xs
xsm
sm
md
lg

ทักษิณเฉไฉ MOU ไทย-เขมร อ้างตกลง "เรื่องที่ยังไม่ตกลง" โต้ยกประเทศให้เพื่อนก็ควายแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึง MOU 44 ไทย-กัมพูชา ระบุ "คุยกันเรื่องที่เราไม่ตกลงกัน" เหน็บคนพูดยกเกาะกูดฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด แต่เส้นทางทะเลเถียงกันได้ตามกฎหมายสากล อย่าเพิ่งโวยวาย ไม่มีใครไปขายชาติ โต้สัมพันธ์เพื่อนรัก "ฮุน เซน" เล่าย้อนรอยเผาสถานทูตไทย เคยขึงขังไม่เห็นโกรธกันเลย ลั่นยกประเทศให้เพื่อนก็ควายแล้ว

วันนี้ (13 ธ.ค.) ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการสัมมนาของพรรคเพื่อไทย ถึงเรื่อง MOU 2544 ระหว่างไทย-กัมพูชา ระบุว่า ปี 2544 สมัยตนเป็นนายกรัฐมนตรี ตอนนั้นเป็นการลงนามร่วมกันระหว่างนายสุรเกียรติ เสถียรไทย รมว.ต่างประเทศในขณะนั้น กับนายสก อาน ของกัมพูชา บันทึกข้อตกลงก็คือ เราจะขอตกลงว่า เราจะคุยกันเรื่องที่เราไม่ตกลงกัน ไม่ใช่ว่าบันทึกข้อตกลง คือตกลงหมดแล้ว เป็นการบอกว่าเป็นกรอบที่เราจะคุยในเรื่องที่เราตกลงกันไม่ได้ จึงเป็นเอ็มโอยู 2544 ข้อที่ไม่ตกลงกันก็คือการลากเส้นเขตแดนทางทะเล ของแต่ละประเทศนั้นไม่ตรงกัน ซึ่งต้องอ้างกฎหมายระหว่างประเทศและสนธิสัญญา

"ส่วนเรื่องเกาะกูด ที่คนบอกว่าจะเอาเกาะกูดไปให้เขา คนพูดไม่ได้ดูเนื้อหาสาระ คือบางทีฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด จริงๆ แล้วมันไม่มีหรอก เกาะกูดมันเป็นของไทยมาตั้งนานแล้ว แล้วก็อยู่ในสนธิสัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศส ที่ยึดครองกัมพูชาในสมัยนั้นว่าเกาะกูดเป็นของไทย แล้วก็เกาะกงเป็นของเขมร มันก็ชัดเจนไปแล้ว ทีนี้บังเอิญว่าวิธีลากเส้นของทางเขมรมันไม่ถูก ซึ่งสามารถเถียงได้ทั้งตามหลักกฎหมายสากลอยู่แล้ว คือไปลากผ่านยอดของเกาะกูดมาตรงที่เป็นหมุดเขตแดนที่ 73 วิธีนั้นไม่ถูกกัน ของเรามั่นใจว่าวิธีเราถูกกว่า เราถึงได้เขียนแย้งออกมา บทสุดท้ายก็คือว่า เอาล่ะ ไม่เป็นไร เรามาคุยกันในเรื่องที่เราไม่ตกลง ว่ามันคืออะไรแน่ ก็ยังไม่ได้คุยเลย เพียงแต่วางกรอบว่าจะคุย ตอนนี้ก็โวยวายกันใหญ่" นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวว่า ปัญหาก็คือต้องถามก่อนว่า ก๊าซและน้ำมันที่อยู่ในทะเล อีกสัก 20 ปีมันใช้ไม่ได้แล้ว เพราะทุกคนกำลังเรียกหาพลังงานสีเขียว เริ่มรังเกียจพลังงานที่เกิดจากฟอสซิล คือก๊าซและน้ำมัน เพราะฉะนั้นอีก 20 ปี เราก็จะทิ้งทรัพย์สินตรงนี้ประมาณ 4 ล้านล้านบาท ตรงนี้ถ้าใช้ไม่ได้ก็รื้อหายไป วันนี้ถ้าตกลงกันได้ การตกลงมีสองส่วน ส่วนหนึ่งก็คือผลประโยชน์ในทะเล กับอีกส่วนหนึ่งก็คือเส้นเขตแดน เส้นเขตแดนบนบกไม่มีปัญหา แต่ในทะเลตกลงกันไม่ได้ เพราะการลากคนละแนว ก็เลยทำให้มันยังไม่จบ ก็ต้องมาคุยกัน

ที่คุยกันรู้ไหมว่าการปักปันเขตแดนทุกด้านมีปัญหาหมดยังไม่เคยจบ ประเทศมาเลเซียก็มีปัญหา กับเมียนมาก็มีปัญหา กับกัมพูชาและลาวก็มีปัญหา แต่เราก็อยู่ร่วมกันมาอย่างนี้ เพียงแต่ว่าการเลือกเขตแดนมันไม่จบ เรื่องเขตว้าแดง เราบอกว่ากลุ่มว้าเอาที่เราไป ความจริงที่ตรงนั้นเมื่อก่อนขุนส่าอยู่ แต่การเมืองในช่วงนั้นทหารใช้ชนกลุ่มน้อยเป็นรัฐกันชน (Buffer State) อยู่ในสมัยก่อน ภายหลังมาก็ต้องมานั่งดูว่า เขตแดนตรงนี้เป็นของผม เขาบอกว่าเป็นของเขา ก็ต้องเถียงกันไป คุยกันไปด้วยหลักสากล แม้กระทั่งเกาะทะเลจีนใต้มีปัญหาหลายประเทศ จีนบอกว่าแผนที่ผมอย่างนี้ อย่ายุ่งของผม แผนที่นี้ผมถือว่าเป็นเขตแดนของผม คุณอย่ามายุ่งกับผม แต่ถ้าคุณขับเรือผ่าน ยอมหมด จะทำมาหากินตรงนี้แบ่งกันก็ยอมหมด ก็เป็นเรื่องที่แต่ละจุดก็มีปัญหากัน

"วันนี้เรื่องของ MOU 44 ก็เป็นเรื่องที่ถ้าเราตกลงกันว่าเราจะคุยกันในเรื่องที่เรายังไม่ตกลง เพราะฉะนั้นก็อย่าเพิ่งไปเอะอะโวยวาย ไม่มีใครเขาไปขายชาติหรอก ถ้าขายคนเฮงซวยพอขายได้ ไม่มีใครเอาอีกเหรอ กลัวเป็นภาระเขา" นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวว่า เรื่องของเขตทับซ้อนทางทะเล (OCA) ไม่มีการตกลงใดๆ ทั้งสิ้น และไม่ได้เคยคิด และไม่เคยบอกว่าใครจะเป็นของใคร เพราะทุกอย่างมันชัดหมดแล้ว เรื่องบนบกไม่ต้องเถียง มันจบไปนานแล้ว เหลือแต่เรื่องเส้นทะเลที่จะแบ่งว่า ผลประโยชน์ตรงนี้ ควรจะเป็นของใคร ยังไง แต่วันนี้เถียงแทบตาย คนที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือ บริษัทที่สัมปทานเดิม ได้แก่ เชฟรอน ฝั่งโน้นก็โททาลของฝรั่งเศส เพราะว่าสัญญายังอยู่ ไม่ยอมจบสักที คือประเทศก็ได้ประโยชน์ ได้ค่าภาคหลวง ได้อะไรต่ออะไร ได้เอาน้ำมันและก๊าซมาใช้ที่ขนส่งใกล้หน่อย ถูกหน่อย วันนี้มันต้องมีคนอธิบาย กระทรวงการต่างประเทศอธิบายผมได้ชัดเจนมาก วันนั้นผมไปฟังแล้วผมก็บอก ผมก็ลืมไปแล้วเรื่องเก่าๆ เขาเล่าให้ฟังก็เข้าท่าเข้าใจดี

"ประเทศไทย การตั้งกรรมการต้องตั้งทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายต่างประเทศ ฝ่ายความมั่นคง ประเด็นนี้ต้องมานั่งร่วมกัน ไม่มีใครทำอะไรคนเดียวง่ายๆ แล้วบางทีคนไปด่าหาว่าผมมีความสัมพันธ์กับสมเด็จฯ ฮุน เซน ขอเล่าให้ฟังนิดนึง ใครจำได้วันเหตุการณ์เผาสถานทูตไทยได้ไหม วันนั้นผมกับฮุน เซนเป็นเพื่อนกันนะ แล้วผมโทร.ไปหาเลยนะ ผมบอกว่า ผมยอมไม่ได้นะมาเผาสถานทูตไทยผมเนี่ย คุณต้องรับผิดชอบนะ แล้วปัญหาวันนี้คนไทยอยู่ที่นั่นคุณจะเอายังไง คุณดูแลได้เปล่า ถ้าดูแลไม่ได้พรุ่งนี้ผมส่งเครื่องบินไปรับ เราคุยกันอย่างนี้นะ แล้วเราก็เข้าใจกัน"

"การเป็นเพื่อนดีกว่าเป็นศัตรูนะ คุยกันแต่ว่าหลักการของประเทศต้องมาก่อน มันไม่ใช่มาเป็นเพื่อนแล้วบอกว่า เฮ้ย กูยกประเทศให้เพื่อน อันนั้นมันควายแล้ว เสร็จแล้วปรากฎว่าตอนนั้นเขมรยังไม่มีตังค์เท่าไหร่นะ ยังใช้หนี้ความเสียหายเรื่องสถานทูตเผาให้หมดเลยนะ ถ้าจำไม่ผิดประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ใช้ให้หมด แล้ววันนั้นผมก็ส่งเครื่องบิน ส่งคอมมานโดเอาคนไทยกลับ ไม่เห็นโกรธกันเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อนกันนี่โกรธกันแล้วนะ ทำแบบนี้ นี่ผมอยากจะทำกับประเทศอื่นอีกหลายเรื่องอยู่ เกรงใจนายกฯ เดี๋ยวโดนลูกดุ" นายทักษิณ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น