ราคาน้ำมันขยับขึ้นในวันอังคาร(7ม.ค.) ท่ามกลางความคาดหมายอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในจีน ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบ ตามแรงฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ทองคำปรับขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ ปิดที่ 74.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 75 เซนต์ ปิดที่ 77.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
พวกนักลงทุนจับตาไปที่แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ในการขับเคลื่อนกาสรเติบโต ในขณะที่อุปทานอยู่ในภาวะตึงตัว ตามหลังเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ปัจจัยนี้ผลักให้ราคาน้ำมันขยับขึ้นในกรอบแคบๆ
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดลบในวันอังคาร(7ม.ค.) ถูกฉุดจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังข้อมูลทางเศรษฐกิจในแง่บวก ก่อความกังวลว่าการคืนชีพของภาวะเงินเฟ้อ อาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ชะลอนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน
ดาวโจนส์ ลดลง 178.20 จุด (0.42 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 42,528.36 เอสแอนด์พี ลดลง 66.35 จุด (1.11 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,909.03 จุด แนสแดค ลดลง 375.30 จุด (1.89 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 19,489.68 จุด
วอลล์ตตรีทดีดตัวขึ้นในช่วงต้นของการซื้อขาย ก่อนแกว่งตัวลง หลังจากรายงานกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ พบว่าตัวเลขการเปิดตำแหน่งงานใหม่เพิ่มขึ้นผิดคาดในเดือนพฤศจิกายน ขณะที่รายงานอีกฉบับระบุกิจกรรมภาคบริการปรับตัวดีขึ้นในเดือนธันวาคม
สัญญาณที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยังคงมีความยืดหยุ่น ทำให้นักลงทุนปรับเปลี่ยนคาดการณ์กรณีที่เมื่อไหร่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบปีนี้ โดยพวกเวลานี้นักลงทุนมองว่าความเคลื่อนไหวปรับลดดอกเบี้ยในครั้งหน้า น่าจะเกิดขึ้นอีกทีในเดือนมิถุนายนเลย และเฟดน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับดังกล่าวไปตลอดทั้งปี 2025
ส่วนราคาทองคำเพิ่มขึ้นในวันอังคาร(7ม.ค.) แม้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ตามหลังสหรัฐฯเผยแพร่ข้อมูลการจ้างงาน โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 17.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,664.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา:รอยเตอร์)