xs
xsm
sm
md
lg

คปท.จี้ ป.ป.ช.เร่งไต่สวนคดีชั้น 14 ใน 3 เดือน สาวถึง รมว.ยุติธรรม-ผบ.ตร. มีเอี่ยวหรือไม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



คปท.และเครือข่ายภาคประชาชน ยื่นหนังสือให้กำลังใจ ป.ป.ช. พร้อมจี้เร่งไต่สวนคดีทักษิณนอนชั้น 14 ไม่ติดคุกภายใน 3 เดือน พร้อมเสนอแยกสอบประเด็นพักโทษอยู่บ้าน เพราะที่อ้างว่าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ กลับเดินเหินคล่องแคล่ว ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่าง และสาวเพิ่มถึง รมว.ยุติธรรม ปลัดยุติธรรม ผบ.ตร. เอี่ยวหรือไม่

วันนี้ (18 ธ.ค.) ที่สำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) และเครือข่ายภาคประชาชน นำโดย นายนิติธร ล้ำเหลือ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายพิชิต ไชยมงคล นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม เดินทางมายังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อยื่นหนังสือขอสนับสนุนให้ดำเนินคดีการทุจริตประพฤติมิชอบในกรณีการบริหารโทษ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตามที่การตรวจสอบของ ป.ป.ช. เรื่องมูลทุจริตประพฤติมิชอบ ในกรณีการบริหารโทษ นายทักษิณ โดยกรมราชทัณฑ์ได้ยุติเป็นข้อสรุปว่า มีมูลเพียงพอให้เชื่อได้ว่า มีผู้ให้ความช่วยเหลือโดยมิชอบเพื่อให้นักโทษไม่ต้องถูกคุมขังตามหมายศาล ซึ่งสอดคล้องกับรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และการพิจารณาศึกษาเรื่องพิจารณาติดตามแนวทางการบริหารจัดการดูแลผู้ต้องขังของระบบกรมราชทัณฑ์และการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียม ของคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา

รวมถึงการยื่นหนังสือขอให้ดำเนินคดีกับข้าราชการทั้งหมดในข้อหาหรือฐานความผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ให้การช่วยเหลือนักโทษชายทักษิณ เพื่อไม่ให้ต้องรับโทษจำคุกในเรือนจำ และการยื่นหนังสือร้องเรียนอื่นๆ ของภาคประชาชน ตลอดจนการให้ข้อมูลของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส บัดนี้ทราบว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว เห็นว่ามีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ มีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2567 ความละเอียดแจ้งแล้วนั้น

ภาคประชาชน ซึ่งติดตามการบริหารโทษนายทักษิณ โดยกรมราชทัณฑ์มาโดยตลอด จนมีภาคประชาชนมายื่นเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบกรณีดังกล่าว และมีการชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ต่อมาปรากฏข้อมูลสาธารณะทำนองว่า มีบุคคลภายนอกแทรกแซงการทำหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อหวังให้ยุติการดำเนินการ ประกอบกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ใช้ระยะเวลารวบรวมข้อเท็จจริงมาพอสมควรแล้วแต่ยังไม่มีมติใด ด้วยความห่วงใยต่อการทำหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีการปรึกษาหารือกันเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา มีความเห็นร่วมกันว่า เพื่อให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส มุ่งเน้นต่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ อดทนต่อการแทรกแซงและปฎิเสธการรับผลประโยชน์ใดๆ ทั้งต่อตนเองและครอบครัว ร่วมกันแสดงออก ให้กำลังใจ สนับสนุนคณะกรรมการ ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่ทุกคน

ทั้งนี้ เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติตั้งคณะกรรมการไต่สวนแล้ว ควรเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อนำคดีเข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาลต่อไป โดยขอเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาโดยลำดับ ดังนี้

1. คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำ ในส่วนการส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ เป็นเวลายาวนานถึง 6 เดือนนั้น มีพยานบุคคลระบุชัดเจนว่า ได้เข้าไปเยี่ยมนักโทษและไม่พบอาการเจ็บป่วยใดๆ อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์อยู่ควบคุมประจำ นอกจากนั้นยังพักอยู่ในห้องพิเศษแทนที่จะเป็นห้องคนไข้ทั่วไป ที่สำคัญยังไม่ปรากฏหลักฐานการตรวจของแพทย์กับหลักฐานความเห็นทางการแพทย์และคำอนุญาตของผู้บัญชาการเรือนจำให้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ฯลฯ ตลอดจนไม่ปรากฏหลักฐานที่แสดงความเห็นของโรงพยาบาลตำรวจถึงผู้บัญชาการเรือนจำที่เห็นควรให้รับตัวไว้พร้อมหลักฐานการตรวจร่างกายก็ไม่ปรากฏอีกเช่นกัน

พฤติการณ์ทั้งหมดนี้ล้วนขัดต่อขั้นตอนที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงทั้งสิ้น และแม้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ที่ตรวจสอบจะได้ขอหลักฐานเพิ่มเติมไปเท่าใดก็ไม่ได้รับความร่วมมือแต่อย่างใด รวมถึง กรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ได้มีหนังสือถึงกรมราชทัณฑ์ให้จัดส่งเอกสารก็ไม่ได้รับความร่วมมือเช่นกัน กรณีจึงเพียงพอให้เชื่อได้แล้วว่า น่าจะมีพฤติการณ์ทุจริตช่วยเหลือโดยมิชอบเกิดขึ้นจริง และโดยเหตุที่เป็นคดีสำคัญส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช. จึงควรเร่งไต่สวนอย่างตรงไปตรงมาให้เสร็จสิ้นโดยเร็วภายในระยะเวลา 3 เดือน

2. คดีให้นักโทษอยู่บ้าน พักโทษ ในส่วนการพักโทษที่บ้านพักเป็นเวลาอีก 6 เดือนของนักโทษนั้น ป.ป.ช. ก็ควรที่จะมีมติให้มีการตรวจสอบแยกเป็นอีกคดีหนึ่งด้วยว่า ผลการตรวจสอบที่อ้างว่านักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่ง เดิน ขึ้นบันได อาบน้ำ แต่งตัว รับประทานอาหาร จนจำเป็นต้องพักโทษให้นั้น สภาพเช่นนี้มาจากการประเมินเช่นใด โดยผู้ใด เหตุเพราะหลังจากให้พักโทษแล้ว นักโทษก็กลับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ เดินเหินคล่องแคล่ว ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง เล่นกีฬากอล์ฟ ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่าง ทำให้มิอาจเชื่อว่า การพักโทษนี้มาจากประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้องได้เลย

3. การปรับปรุงกฎหมาย ปัจจุบันกฎหมายไทยได้พยายามจัดการปราบปรามคดีทุจริตคอร์รัปชันเป็นพิเศษอยู่แล้ว ทั้งระบบศาลคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและข้อกำหนดให้ไม่มีอายุความ แต่พอมาถึงปัญหาการบริหารโทษของนักโทษคดีคอร์รัปชัน ทั้งการอภัยโทษ การพักการลงโทษ และการคุมขังนอกเรือนจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักโทษคอร์รัปชันที่มีประวัติหนีคดีด้วยแล้ว กลับไม่มีกรอบเกณฑ์และกระบวนการตรวจสอบที่เคร่งครัดและโปร่งใส อีกทั้งประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ ของกรมราชทัณฑ์ ยังมีหลายประเด็นที่อาจขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

ป.ป.ช. จึงจำเป็นที่จะต้องรับเป็นต้นเรื่อง ตรวจสอบและนำเสนอมาตรการปฏิรูปต่าง ๆ เพื่อป้องกันเสียแต่บัดนี้ หากปล่อยให้มีการทุจริต ตัดทอนโทษทัณฑ์จากคำพิพากษาของศาล กำเริบเสิบสาน ยังผลเป็นความตกต่ำเสื่อมสลายของความยุติธรรม ความเสมอภาค จนประชาชนสิ้นศรัทธาแล้ว ก็ยากยิ่งนักที่บ้านเมืองนี้จะเป็นปกติสุขอยู่ได้ต่อไป

4. ขบวนการทุจริตระดับชาติ พวกข้าพเจ้าขอเรียนขยายความเป็นประการสุดท้ายว่า การพิจารณาคดีนี้ของท่าน เป็นการเผชิญหน้าระหว่างองค์กรปราบทุจริตแห่งชาติ กับขบวนการโกงกินบ้านเมืองระดับชาติ ที่มีอนาคตของชาติเป็นเดิมพันอย่างแท้จริง ขบวนการโกงกินนี้ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมาสร้างเงิน สร้างพวก สร้างสื่อ สร้างผลงานทุจริต ไว้กว่าสองทศวรรษ จนรัฐเสียหายไปหลายแสนล้านบาทมาแล้ว และตัวหัวหน้าขบวนการเองก็ยอมรับไว้ในฎีกาขออภัยโทษแล้วว่าตนได้ทำผิดไปแล้วจริง ๆ

มาบัดนี้ แทนที่จะยอมรับโทษและทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติตามพระบรมราชโองการฯ อดีตนักโทษหนีคดีโกงบ้านกินเมืองที่ถูกรัฐธรรมนูญห้ามมิให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกต่อไป ก็ไม่ยอมยุติบทบาททางการเมือง กลับหลีกเลี่ยงแฝงตนเข้าครอบงำพรรค ประกาศตนขึ้นผลักดันนโยบายทุจริต นโยบายประชานิยม หาเสียงเฉพาะหน้าต่อไปมิได้หยุดยั้ง โดยมีบุตรสาวรับบทเป็นนายกฯ ในลักษณะหุ่นเชิด ทอดทิ้งเมินเฉยต่อวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังลุกลามเข้ามาทุกวัน ล่าสุดนักโทษผู้นี้ถึงกับประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นนักโทษหนีคดีทุจริตจำนำข้าวกลับเข้าประเทศ โดยเป็นที่เชื่อว่าจะจัดให้มีกระบวนการหลีกเลี่ยงไม่ต้องรับโทษอีกด้วย

พฤติการณ์ที่ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ กระบวนการยุติธรรม และพระบรมราชโองการฯ กำเริบเสิบสานไม่ยอมหยุด คงบทบาทการเมืองนำพาประเทศชาติไปในทางต่ำ เป็นหัวโจก ส่งเสริม จัดตั้ง อุปถัมภ์ กระจายความทุจริตจนระบาดไปทั่วทุกพื้นที่ ทั้งราชการ กระทรวง ทบวงกรม จังหวัด รัฐวิสาหกิจ อบจ. เทศบาล อบต. ทั้งภาคธุรกิจ ภาคชาวบ้านที่ยอมสยบอยู่ใต้อุปถัมภ์ จนสร้างความเสียหายต่อบ้านเมืองในทุกระดับ บานปลายเป็นความตกต่ำมัวเมาของสังคม สร้างความขัดแย้งร้าวฉานของผู้คนทั่วไป ทั้งหมดนี้นี่คือหายนะของชาติที่เห็นได้อย่างกระจ่างชัดยิ่ง

อนาคตอันมืดสนิทเช่นนี้นี่เอง คือเหตุผลสำคัญที่สุด ที่ข้าพเจ้าทั้งหลายต้องขอส่งกำลังใจให้ท่านได้ตระหนักและทุ่มเทรับผิดชอบ กอบกู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลัง เพราะนี่คือคดีทุจริตที่กัดกินลึกถึงรากเหง้าและส่งผลต่อความอยู่รอดของบ้านเมือง หากภาระกิจตามรัฐธรรมนูญที่เป็นความรับผิดชอบโดยตรงของท่านครั้งนี้สำเร็จลุล่วงได้จริงแล้ว การเมืองที่ดูแลชาติบ้านเมืองโดยวิถีทางประชาธิปไตย ก็จะมีโอกาสถือกำเนิดตามขึ้นมาได้ในที่สุด

อนึ่ง กรณีเวชระเบียน คณะกรรมการ ป.ป.ช. ควรเร่งรัดให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ จัดส่งมาโดยเร็ว หากยังคงประวิงเวลา คณะกรรมการ ป.ป.ช. ควรพิจารณามาตรการดำเนินคดีอย่างเคร่งครัดกับบุคคลดังกล่าวอีกสถานะหนึ่งด้วย และควรตรวจสอบเพิ่มเติมโดยละเอียดว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ปลัดกระทรวงยุติธรรม และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการเอื้อประโยชน์ ทุจริต ประพฤติมิชอบในการบริหารโทษนายทักษิณด้วยหรือไม่

จากนั้น คปท. และภาคประชาชนได้ยื่นหนังสือถึงนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการ ป.ป.ช. เพื่อนำส่งถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อไป ซึ่งนายสาโรจน์ กล่าวว่า ขอบคุณที่มาให้กำลังใจในวันนี้ ตอนนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะได้ตั้งไต่สวนบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว ในการดำเนินการคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติค่อนข้างชัดเจนว่าหากไต่สวนพบบุคคลอื่นที่มีส่วนร่วมกระทำความผิด ก็ให้ดำเนินการไต่สวนต่อไปด้วย ขอให้ทุกฝ่ายไม่ต้องกังวล จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดตามความคาดหวังของประชาชนและความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. ทำหน้าที่ไต่สวนและรวบรวมพยานหลักฐาน ตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงเป็นหลัก บางอย่างอาจไม่ตรงใจประชาชนที่รับทราบข้อมูลทางสื่อโซเชียลต่างๆ ซึ่งเวลาพิจารณาต้องดูจากพยานหลักฐานเป็นหลัก ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำหรือเรื่องที่ไต่สวน และพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

สำหรับบุคคลที่ร่วมลงชื่อท้ายหนังสือถึง ป.ป.ช. ประกอบด้วย นายแก้วสรร อติโพธิ์ นายแซมดิน เลิศบุศย์ นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายคมสัน โพธิ์คง น.ส.ณีรนุช จิตต์สม นายนัสเซอร์ ยีหมะ นายปรีดา เตียสุวรรณ์ นายมานพ เกื้อรัตน์ นายพิชิต ไชยมงคล นายอานนท์ กลิ่นแก้ว นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ดร.ใจเพชร กล้าจน นายจตุพร พรหมพันธุ์ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ และรศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
กำลังโหลดความคิดเห็น