ออกซ์แฟมเตือน “ระบอบคณาธิปไตยในมือกลุ่มอภิชน” ซึ่งหมายถึงมหาเศรษฐีกลุ่มหนึ่งที่มีอิทธิพลทางการเมืองมหาศาล สามารถกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจและสังคมที่จะทำให้ตนเองกอบโกยกำไรเพิ่มขึ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์
วันจันทร์ (20 ม.ค.) ออกซ์แฟม มูลนิธิการกุศลระดับโลก ได้เปิดเผยรายงานการประเมินความเหลื่อมล้ำทั่วโลกที่จัดทำขึ้นเป็นประจำทุกปีและเผยแพร่ออกมาก่อนที่ประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรัม ที่ดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ จะเริ่มต้นขึ้นในวันเดียวกัน ซึ่งยังเป็นวันที่โดนัลด์ ทรัมป์ ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ในรายงาน ออกซ์แฟมระบุว่า ชัยชนะในการเลือกตั้งและแผนลดภาษีของทรัมป์เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเหล่าอภิมหาเศรษฐีที่มีสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นอีก 2 ล้านล้านดอลลาร์เป็น 15 ล้านล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา
“ความมั่งคั่งหลักล้านล้านดอลลาร์ถูกส่งต่อและก่อกำเนิดระบอบคณาธิปไตยในมือกลุ่มอภิชนที่มีอำนาจล้นฟ้าในระบบการเมืองและเศรษฐกิจ”
รายงานของออกซ์แฟมตอกย้ำคำเตือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วของโจ ไบเดน ที่กลายเป็นอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนล่าสุดที่ระบุว่า ระบอบคณาธิปไตยในมือเหล่ามหาเศรษฐีกำลังคุกคามประชาธิปไตยของอเมริกา
ออกซ์แฟมตั้งข้อสังเกตว่า อีลอน มัสก์ เจ้าของเทสลาและแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ช่วยอัดฉีดแคมเปญหาเสียงของทรัมป์
อมิตาภ เบฮาร์ ผู้อำนวยการบริหารออกซ์แฟม ชี้ว่า สิ่งสำคัญที่สุดของระบอบคณาธิปไตยใหม่คือ ทรัมป์ประธานาธิบดีและมหาเศรษฐี ได้รับการสนับสนุนจากมัสก์ที่เป็นมหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลก และมีอำนาจในการบริหารอเมริกาที่เป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก
เบฮาร์สำทับว่า นี่ไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นปัญหาของระบบเศรษฐกิจที่ขณะนี้มหาเศรษฐีกลุ่มหนึ่งสามารถกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจและสังคมที่จะทำให้ตนเองกอบโกยกำไรเพิ่มขึ้น และเสริมว่า รายงานฉบับนี้ต้องการเตือนว่า ประชาชนธรรมดาทั่วโลกกำลังถูกบดขยี้จากมหาเศรษฐีกลุ่มเล็กๆ
รายงานของออกซ์แฟมที่มีชื่อว่า "Takers Not Makers" พบว่า ปีที่ผ่านมามีอภิมหาเศรษฐีระดับพันล้านดอลลาร์ขึ้นไปหน้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น 204 คน หรือเกือบ 4 คนต่อสัปดาห์ รวมเป็น 2,769 คน และสินทรัพย์ของคนเหล่านี้ยังเพิ่มขึ้นเร็วกว่าปี 2023 ถึง 3 เท่า และเศรษฐีพันล้านเหล่านี้แต่ละคนรวยขึ้นเฉลี่ยวันละ 2 ล้านดอลลาร์
ออกซ์แฟมยังคาดว่า ทั่วโลกจะมีมหาเศรษฐีที่มีสินทรัพย์หลักล้านล้านดอลลาร์จำนวน 5 คนภายในหนึ่งทศวรรษ หรือเพิ่มขึ้นจากแค่คนเดียวที่คาดการณ์ไว้เมื่อปีที่แล้ว และสำทับว่า ชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์ช่วยให้มหาเศรษฐียิ่งรวยขึ้น และคาดว่า นโยบายของผู้นำสหรัฐฯ ผู้นี้จะทำให้ความเหลื่อมล้ำยิ่งเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
เซซิล ดูโฟลต์ ผู้นำของออกซ์แฟม ฝรั่งเศส (ออกซ์แฟม ฟรานซ์) ขานรับว่า อเมริกาอยู่ในสถานการณ์ที่คนรวยอาจซื้อประเทศได้ ท่ามกลางความเสี่ยงที่ประชาธิปไตยถูกบ่อนทำลายให้อ่อนแอลง
ทั้งนี้ มหาเศรษฐีโลก 3 อันดับแรกล้วนแล้วเป็นแขกที่จะไปร่วมเป็นสักขีพยานการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ ซึ่งได้แก่ มัสก์, เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งแอมะซอน และมาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก เจ้าของเมตาที่เป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม และวอตส์แอป
ขณะเดียวกัน แม้ทรัมป์ไม่ได้ไปปรากฏตัวที่ดาวอสโดยจะร่วมประชุมเสมือนปลายสัปดาห์นี้ ทว่า การเข้ารับตำแหน่งของเขามีแนวโน้มเป็นประเด็นสำคัญในที่ประชุม เนื่องจากแผนการเรียกเก็บภาษีศุลกากร การผ่อนคลายกฎระเบียบ การขยายมาตรการยกเว้นภาษี และการจำกัดคนเข้าเมืองของประมุขทำเนียบขาวผู้นี้จะส่งผลอย่างมากต่อเศรษฐกิจโลก
ในอีกด้านหนึ่ง ความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มขึ้นจุดชนวนการถกเถียงเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีเหล่าซูเปอร์ริชทั่วโลก และออกซ์แฟมเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ดำเนินการขั้นตอน เช่น ยุติการผูกขาด จำกัดค่าตอบแทนซีอีโอ และกำหนดกฎระเบียบให้ภาคธุรกิจจ่ายค่าจ้างเพื่อการดำรงชีวิตที่เหมาะสมให้แก่พนักงาน
(ที่มา: เอพี/เอเอฟพี)