พิษณุโลก - ผู้ตรวจการแผ่นดินฯ ร่วมสางปัญหาชาวนครไทยฝากเงินธนาคารหมู่บ้านแล้วถอนไม่ได้ เสียหายกว่า 500 ล้าน ผนึก DSI ปปง.ลุยตรวจทรัพย์สิน ก่อนยึด ผกก.นครไทย ลั่นเดินหน้าแจ้งข้อหาผู้เกี่ยวข้องต่อเนื่อง เผยปี 64 กองปราบจับชุดแรกเรื่องอยู่ในศาล-67 นายกอบต.พร้อมเครือข่าย โดนรวบเข้าคุก-อัยการสั่งฟ้อง-ไม่ได้ประกัน ชี้ยังมีธนาคาร/กองทุนเถื่อน ให้จับกุมอีกอื้อ
นายสิริน ชาวเพ็ชรดี รองเลขาธิการ ปฏิบัติการแทนเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการฝากเงินกับธนาคารหมู่บ้าน ตามแนวพระราชดำริ อ.นครไทย จะ.พิษณุโลก จำนวน 10 แห่ง เป็นเหตุให้ประชาชนกว่า 8,000 คนได้รับความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท เมื่อบ่ายวันที่ 13ม.ค.68 ที่ผ่านมา ที่ศาลาประชาคม ที่ว่าการ อ.นครไทย
โดยมีนายสไว เจริญศรี นายอำเภอนครไทย พ.ต.อ.สมบูรณ์ สีแดง ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรนครไทย, เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯลฯ ร่วมชี้แจงต่อประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนที่มารับฟังประมาณ 500 คน
ชาวบ้านนครไทยชี้แจงปัญหาที่ฝากเงินกับธนาคารหมู่บ้าน แต่ถอนไม่ได้ จนเดือดร้อนนำมาสู่ปัญหาในครอบครัว เหมือนถูกหลอกถอนเงินธนาคารของรัฐ นำไปฝากเงินต่อธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริในพื้นอำเภอนครไทย เพราะความเชื่อมั่น ผิดๆ
โดยสมาคมนักพัฒนาหมู่บ้านแห่งประเทศไทย ตั้งธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริบ้านน้ำทวน หมู่ที่ 6 ตำบลนาบัว ขึ้นเป็นแห่งแรกในพื้นที่อำเภอนครไทย เมื่อปี 2540 ขออนุญาตใช้ตราสัญลักษณ์งานฉลอง สิริราชสมบัติครบ 50 ปี พระราชพิธีกาญจนาภิเษก จากนั้นขยายไปหลายหมูบ้าน 10 แห่งในอำเภอนครไทย
คือ 1. ธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ เครือข่ายสาขา อำนครไทย (สาชาแม่ข่าย)
2. ธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ เครือข่ายสาขา บ้านน้ำทวน ตำบลนาบัว
3. ธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ เครือข่ายสาขา บ้านนาบัว ตำบลนาบัว
4.ธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ เครือข่ายสาขา บ้านโนนบึง ตำบลนาบัว
5 ธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ เครือข่ายสาชา บ้านนาคล้อ ตำบลนาบัว
6. ธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ เครือข่ายสาขา บ้านน้ำลอม ตำบลนาบัว
7 ธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ เหรือข่ายสาขา บ้านไร่พัฒนา ตำบลนาบัว
8. ธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ เครือข่ายสาขา บ้านกกกะบาก ตำบลยางโกลน
9. ธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำรี เครือข่ายสาขา บ้านโคกเนินทอง ตำบลบ่อโพธิ์
10. ธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริ เครือข่ายสาขา บ้านโนน ตำบลนาบัว
ปลายปี 64 ธนาคารหมู่บ้านฯ มีสถานะรับฝากเงินและไม่สามารถอนเงินได้ สมาชิก 8,000 บัญชีและเงินฝาก 500 ล้านบาท ชาวบ้านซึ่งเป็นสมาชิกเดือดร้อนหนัก ร้องไปทุกหน่วยงาน แต่ไม่คืบ
พ.ต.ท.สมบูรณ์ สีแดง ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรนครไทย กล่าวถึงความคืบหน้าของคดี แยกเป็นสำนวนของตำรวจกองปราบปี 64 (ชุดแรก)ข้อหายักยอกทรัพย์ ขณะนี้เรื่องอยู่ที่ศาลแขวงนครไทยแล้ว ส่วนคดีเมื่อมีนาคม 67 ที่ผ่านมา ที่ได้เปิดปฎิบัติการฟ้างสาง สามามรถจับกุมนายกอบต.นาบัว หรือประธานธนาคารหมู่บ้านน้ำทวน (อ.นครไทย)ได้นั้น ได้แจ้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินประชาชนใน 8 คดี มีผู้เสียหายประมาณ 2 พันกว่าคน ทุนทรัพย์เสียหาย 280 ล้านบาท ผู้ต้องหาถูกจับกุมเข้าเรือนจำทั้งหมด ไม่ได้ประกันตัว สำนวนอยู่ที่อัยการ ซึ่งมีความเห็นสั่งฟ้องเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ส่วนธนาคารหมู่บ้านฯ นาบัว ผู้เสียหาย 500 คน มูลค่าความเสียหาย 70 ล้านบาท ทำสำนวนคดีเสร็จแล้ว คาดว่าจะส่งถึงมืออัยการในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ไม่ใช่ธนาคาร คือ ”กองทุนหมู่บ้านนาไก่เขี่ย” มูลค่าความเสียหาย 29-35 ล้านบาท สอบผู้เสียหายไปแล้ว 122 คน หากใครที่ฝากเงินไว้กองทุนหมู่บ้านนาไก่เขี่ย ขอประชาสัมพันธ์ว่า ให้รีบมาแจ้งความที่ สภ.นครไทย ที่เจ้าหน้าที่เตรียมจะดำเนินคดีอีกราย
ตัวแทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า เดินทางมาหลายร้อยกิโลเมตรเพื่อดำเนินการคดีร่วมกับ สภ.นครไทย ขณะที่ตัวแทนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ยืนยันว่า กำลังรวมรวมพยานหลักฐานเพื่อเสนอให้มีเจ้าพนักงานฯตรวจสอบทรัพย์สิน ปัจจุบันกำลังตรวจทรัพย์ ตามข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ขอความร่วมมือให้ชาวบ้านแจ้งทรัพย์สินของผู้ที่เป็นผู้ต้องหา เพื่ออายัดทรัพย์ได้ตลอดเวลา
นายสิริน ชาวเพ็ชรดี รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า เดินมารับฟังประชาชน เพื่อนำกลับไปประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามทรัพย์ แก้ปัญหาการบังคับใช้กฎระเบียบต่างๆ รวมทั้งจะเสนอให้ปรับปรุงกฎหมาย เชื่อมระหว่างหน่วยงานรัฐต่อการดำเนินการของธนาคารหมู่บ้านให้ถูกต้อง เพราะยังมีอีกหลายจังหวัดเกิดที่เหตุการณ์ลักษณะนี้ คือ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
ขณะที่นอกห้องประชุม มีตัวแทนสมาคมนักพัฒนาหมู่บ้านแห่งประเทศไทย (สมท.)ชี้แจงต่อสื่อมวลชนว่า ถูกพาดพิง กรณีร้องเรียนเกี่ยวกับธนาคารหมู่บ้านในอำเภอนครไทย 10 สาขา อาทิ นำตราของธนาคารหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริมาใช้ ยืนยันว่า ทำถูกต้อง มีการใช้ทั่วประเทศ
ส่วนปัญหาที่บอกว่า เบิกเงินไม่ได้นั้น ตรวจสอบแล้วว่า “ธนาคารหมู่บ้านตามแนวฯ สาขาบ้านน้ำทวน” ซึ่งมีสมาชิก 3 พันคน นับตั้งแต่ปี 2540 มีนโยบายออมเงินให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 10 บาท ปล่อยกู้อัตราดอกเบี้ย 15 บาท กำไรอยู่ 5 บาท (ไว้จ่ายค่าตอบแทนและเงินปันผล ) แต่สมาชิกไม่ส่งต้น และไม่ส่งดอก ทำให้ผลประกอบการขาดทุน นับแต่ปี 2555 เก็บเงินไม่ได้ จึงนำเงินต้นของสมาชิก3พันคน มาจ่ายเป็นเงินปันผลในอัตราสูงมาก กระทำทุกปีๆต่อเนื่อง ทำให้ทุนเรือนหุ้น ขาดหายไปหรือเงินต้นหายไป ปัจจุบันยังมีเงินค้างอยู่ 120 ล้านบาท ประกอบกับปี 2564 กรรมการฯมีความขัดแย้ง การเมืองแทรก มีการเลือกตั้งนายกอบต.แข่งกัน อีกฝ่ายหนึ่งยุยงให้ถอนเงินธนาคารหมู่บ้านจำนวนมาก จึงขาดสภาพคล่อง

