สมุทรสงคราม - อากาศที่หนาวนานทำชาวสวนเครียด หวั่นดอกลิ้นจี่ฝ่อผลผลิตลดลง ขณะที่ค่าแรงได้ขึ้นเป็นวันละกว่า 1 พันบาท และยังต้องจองตัว วอนจัดหางานจังหวัด จัดอบรมสอนนักศึกษาทำงานเดินหลัว คัดลิ้นจี่ อยู่โคนต้นในสวนหารายได้พิเศษช่วงปิดเทอม
นายชัยยันต์ เจียมศิริ ประธานกลุ่มเครือข่ายสภาเกษตรกรไม้ผล จ.สมุทรสงคราม เปิดเผยว่า เนื่องจากอากาศหนาวเย็นที่ผ่านมา อุณหภูมิในสวน 18-20 องศาเซลเซียส ทำให้ลิ้นจี่ของ จ.สมุทรสงคราม ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ค่อม ปัจจุบันมีพื้นที่เพาะปลูกจำนวน 5,093 ไร่ ได้แทงช่อดอกออกมากันสะพรั่งทุกสวนประมาณ 90% ของพื้นที่ ทำให้ชาวสวนยิ้มได้ หลังลิ้นจี่ไม่ให้ผลผลิตมา 2 ปี
ขณะนี้ชาวสวนบางรายเริ่มมีความกังวล เพราะอากาศหนาวเย็นที่ยาวนานไม่เป็นผลดีกับลิ้นจี่ ที่ต้องการอากาศเย็น 18-20 องศาฯ เพียงแค่ 10-15 วันเท่านั้น แต่ปีนี้อากาศหนาวเย็นอุณหภูมิต่ำนานเกือบเดือน ทำให้ดอกลิ้นจี่ที่แทงช่อออกมาแล้วเมื่อไม่ได้รับอากาศที่อุ่นขึ้นหรือแสงแดด ดอกจะไม่บาน ชาวสวนเรียกว่า “อั้นดอก” และหากนานกว่านี้ดอกจะฝ่อไม่ให้ผลผลิตในที่สุด
อย่างไรก็ตาม นายชัยยันต์ กล่าวว่าวันนี้อากาศเริ่มอุ่นขึ้นแล้วจึงคาดว่าดอกลิ้นจี่แม้จะบานล่าช้า แต่จะไม่เกินสัปดาห์หน้า ดอกจะบานในเวลาใกล้เคียงกัน จึงทำให้มีผลผลิตรุ่นเดียว โดยชาวสวนจะทยอยเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายนเป็นต้นไป หรือเทศกาลเช็งเม้ง ประมาณ 4-5,000 ตัน
สำหรับปัญหาขาดแคลนแรงงานเก็บลิ้นจี่นั้น นายชัยยันต์ บอกว่าเมื่อ 2-3 ปีก่อน ค่าแรงงานคนที่ขึ้นไปหักลิ้นจี่บนต้นซึ่งต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ค่าแรงอยู่ที่วันละ 800-1,000 บาท แต่ปีนี้น่าจะเกิน 1,000 บาทไปแล้ว เพราะการที่ลิ้นจี่มีแนวโน้มให้ผลผลิตเยอะแต่แรงงานมีน้อยจึงเกิดการจองตัวกันล่วงหน้า แต่ถ้าเป็นแรงงานเดินหลัว คัดลิ้นจี่ ทำงานอยู่โคนต้นในสวน ต้องขอให้หน่วยงานภาครัฐ เช่น สำนักงานแรงงานจังหวัด เพราะชาวสวนลิ้นจี่มีความต้องการแรงงานส่วนนี้จำนวนมาก จึงขอให้เชิญชวนผู้ที่สนใจหรือนักศึกษาไปฝึกอบรมเป็นแรงงานส่วนนี้ ชาวสวนพร้อมจ่ายค่าแรงวันละ 300-400 บาทให้อยู่แล้ว
ส่วนลิ้นจี่ที่ปีนี้คาดว่าจะให้ผลผลิตจำนวนมาก ตนอยากให้ทางจังหวัด และพาณิชย์จังหวัดประชุมชาวสวนเพื่อเตรียมจัดงานสนับสนุนการจำหน่ายให้หลายช่องทาง เพราะถ้าลิ้นจี่ของสมุทรสงครามออกเยอะ ตนเชื่อว่าลิ้นจี่ต่างจังหวัดก็ออกเยอะเช่นกัน จึงจำเป็นต้องจัดงานใหญ่ “เทศกาลลิ้นจี่” ที่หน้าศาลากลางหนึ่งงาน และจัดใกล้สวน เช่น วัดอินทาราม วัดปากน้ำ อีกสัก 3-4 ที่ สำหรับผู้ที่สะดวกเข้าสวน แต่ถ้าไม่สะดวกจะซื้อในงานที่หน้าศาลากลางก็ได้ แต่การจัดงานต้องให้เกษตรกรชาวสวนมีส่วนร่วมมากที่สุด
