รัสเซียในวันพุธ (11 ธ.ค.) ประกาศจะแก้แค้นยูเครนอย่างสาสม หลังกล่าวหาเคียฟยิงขีปนาวุธที่ตะวันตกจัดหาให้เข้าใส่สนามบินทหารในแคว้นรอสคอฟ ทางภาคใต้ของประเทศ
ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เคยขู่ยิงขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกเข้าใส่ใจกลางกรุงเคียฟ หากว่ายูเครนไม่หยุดใช้ขีปนาวุธพิสัยไกล ATACMS ที่สหรัฐฯ จัดหาให้โจมตีเข้าใส่ดินแดนรัสเซีย
ล่าสุด เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของสหรัฐฯ ในวันพุธ (11 ธ.ค.) เชื่อว่ารัสเซียอาจล็อกเป้าเล่นงานยูเครน ด้วยขีปนาวุธใหม่โอเรสนิก (Oreshnik) อีกรอบเร็วๆ นี้
ไม่กี่ชั่วโมงหลังการโจมตีของยูเครนเมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา รัสเซียกล่าวอ้างว่ากำลังพลของพวกเขาสามารถทวงคืนดินแดนในแคว้นคูร์สก์ ทางตะวันตกของประเทศ ที่เคยถูกยูเครนบุกยึดพื้นที่อันกว้างก่อนหน้านี้ และ ปูติน บอกกับ วิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี ชี้ว่าแนวทางทำลายล้างของเคียฟ ทำให้ข้อตกลงสันติภาพเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
เคียฟอยู่ในภาวะหวั่นวิตกนับตั้งแต่รัสเซียยิงขีปนาวุธโอเรสนิก เข้าใส่เมืองดนิโปรเมื่อเดือนที่แล้ว ในการยกระดับครั้งใหญ่ของความขัดแย้งที่ลากยาวมานานเกือบ 3 ปี ปูตินบอกว่าปฏิบัติการดังกล่าวเป็นการแก้แค้นกรณีที่เคียฟ ยิงขีปนาวุธพิสัยไกล ATACMS ของสหรัฐฯ และสตอร์ม ชาโดว์ ของสหราชอาณาจักร เข้าใส่เป้าหมายต่างๆ ในดินแดนรัสเซีย
ในการโจมตีล่าสุด กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุในวันพุธ (11 ธ.ค.) ว่ายูเครนยิงขีปนาวุธ ATACMS จำนวน 6 ลูก เข้าใส่สนามบินทหารแห่งหนึ่ง ในเมืองท่าทาแกนรอก "ขีปนาวุธ 2 ลูก ถูกสอยร่วงโดยกำลังพลที่รับผิดชอบระบบป้องกันภัยทางอากาศแพนต์เซอร์ ขณะที่ลุกอื่นๆ ถูกเบี่ยงทิศทางโดยอุปกรณ์สงครามอิเล็กทรอนิกส์"
ถ้อยแถลงระบุต่อว่าไม่มีบุคลากรทางทหารได้รับบาดเจ็บ แต่เศษมีคมที่ร่วงหล่นลงมา ก่อความเสียหายเล็กน้อยแก่ยานยนต์ทหารและอาคารที่อยู่ใกล้เคียง "การโจมตีด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลของตะวันตกครั้งนี้จะไม่ถูกปล่อยให้ลอยนวลไปเฉยๆ และเราจะใช้มาตรการตอบโต้อย่างสาสม"
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม ระบุว่า "รัสเซียส่งสัญญาณว่าพวกเขามีความตั้งใจยิงขีปนาวุธโอเรสนิกที่อยู่ในขั้นทดลอง เข้าใส่ยูเครนอีกรอบ" ขณะที่ ซาบรินา ซิงห์ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของเพนตากอน เผยว่า "สหรัฐฯ ได้เตือนบนพื้นฐานคำประเมินด้านข่าวกรอง ว่ามีความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะใช้ขีปนาวุธโอเรสนิกในอีกไม่กี่วันข้างหน้า"
ก่อนหน้านี้ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ยกย่องการโจมตีที่ก่อความเสียหายอย่างเห็นได้ชัดแก่เป้าหมายรัสเซียต่างๆ เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ซึ่งเขาอ้างว่ามันจะช่วยทำให้สันติภาพขยับเข้ามาใกล้ขึ้น "ยูเครนโจมตีที่ตั้งทางทหารในดินแดนรัสเซีย เช่นเดียวกับที่ตั้งเชื้อเพลิงและพลังงาน ซึ่งรับใช้การรุกรานประเทศของเราและประชาชนของเรา" ผู้นำรายนี้โพสต์ข้อความบนเทเลแกรม
ทั้ง 2 ฝ่ายยกระดับการโจมตีทางอากาศในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ในความพยายามเพิ่มความเข้มแข็งแกร่งสถานะของตนเองในสมรภูมิรบ เพื่อถือครองความได้เปรียบ ก่อนหน้าที่ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะก้าวเข้าสู่อำนาจในเดือนหน้า
ออร์บาน ที่พบปะกับ ทรัมป์ ในฟลอริดา ในสัปดาห์นี้ ได้ต่อสายโทรศัพท์พูดคุยกับ ปูติน ในวันพุธ (11 ธ.ค.) ความเคลื่อนไหวที่กระพือความเดือดดาลมาจากเคียฟ
ระหว่างการพูดคุยทางโทรศัพท์ ซึ่งมีขึ้นตามคำขอของออร์บาน ทาง ปูติน บอกว่ายูเครนใช้จุดยืนแห่งการทำลายล้าง ปฏิเสธข้อตกลงใดๆ ระหว่างมอสโกกับเคียฟ ขณะที่วังเครมลินเสริมว่า ออร์บาน แสดงความสนใจเข้าช่วยเหลือในการหาทางออกร่วม สำหรับเส้นทางทั้งทางการเมืองและการทูตในการคลี่คลายวิกฤตนี้
ออร์บาน กล่าวอ้างในเวลาต่อมาว่า เซเลนสกี เป็นหนึ่งคนที่ปฏิเสธข้อตกลงหยุดยิงในทันที "เราเสนอหยุดยิงในช่วงคริสต์มาสและแลกเปลี่ยนเชลยศึกครั้งใหญ่ แต่น่าเศร้าที่ประธานาธิบดีเซเลนสกี ปฏิเสธอย่างชัดเจนและบอกปัดความเป็นไปได้ในวันนี้ เราทำในสิ่งที่เราควรทำแล้ว"
เคียฟ ปฏิเสธคำกล่าวอ้างของ ออร์บาน อย่างรวดเร็ว "อย่างที่เป็นมาตลอด ฝ่ายฮังการีไม่เคยพูดคุยหารือใดๆ กับยูเครน" ผู้ช่วยประธานาธิบดียูเครนระบุในถ้อยแถลง ขณะที่ เซเลนสกี ก็ประณาม ออร์บาน ต่อการพูดคุยทางโทรศัพท์กับ ปูติน เช่นกัน โดยบอกว่ามันเสี่ยงบ่อนทำลายความเป็นหนึ่งเดียวกันของยุโรปในการจัดการกับรัสเซีย
"ไม่มีใครควรส่งเสริมภาพลักษณ์ส่วนตัวของตนเอง แลกกับความเป็นหนึ่งเดียวกัน ทุกคนควรโฟกัสไปที่ความสำเร็จร่วมกัน ความเป็นหนึ่งเดียวกันในยุโรป เป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุเป้าหมายอยู่เสมอ" เซเลนสกีเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์
(ที่มา : เอเอฟพี)