xs
xsm
sm
md
lg

ผ่าอาณาจักรแก๊งคอลเซ็นเตอร์เมียนมา จากเมียวดีถึงพญาตองซู-จาก “หม่องชิตตู่” ถึง “อุ๊งอิ๊ง”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



เจาะ! แหล่งกบดาน“แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ในเมียนมา ตั้งแต่เมียวดี ท่าขี้เหล็ก เมืองลา ไปจนถึงพญาตองซู
ยึดพื้นที่ชายแดนเมียนมา-ประเทศเพื่อนบ้าน พบ“ชเวโก๊กโก่” เป็นการร่วมทุนระหว่างหัวหน้ากองกำลังกะเหรี่ยง KNA กับจีนเทาที่ย้ายฐานมาจากกัมพูชา ขณะที่หลายพื้นที่ทำธุรกิจสีเทาครบวงจร ทั้งสแกมเมอร์ กาสิโน พนันออนไลน์ ยาเสพติด และค้ามนุษย์ โดยมีเหยื่อถูกหลอกไปขายในเมียนมาไม่ต่ำกว่า 1.2 แสนคน “รศ.ดร.อัทธ์” เชื่อ แก้ยาก เหตุแต่ละฝ่ายได้ประโยชน์ ติง รัฐบาลไทยไร้มาตการ ชี้ ทำงานแบบนี้ใครก็เป็นนายกฯได้ พร้อมแนะ 5 แนวทางแก้ปัญหา ด้าน “พล.ต.อ.ธัชชัย” เผย เตรียมเชิญทูต 23 ประเทศหารือ

นับเป็นประเด็นร้อนข้ามประเทศเลยทีเดียวสำหรับปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงเหยื่อจากประเทศต่างๆให้ข้ามไปทำงานในประเทศเมียนมา แล้วบังคับทรมานต่างๆนาๆเพื่อให้เหยื่อยอมทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อีกทั้งยังขยายธุรกิจสีเทาหลากหลายรูปแบบ สร้างความเดือดร้อนไปทั้งภูมิภาค ร้อนถึงประเทศยักษ์ใหญ่อย่างจีนซึ่งมีประชาชนตกเป็นเหยื่อเช่นกัน จึงได้ส่งผู้แทนกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน มาหารือกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ของไทย เพื่อพูดคุยแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน

ส่วนว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์และธุรกิจผิดกฎหมายในเมียนมาจะมีที่มาที่ไปอย่างไร ฝังตัวอยู่ในจุดไหนบ้าง รวมถึงมีช่องทางที่จะแก้ไขปัญหาหรือไม่ คงต้องไปคุยกับผู้เชี่ยวชาญเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมในเมียนมา

รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช นักวิชาการด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช นักวิชาการด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ให้ข้อมูลที่น่าสนใจ ว่า จากการศึกษาพบว่าธุรกิจสีเทาในภูมิแถบนี้กระจายอยู่หลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น สปป.ลาว ซึ่งแหล่งกาสิโนและธุรกิจสีเทา แหล่งฟอกเงิน แหล่งพักพิงสแกมเมอร์ รวมกันอยู่ที่อาณาจักรคิงส์โรมัน ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ แขวงบ่อแก้ว , ประเทศกัมพูชา มีศูนย์กลางแหล่งกาสิโน พนันออนไลน์ รวมถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อยู่ที่สีหนุวิลล์ ( นอกจากนั้นยังมีกาสิโนและแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ที่ จ.พระสีหนุ , จ.เกาะกง ,ปอยเปต จ.บันทายมีชัย ,จ.อุดรมีชัย และกรุงพนมเปญ) ขณะที่ประเทศเมียนมา มีศูนย์กลางธุรกิจสีเทาอยู่ที่ ชเวโก๊กโก่ เมืองเมียวดี ซึ่งจากการขยายเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ชเวโก๊กโก่กลายเป็นแหล่งรวมธุรกิจสีเทาที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค

ทั้งนี้ สาเหตุที่ธุรกิจสีเทาในเมียนมา โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์เฟื่องฟูก็เนื่องจากปัญหาการสู้รบระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆและรัฐบาลทหารเมียนมาซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและการลงทุนต่างๆ ทำให้ทั้งรัฐบาลทหารเมียนมาและบรรดากลุ่มชาติพันธุ์ขาดรายได้จึงหันไปหาธุรกิจสีเทา ไม่ว่าจะเป็นกาสิโน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ค้ามนุษย์ ค้ายาเสพติด เพื่อนำรายได้ไปใช้ในการจัดซื้อเสบียงและอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่สำคัญยังยากที่จะปราบปรามเนื่องจากปัญหาของเมียนมามีความสลับซับซ้อน อีกทั้งระบบการเมืองการปกครองไม่เป็นเอกภาพ


รศ.ดร.อัทธ์ กล่าวต่อว่า แม้เมืองเมียวดีจะอยู่ในการปกครองของรัฐบาลทหารเมียนมา แต่เดิมก็มีกองกำลังชนกลุ่มน้อยอยู่ในเมียวดีอยู่แล้ว โดยมีการตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่ว่าเป็นการขนส่งสินค้า การเก็บค่าผ่านทาง แต่หลังจากที่มีการรัฐประหารก็เกิดกองกำลังพิทักษ์ประชาชน(PDF)ขึ้น และ PDF ได้ร่วมกับชนกลุ่มน้อยในการต่อสู้กับรัฐบาลทหารเมียนมา ทำให้รัฐบาลทหารอ่อนกำลังลง ดังนั้นการที่รัฐบาลทหารจะเข้าไปแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียวดีจึงเป็นเรื่องยาก ยิ่งเป็นพื้นที่ชายแดน ไม่ว่าจะเป็นชเวโก๊กโก่ในเมียวดี หรือท่าขี้เหล็กในรัฐฉาน การส่งกำลังทหารของรัฐบาลเมียนมาเข้าไปก็ยิ่งลำบาก ทำให้กลุ่มจีนเทาเข้ามาตั้งฐานธุรกิจบริเวณดังกล่าว ซึ่งล้วนเป็นแนวชายแดนเมียนมาที่ติดกับชายแดนไทย

“ ช่วง 5 ปีที่แล้วแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะอยู่ฝั่ง สปป.ลาว และอยู่บริเวณเกาะกง ประเทศกัมพูชา ซึ่งการปราบปรามทำได้ไม่ยากเพราะเป็นรัฐบาลเดียว มีเอกภาพในการบริหารงาน เมื่อรัฐบาลกัมพูชาดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจัง แก๊งเหล่านี้จึงพากันย้ายฐานไปอยู่ในเมียนมา ภายใต้สถานการณ์ที่มีหลายฝ่ายเข้าไปเกี่ยวข้อง มีทั้งกองกำลังอิสระ กองกำลังติดอาวุธของกลุ่มชาติพันธ์ต่างๆ และรัฐบาลทหาร ซึ่งต่างก็แยกการบริหารเป็นเอกเทศ ดังนั้นการปราบปรามธุรกิจสีเทาจึงเป็นไปได้ยาก อย่างรัฐบาลไทยอยากให้กัมพูชาร่วมแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็เจรจากับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาโดยตรง แต่ถ้าไทยจะแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ร่วมกับเมียนมา ถามว่าจะคุยกับใคร ที่สำคัญทั้งรัฐบาลทหารและบรรดากลุ่มชาติพันธุ์ต่างก็ต้องการเงินทุนเพื่อใช้สู้รบ และในเมื่อส่งออกไม่ได้ นักลงทุนก็ไม่เข้าไป อุตสาหกรรมต่างๆหยุดหมดเพราะมีการสู้รบ รายได้จากการท่องเที่ยวก็ลดน้อยลงมาก เขาจึงหันมาหารายได้จากธุรกิจสีเทา ซึ่งนอกจากกาสิโน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการค้ามนุษย์ ธุรกิจที่สร้างรายได้ได้มากที่สุดในเมียนมาตอนนี้ก็คือยาเสพติด ” รศ.ดร.อัทธ์ กล่าว


สำหรับจุดกำเนิดของธุรกิจสีเทาในชเวโก๊กโก จ.เมียวดี ประเทศเมียนมานั้น เริ่มต้นมาจากหลังจากที่ธุรกิจสีเทาซึ่งเคยเฟื่องฟูในสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชาล่มสลาย ในช่วงปี 2562 กลุ่มทุนจีนสีเทาก็ได้ย้ายฐานธุรกิจกาสิโน พนันออนไลน์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จากกัมพูชามายัง “ชเวโก๊กโก่” เมืองเมียวดี ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากสะพานมิตรภาพ ไทย - เมียนมา แห่งที่ 1 ประมาณ 25 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 720 ตารางกิโลเมตร และมีความยาว 16 กม. จาก อ.แม่สอดถึง อ.แม่ระมาด จ.ตาก

ปัจจุบันชเวโก๊กโก่ได้กลายเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษของเมียนมา ที่ดำเนินธุรกิจสีเทาภายใต้การดูแลของ พ.อ.ซอ ชิตตู่ หรือที่เรียกกันว่า“หม่องชิตตู่” ผู้นำกองกำลังพิทักษ์ชายแดนพม่า (BGF) ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นกองกำลังแห่งชาติกะเหรี่ยง(KNA) โดยผู้นำกองกำลัง KNA ได้ร่วมหุ้นกับ บริษัท ยาไท่ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลด์ดิ้ง กรุ๊ป (Yatai International Holding Group: IHG) ที่มี เสอจื้อเจียง หรือ “เสอ เกรียง ขาย” ชาวจีน สัญชาติกัมพูชา ผู้ต้องหาคดีเว็บพนันชาวจีนซึ่งถูกจับในไทยเมื่อเดือน ส.ค.2565 เป็นเจ้าของ โดยก่อตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชเวโก๊กโก่ขึ้นมา ซึ่งส่งผลให้ตระกูลของผู้นำกองกำลัง KNA มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นจนสามารถขยับขยายธุรกิจในเมียวดีออกไปหลายประเภท รวมถึงการขยับขยายอาณาจักรพนันและสแกมเมอร์ออนไลน์ออกไปในหลายพื้นที่ของชายแดนรัฐกะเหรี่ยงอีกด้วย

โดยแหล่งธุรกิจสีเทาซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในชเวโก๊กโก่ เมืองเมียวดี ได้แก่ เคเค พาร์ค (KK Park) ซึ่งมีทั้งกาสิโน พนันออนไลน์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตั้งอยู่ตรงข้าม ต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก ของไทย และอยู่ในเขตอิทธิพลของพันตรี เต่งวิน รองผู้บังคับกองพันกองกำลัง KNA ซึ่งผู้ร่วมลงทุนคือกลุ่มทุนจีนจากบริษัทตงเหมยกรุ๊ป (Dongmei group) โดยมีนายหวัน ค็อกคอย (Wan Kouk-koi) ฉายาไอ้ฟันหลอ อดีตหัวหน้ากลุ่ม 14K เป็นประธานบริษัท นอกจากนั้นยังมี ยูหลง เบย์ พาร์ค (Yulong Bay Park) และ อะพอลโล พาร์ค (Apollo Park) ซึ่งอยู่ติดกับริมแม่น้ำเมยใกล้ชายแดนไทยบริเวณ อ.แม่สอด และตั้งอยู่ระหว่างตัวเมืองเมียวดีกับชเวโก๊กโก่ โดยทั้งสองแห่งเป็นแหล่งรวมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่โทร.ข้ามประเทศเพื่อหลอกเงินจากเหยื่อในประเทศต่างๆ

รวมถึงตงเหมย พาร์ค (Dongmei Park) แหล่งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีกแห่ง และเมืองใหม่เมียวดี (Myawaddy New City)แหล่งกาสิโน พนันและสแกมเมอร์ออนไลน์ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งแกนนำ KNA เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ร่วมกับนายทุนชาวสิงคโปร์และชาวจีน โดยจากข้อมูลเมื่อปี 2566 พบว่า มีบริษัทสแกมเมอร์กว่า 30 แห่งตามแนวชายแดน ไทย – เมียนมา และกำลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ที่ตั้งเมืองสแกมเมอร์และพนันออนไลน์ของเครือข่ายกองกำลัง KNA  : ข้อมูลโดย Justice for Myanmar
ทั้งนี้ รายงานจากหน่วยงานความมั่นคง ระบุว่า ผลจากการตรึงกำลังตามแนวชายแดนอย่างเข้มข้นของกองทัพภาคที่ 3 และการตรวจค้นอย่างเข้มงวดของตำรวจตามแนวชายแดน ทำให้ขบวนการใต้ดินผิดกฎหมายในฝั่งไทย-เมียนมาเคลื่อนไหวได้ยาก ส่งผลให้ทุนจีนสีเทาเริ่มขยับเส้นทางมายังเมืองเมาะลำไย (Mawlamyine ) เส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก หรือ EastWest Economic Corridor และนับตั้งแต่ต้นปี 2567 เป็นต้นมา ทุนสีเทาก็ได้ย้ายฐานจากเมืองเมาะลำใยลงใต้ มายังเขตเมืองพญาตองซู หรือพะย่าโต้นซู จ.จะอินเซ็กจี ซึ่งเป็นแนวชายแดนเมียนมาที่ติดกับด่านเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี โดยพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตอิทธิพลของ พ.อ.เอวัน หรือ เพียวลิน ผบ.ศูนย์บัญชาการทางยุทธวิธีที่ 2 กองกำลัง DKBA (กองทัพกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย) ซึ่งนอกจากจะเป็นแหล่งหนึ่งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้วยังถูกใช้เป็นเส้นทางผ่านของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด สินค้าหนีภาษี และยังมีเครือข่ายขบวนการลักลอบพาคนเข้าเมืองอยู่ในฝั่งไทยและเมียนมาอีกด้วย

รศ.ดร.อัทธ์ ระบุว่า โดยภาพรวมธุรกิจสีเทาในเมียนมามักอยู่ในพื้นที่ตามแนวชายแดนเมียนมา อันได้แก่ ชเวโก๊กโก่ เมืองเมียวดี ซึ่งติดกับ อ.แม่สอด จ.ตาก ของไทย ซึ่งจะมีทั้งกาสิโน ค้ามนุษย์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ , ท่าขี้เหล็ก ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันออกของรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ติดกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ของไทย โดยจะมีกาสิโน และยาเสพติดเป็นหลัก , เมืองลา หรือเมืองล้า เขตปกครองพิเศษของรัฐฉาน ซึ่งอยู่บริเวณตอนเหนือของรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ที่อยู่ติดกับประเทศจีน เป็นเมืองกาสิโน ถูกขนานนามว่า“ลาสเวกัสแห่งเมียนมา” นอกจากนั้นยังมีการค้าประเวณีถูกกฎหมาย การค้าสัตว์ป่าหายาก รวมถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ , เมืองพญาตองซู ของเมียนมา ซึ่งเป็นแนวชายแดนที่ติดกับด่านเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี จะมีทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สินค้าหนีภาษี ค้ายาเสพติด และค้ามนุษย์ โดยจากข้อมูลพบว่าที่ผ่านมามีเหยื่อที่ถูกหลอกไปค้ามนุษย์ในเมียนมาไม่ต่ำกว่า 120,000 คนเลยทีเดียว

สำหรับการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมาที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนคนไทย รวมถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทยนั้น “รศ.ดร.อัทธ์” มองว่า เป็นเรื่องที่เป็นที่ค่อนข้างยากเนื่องจากเกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้ผลประโยชน์อย่าง KNA และชนกลุ่มน้อยซึ่งอยู่ในพื้นที่อันเป็นฐานที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และธุรกิจสีเทา ส่วนรัฐบาลทหารเมียนมาก็อ่อนกำลัง และเป็นธรรมดาที่เขาจะดำเนินการอะไรเขาต้องได้ประโยชน์ ด้านรัฐบาลจีนก็ไม่กล้าทำอะไรมากนักเพราะจีนเองก็มีธุรกิจหลายอย่าง รวมถึงท่อก๊าซอยู่ในเมียนมา จึงเกรงว่าหากแข็งกร้าวมากไปธุรกิจในเมียนมาอาจถูกกองกำลังต่างๆโจมตีส่งผลให้เกิดความเสียหายได้ จีนจึงเลือกใช้วิธีเจรจาเป็นรายเคสในกรณีที่คนจีนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์จับตัวไปเท่านั้น ขณะที่ในส่วนของรัฐบาลไทย ภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ยังไม่มีมาตรการอะไรที่ชัดเจน

“ สิ่งที่นายกฯตอบคำถามในทุกๆปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ ได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว ถามว่ามอบหมายอะไร ? มันไม่เห็นมาตรการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเขาก็ไปทำตามกฎหมาย ทำแบบที่เคยทำ มันเป็นงานลูทีน ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม ถ้าทำงานสไตล์นี้เอาใครมาเป็นนายกฯก็ได้ ” รศ.ดร.อัทธ์ กล่าว

พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ และผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ทั้งนี้ “รศ.ดร.อัทธ์” ได้แนะนำมาตรการที่รัฐบาลควรทำเพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อันได้แก่

1. ค่ายบริษัทมือถือต้องเข้ามาร่วมรับผิดชอบในกรณีที่ข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของลูกค้ารั่วไหล เพราะการวาง
ระบบเพื่อป้องกันการแฮ็กข้อมูลถือเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของค่ายมือถือ

2. สถาบันการเงินที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ดูดเงินของลูกค้าออกไปจากบัญชีธนาคารในแอพพลิเคชั่นบนมือถือต้อง
รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดกับลูกค้า เนื่องจากถือเป็นความบกพร่องของระบบแอพพลิเคชั่นของธนาคารที่ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์สามารถเข้าถึงบัญชีของลูกค้าได้

3. รัฐบาลต้องตั้งหน่วยงานด้านมั่นคงเพื่อดำเนินการกวาดล้างเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ภายในประเทศอย่างจริงจัง

4. ให้รางวัลนำจับแก่ผู้ที่แจ้งเบาะแสแก๊งคอลเซ็นเตอร์

5. กำหนดบทลงโทษแก่ผู้ก่อเหตุและผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างหนัก

ด้าน พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ และผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ทางการไทยกับจีนจะทำงานร่วมกันผ่านศูนย์ประสานงาน นอกจากนั้นเร็วๆนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเชิญเอกอัครราชทูตจาก 23 ประเทศซึ่งประจำอยู่ในประเทศไทยมาหารือเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศต่างๆเพื่อขยายผลและดำเนินการจับกุมต่อไป

“ โดยเราจะเน้นประเทศที่ประชาชนของเขาถูกหลอกไปทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศเมียนมาและประเทศในภูมิภาคแถบนี้ที่ใช้ไทยเป็นทางผ่าน เช่น เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย เอธิโอเปีย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน และช่วยกระจายข่าวสารให้ประชาชนในประเทศเขาระมัดระวังภัยจากแก็งคอลเซ็นเตอร์ และหากพบว่ามีประชาชนจากประเทศเหล่านี้กำลังจะเดินทางผ่านด่านชายแดนไทยเพื่อข้ามไปเมียนมาก็จะประสานไปยังสถานทูตของประเทศต้นทางให้พูดคุยทำความเข้าใจกับประชาชนของเขา ” พล.ต.อ.ธัชชัย ระบุ
กำลังโหลดความคิดเห็น