(Police Focus)
กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นำโดย พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น.ร่วมกับ ปปส.กทม.แถลงผลปฏิบัติการระดมปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ ห้วงระหว่างวันที่ 10-17 ม.ค. ตรวจค้นชุมชนแพร่ระบาด 215 เป้าหมาย ดำเนินการปราบปราม 71 เครือข่าย จับกุมรวมทุกข้อหา 277 คดี ยึดของกลาง ยาบ้า 9,098 เม็ด ไอซ์ 197 กก. ยาอี 130 เม็ด เฮโรอีน 1.3 กก. รวมถึงอาวุธปืน ลูกกระสุน รถยนต์ และรถจักยานยนต์หลายรายการ ยึดทรัพย์สินมูลค่า 11 ล้านบาท
โดยคดีสำคัญเป็นของ บก.น.2 สืบสวนขยายผลจับกุม นายณรงค์ หรือปู อายุ 38 ปี พร้อมของกลาง ไอซ์ 105 กก. ยาบ้า 30 เม็ด ปืนสั้น 2 กระบอก รถยนต์ 1 ค้น ได้ที่ห้องพักภายในแมนชั่นย่านบางซื่อ ไปรับยามาจาก จ.สุพรรณบุรี จำนวน 6 กระสอบ กระสอบละ 25 กก. นำมาพักเพื่อรอส่งให้ลูกค้าตามคำสั่ง ได้รับค่าจ้าง กก.ละ 1,000 บาท ทำมาแล้วหลายครั้ง นับเป็นผลงานสำคัญในยุค พ.ต.อ.เจษฎา สวยสม รรท.ผบก.น.2 หลังเข้ามารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 15 ม.ค.68
พ.ต.อ.เจษฎา กล่าวว่า ผบช.น.ได้เรียกประชุมบริหารกำชับ 4 เรื่อง 1. การถวายความปลอดภัยซึ่งเป็นภารกิจสูงสุด 2. นำนโยบาย ผบ.ตร.นำมาปฏิบัติให้เกิดรูปธรรมอย่างแท้จริง โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันต้องแก้ไขอย่างรวดเร็ว 3. เน้นย้ำขวัญกำลังใจและสวัสดิการผู้ใต้บังคับบัญชา 4. ประชาชนเป็นศูนย์กลาง ด้วยพื้นที่ของ บก.น.2 มีการขยายตัวของเมือง ปริมาณประชากร สภาพปัญหามีความสลับซับซ้อน ติดต่อกับเขตปริมณฑล ปัญหาอาชญากรรมจึงเยอะเป็น เงา ตามตัว
ตนมอบหมายให้ทุกโรงพักเลือกเป้าหมายที่สำคัญที่สุด โดยจัดลำดับความจำเป็นเร่งด่วนของสถานการณ์ สภาพปัญหา แล้วนำไปสู่มาตรการแก้ไขได้ตรงเป้าที่สุด เพื่อเข้าถึงปัญหาและประชาชน เมื่อประชาชนเชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจ ก็จะรู้สึกว่าตำรวจพึ่งได้ จึงเป็นที่มาของแนวคิด ตรงเป้า เข้าถึง พึ่งได้ ตนมาในฐานะผู้ร่วมงานผู้ร่วมคิดให้กับโรงพักต่างๆ เพราะ ผกก.แต่ละคนภารกิจเยอะมาก ถ้าไม่มีจุด โฟกัส ที่แน่นอน การแก้ปัญหาบางอย่างก็ไม่มีประสิทธิภาพ
วิธีการทำงานของตน 1. คิดก่อนทำ วิเคราะห์ปัญหาที่แท้จริงว่าสภาพพื้นที่แต่ละโรงพัก มีปัญหาอะไรบ้าง 2. คิดวิธี แก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่กำลัง หรือข้อจำกัดเรามี 3. ประชาชนเป็นศูนย์กลาง เน้นย้ำ ผกก.ทุกโรงพักลงพื้นที่ชุมชนต่างๆ ด้วยตัวเอง เพราะประชาชนกับตำรวจยังมี กำแพง เรื่องความเชื่อมั่น นำทีมชุดสืบสวน ป้องกันปราบปราม จราจร สอบสวน พบปะพูดคุย ที่ผ่านมาเราไม่ค่อยลงไปทำอะไรอย่างนี้ ความสงสัยคับข้องใจของประชาชนยังมีอยู่
"บางเรื่องไม่ใช่ตำรวจไปทำอะไรไม่ดี แต่ชาวบ้านไม่รู้ข้อกฎหมาย หรือวิธีการปฏิบัติ จนเกิดความเข้าใจผิด เช่น เรื่องยาเสพติด เหตุใดชาวบ้านไม่ร่วมมือกับตำรวจ เพราะมองว่าจับมาแล้วก็ปล่อย ไม่เอาจริงเอาจัง แต่จริงๆ ตำรวจทำงานแต่ไม่ไปสืบให้ใครทราบ อีกอย่างเขาไม่รู้ว่าอำนาจตามกฎหมายเรามีแค่ไหน สายตรวจไปตรวจทุกวันไม่ได้บกพร่อง ทุกอย่างมีการสแกน มีระบบตรวจสอบ แต่ชาวบ้านยังถามไม่เห็นมาตรวจเลย เราต้องทำให้ตำรวจไม่เป็นหุ่นยนต์ มีปฏิสัมพันธ์กับชาวบ้าน ทุกคนเป็นตำรวจชุมชนสัมพันธ์ได้ เราพยายามปรับแนวคิดของตำรวจ" รรท.ผบก.น.2 กล่าว
สำหรับประวัติ ว่าที่ผู้การป้ายแดง จบ นรต.รุ่น 45 เคยรับราชการที่ กองคดีเศรษฐกิจ (ปอศ.ปัจจุบัน) ตำรวจน้ำ ตำรวจรถไฟ (สน.นพวงศ์) กองปราบปราม (ช่วงเกิดเหตุปล้นปืนค่ายปิเหล็ง ปี 2547) บช.ภาค 2 อยู่ จ.ชลบุรี จ.ระยอง ขึ้น ผกก.สน.สามเสน ผกก.สน.ราษฎร์บูรณะ โยกไป บช.ท่องเที่ยว กลับมาเป็น รอง ผบก.น.7 รอง ผบก.น.8 ล่าสุดรับตำแหน่ง รรท.ผบก.น.2 มีประสบการณ์หลากหลายพื้นที่และรูปแบบ การมาเป็นผู้การ 2 มีเป้าหมายชัดเจนคือ ลดอาชญากรรม
แม่ทัพนครบาล 2 กล่าวว่า คดีอุจกรรจ์เกี่ยวกับทรัพย์เดิมมุ่งไปร้านทอง ธนาคาร หรือจุดเสี่ยงต่างๆ ปัจจุบันเกิดจากความคึกคะนองของวัยรุ่น รวมกลุ่มมั่วสุมเจอฝ่ายตรงข้ามใช้อาวุธข่มขู่เอาทรัพย์สิน การมั่วสุมเป็นแหล่งเพาะอาชญากรรม ประชาชนเอือมระอา บางพื้นที่รับแจ้งเหตุซ้ำแล้วซ้ำอีกจนชาวบ้านไม่รู้พึ่งใคร ไปพึ่งบรรดา อินฟลูเอ็นเซอร์ สุดท้ายก็ตำรวจทำอยู่ดี คำถามทำไมตำรวจไม่ทำเสียก่อน เราต้องจัดลำดับความสำคัญให้ถูกต้อง แล้วลงไปแก้ไขให้ถูกจุด
"มาตรการคือ 1. อย่าให้พวกนี้สัญจรไปมาโดยสะดวก 2. ตีกลุ่มพวกนี้ให้แตกโดยบูรณาการทุกฝ่ายของโรงพัก เพื่อลดอาชญากรรมที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง ที่สำคัญประชาชนปลอดภัย มีความพึงพอใจ เชื่อมั่นศรัทธาตำรวจมากขึ้น" พ.ต.อ.เจษฎา กล่าวกับ MGR Online "ผมผ่านงานป้องกันปราบปรามมาเยอะ ได้ให้ความสำคัญตรงนี้ จริงๆ ให้ความสำคัญทุกงาน ภูมิใจที่สุดคือสามารถป้องกันเหตุโดยใช้ทฤษฎีทุกอย่าง เหมือนปิดทองหลังพระ ไม่เด่นไม่ดัง ไม่มีสีสันอะไร ให้ชาวบ้านปลอดภัยถือว่าสำเร็จ"
