรือไม่มีมูล ถ้าไม่มีมูลศาลก็ยกฟ้องเลย จะไปต่อหรือว่าหยุดก็คือวันนั้น ถ้ามีมูลก็ไปสืบพยานโจทก์กันต่อ ก็ต้องเอาพยานหลักฐานมาสู้กัน แต่ตอนนี้เราแค่ดูพยานโจทก์ว่ามีมูลหรือเปล่า
ถามว่าการที่เขาโต้กันไปมาผ่านสื่อมันเป็นผลดีหรือผลเสียยังไง คือในทิศทางคดีมันไม่ถูกเรื่องหรอก เพราะเขาเอาข้อมูลในคดีมาออกสื่อ มันอยู่ที่การพิจารณาหลักฐาน อยู่ที่การว่าความ ทุกวันนี้ทางเจ้าหนี้เขาก็ชอบเอาไปพูดออกสื่อ ออกโซเชียล คนก็ไปด่าทางลูกหนี้ ทางลูกหนี้ก็แย้งว่ามันไม่เป็นความจริง ก็เลยโต้กันไปมานี่แหละ ไม่จบ ก็รอดู 28 เม.ย. นี้แหละรู้เรื่อง”