xs
xsm
sm
md
lg

บุกจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลงทุนกำไร 1,000 % พบผู้ต้องหาเคยก่อคดีรุนแรงพื้นที่ชายแดนใต้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ตำรวจไซเบอร์ร่วมกับตำรวจยะลา-สงขลาบุกจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกประชาชนลงทุนออนไลน์ พบผู้ต้องหาเคยก่อคดีความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ ขยายผลส่งเงิน-ปืนให้กลุ่มก่อเหตุป่วนชายแดนใต้หรือไม่

วานนี้ (11 ธ.ค.) เวลา 18.00 น. ที่ สภ.เมืองสงขลา พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการ (รรท.ผบช.) ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขบวนการหลอกลงทุน เชื่อมโยงกับขบวนการขายปืนออนไลน์

พล.ต.ท.ไตรรงค์ เปิดเผยว่า การปฏิบัติการในครั้งนี้ สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายถูกหลอกให้ลงทุนผ่านระบบออนไลน์ ผู้เสียหายได้หลงเชื่อและมีการโอนเงินให้แก่กลุ่มผู้ต้องหาที่เปิดเพจมาหลอกให้มีการลงทุน หลังจากมีการสืบสวนสอบสวน เราออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 6 ราย หลังจากนั้น ตำรวจไซเบอร์ได้สืบสวนที่จะติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ก็ทราบว่าผู้ต้องหามีภูมิลำเนาและมีที่พัก ที่บ้านตัวอยู่ที่ จ.ยะลาและสงขลา จึงได้ประสานงานกับตำรวจยะลาและตำรวจสงขลาเปิดปฏิบัติการตรวจค้นจับกุม เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 4 ราย


พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ในการจับกุมที่ จ.สงขลาได้พบความผิดซึ่งหน้าอีก 2 รายในสถานที่ที่เข้าไปตรวจค้น จับพบว่า มีการผลิตอาวุธปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต มีเครื่องมือในการผลิตอาวุธปืน และยังพบอาวุธปืนที่ผลิตเอง อาวุธปืนดัดแปลงรวมทั้งหมด 17 กระบอก

“ที่น่าสนใจคือ ผู้ต้องหาในกลุ่มนี้เคยเป็นผู้ต้องหาก่อเหตุความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฆ่าคนตาย ทำร้ายร่างกาย ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกลุ่มนี้ได้เปิดเพจหลอกลวงประชาชนให้มาลงทุนออนไลน์ เพื่อเงินมาผลิตอาวุธปืนจำหน่ายส่วนหนึ่ง ซึ่งเรายังได้สืบสวนร่วมกับตำรวจในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า มีการส่งของ ส่งลูกปืน หรือเงินไปสนับสนุนการก่อความวุ่นวายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ เนื่องจากว่ามีประวัติการกระทำความผิด ตามที่กล่าวมาแล้ว” พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าว

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า หลังจากการปฏิบัติการครั้งนี้ ในส่วนของเรื่องการหลอกลวงประชาชน ซึ่งเราได้ทำเป็นคดีหลักจนจับกุมและขยายผลในเรื่องอาวุธปืนและเรื่องยาเสพติด ตำรวจไซเบอร์จะได้ขยายผลว่า มีผู้เสียหายมาแจ้งความทั้งหมดกี่ราย ก็ขอประชาสัมพันธ์ให้แก่ประชาชนว่า หากท่านถูกกระบวนการนี้หลอกลวงให้ลงทุน ก็ให้แจ้งมา ปัจจุบันเราตรวจพบว่า มีเคสที่เกี่ยวข้องแล้ว 3 เคส

สำหรับคดีดังกล่าวที่ออกมาจับนั้นมีมูลค่าความแก่ประมาณ 7 แสนกว่าบาท และหลังจากนี้ ตำรวจไซเบอร์จะร่วมกับตำรวจภูธรภาค 9 ขยายผลว่า จะมีผู้อื่นอยู่เบื้องหลังอีกหรือไม่ แต่ในชั้นนี้ชัดเจนว่า ผู้ต้องหาที่เป็นตัวการในการหลอกลวง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในครั้งนี้ เป็นแก๊งของชาวไทยเอง ผู้ต้องหาเป็นคนไทย ซึ่งจะไม่เหมือน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อื่น ที่เคยจับ ซึ่งครั้งนี้มีฐานปฏิบัติการอยู่ที่ประเทศไทยเรา

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาร่วมมีอาวุธปืนไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทหนึ่งไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ. เมืองสงขลาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจาก ผู้เสียหายได้รับการหลอกชักชวนให้ลงทุนโดยมีคนร้ายใช้โทรศัพท์สุ่มโทรฯ มายังผู้เสียหาย ชักชวนหลอกลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินไปร่วมลงทุนในกองทุน โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทน 1,000% ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินไปร่วมลงทุนจำนวน 12 ครั้งรวมเป็นเงิน 784,000 บาท และไม่สามารถถอนเงินได้ จึงรู้ว่าตัวเองถูกหลอก จึงมาแจ้งความร้องทุกข์มอบคดีต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของบัญชีและบุคคลอื่นใดที่เกี่ยวข้องจนกว่าจะถึงที่สุด

จากการตรวจสอบเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 พบข้อมูลความเชื่อมโยงจำนวนทั้งสิ้น 3 เคสไอดี หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งความจึงได้ทำการสืบสวนและขอหมายจับต่อศาลจังหวัดอุบลราชธานีในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนสมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน

ต่อมาเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2567 กก.4 บก.สอท.3 นำโดยพันตำรวจเอกอรุณณพันธ์ วานิช์ชานันท์ ผกก.4 บก.สอท3 ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 7 ราย ขณะปิดล้อมตรวจคนบ้านพักเป้าหมายยังได้จับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกจำนวน 2 ราย

ภายหลังจากการตรวจค้นบ้านพักได้ของกลางเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด พรบ.อาวุธปืนทั้งหมด 18 กระบอก ยาบ้า 5 เม็ด ไอซ์น้ำหนัก 1 กรัม และตรวจยึดสร้อยคอรูปพรรณคล้ายทองคำจำนวน 2 เส้น จี้พระรูปพรรณคล้ายทองจำนวน 1 ชิ้น เงินสด 40,000 บาทแหวนลักษณะคล้ายทองคำ 2 วง รถกระบะ 1 คัน รถเก๋ง 1 คัน และรถจักรยานยนต์ 3 คัน


กำลังโหลดความคิดเห็น