มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ถอดยศข้าราชการตำรวจ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ “บรรยิน ตั้งภากรณ์” นักโทษคดีวางแผนฆ่าเสี่ยชูวงษ์-อุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา ปัจจุบันได้รับพระราชทานอภัยโทษคราวเดียวกับทักษิณ จากประหารชีวิตเหลือจำคุกตลอดชีวิต
เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศตํารวจ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศข้าราชการตํารวจและอดีตข้าราชการตํารวจ รวม 18 ราย ออกจากยศตํารวจ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับพระราชทานทุกชั้นตรา
โดยมี 4 อดีตนายตำรวจที่ตกเป็นข่าวก่อนหน้านี้ อาทิ พล.ต.ต.พงษ์เดช หรือ วชิรวิชญ์ พรหมมิจิตร หรือ กฤษณ์ฤทธิศักย์ เคยตกเป็นข่าวกรณีร่วมกับ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย อดีต รอง ผบ.ตร. สร้างบ้านพักตากอากาศ รุกอุทยานแห่งชาติทับลาน อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ซึ่งตำรวจและทหารบุกตรวจสอบพื้นที่เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2560 หรือเมื่อเกือบ 8 ปีก่อน ในราชกิจจานุเบกษาระบุว่า ออกจากยศตํารวจ ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. 2563 เนื่องจากกระทําผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีคําสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการ
พ.ต.ท.ศิระเดช หรือ วีระเดช กีรติพสุวัฒน์ หรือ ติ๊บปะละ เคยตกเป็นข่าวกรณีทุจริตเงินล่อซื้อยาเสพติดรวม 14 ล้านบาท เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสารวัตรสืบสวน กก.สส. บก.น.7 ตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง 2 ฉบับ ในปี 2563 และ 2565 ก่อนจับกุมได้เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2565 หรือเมื่อ 2 ปีก่อน ขณะบวชเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดดอนไชย ต.ล้อมแรด อ.เถิน จ.ลำปาง ในราชกิจจานุเบกษาระบุว่า ออกจากยศตํารวจ ตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค. 2555 เนื่องจากกระทําผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีคําสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการ
ร.ต.ท.เฉลี่ยง บุญประกอบ ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2558 หรือเมื่อ 9 ปีก่อน ที่บริเวณริมแม่น้ำโขง ศาลาพักศพ ป่าช้าบ้านหาดคัมภีร์ อ.ปากชม จ.เลย พร้อมของกลางยาบ้า 6 พันเม็ด ขณะดำรงตำแหน่งเป็นรอง สวป.สภ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู ซึ่ง พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช ขณะเป็น ผบก.ภ.จว.หนองบัวลำภู สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ในราชกิจจานุเบกษาระบุว่า ออกจากยศตํารวจ ตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย. 2558 เนื่องจากกระทําผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีคําสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการ
แต่ที่น่าสนใจหนึ่งในนั้น คือ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ และอดีต สส.นครสวรรค์ ออกจากยศตํารวจ ตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. 2565 เนื่องจากต้องคําพิพากษาของศาลถึงที่สุด ให้ลงโทษจําคุก ในคดีฆ่านายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2558 นายบรรยินขับรถยนต์เลกซัส สีดำ โดยมีนายชูวงษ์นั่งด้านข้าง ก่อนชนต้นไม้บริเวณถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ ระหว่างซอย 48 กับซอย 50 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพฯ เป็นเหตุให้นายชูวงษ์เสียชีวิต ส่วนนายบรรยิน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และให้การกับตำรวจว่านายชูวงษ์ ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย จึงอาจเป็นเหตุให้เสียชีวิต
ต่อมาภรรยาและบุตรชายของนายชูวงษ์พบว่า นายชูวงษ์โอนหุ้นจำนวน 9.5 ล้านหุ้น มูลค่ากว่า 228 ล้านบาท ให้กับพริตตี้สาวที่อ้างว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนายชูวงษ์ และโบรกเกอร์สาวบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งมูลค่าเกือบ 30 ล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า หญิงทั้งสองคนมีความสนิทสนมกับนายบรรยิน ทำให้ทางครอบครัวเชื่อว่าการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ไม่น่าจะเป็นอุบัติเหตุ แต่คือการฆาตกรรมอำพราง นอกจากนี้ยังพบพิรุธจากพยานหลักฐานที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนได้ เช่น ระยะเวลาในการเดินทางด้วยรถยนต์จากสนามกอล์ฟมาถึงจุดเกิดเหตุ ความเร็วของรถยนต์ขณะชนที่ไม่น่าจะเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้ นอกจากนี้ยังพบแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะของนายชูวงษ์อีกด้วย
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2564 ว่า การกระทำของจำเลยกับพวกเป็นการร่วมกันกระทำโดยเจตนาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และเพื่อเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิด เพื่อปกปิดความผิดของตน หรือเพื่อเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนได้กระทำไว้ คบคิดกับพวกด้วยการวางแผนและลงมือฆ่าผู้ตาย ปกปิดการกระทำโดยสร้างเรื่องและอำพรางคดีว่าสาเหตุการตายของนายชูวงษ์เกิดจากอุบัติเหตุ พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อาญา ม.289 (4), (7) ประกอบ ม.83 ให้ลงโทษประหารชีวิต
ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2565 เห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง ที่ยื่นอุทธรณ์มาฟังไม่ขึ้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยพิพากษายืน จำเลยยื่นฎีกา ศาลฎีกาพิเคราะห์ตามประเด็นที่จำเลยต่อสู้มาทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ทุกประเด็นไม่อาจรับฟังหักล้างพยานโจทก์ได้ ที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาประหารชีวิตจำเลยศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืนให้ประหารชีวิตจำเลย เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2567 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ยังมีคดีเกี่ยวเนื่อง คือคดีอุ้มฆ่านายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ พี่ชาย น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโสศาลอาญากรุงเทพใต้ อดีตเจ้าของสำนวนโอนหุ้นนายชูวงษ์ ถูกชาย 5 คนลักพาตัวจากหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ ก่อนถูกฆาตกรรมด้วยการต่อยที่ท้อง แล้วนำศพไปเผานั่งยางที่เขาใบไม้ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2563 คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2563 ให้จำคุกตลอดชีวิต แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2565 แก้โทษเป็นประหารชีวิต
ถึงกระนั้น เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2567 ได้มีพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2567 โดยพบว่าผู้ที่เข้าข่ายได้ประโยชน์ นอกจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้รับอภัยโทษ พ้นโทษทันทีแล้ว นายบรรยินยังได้อภัยลดโทษจากประหารชีวิต เหลือโทษจำคุกตลอดชีวิต