สอบทุจริต จ้างพิมพ์สติ๊กเกอร์ซีทรูเฉลิมพระเกียรติฯสนามบินภูเก็ตส่อวุ่น หวั่นมีแพะ จับตากระบวนการอุ้มเด็กนาย ปูดไม่สนคำสั่งย้ายเข้าสำนักงานใหญ่ตามคำสั่งระหว่างสอบสวน ด้าน”กีรติ”เพิ่งรู้ ชี้ผิดระเบียบ ส่วนผลสอบขยายเวลา 15 วัน ยันไม่มีมวยล้ม
รายงานข่าวจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. (AOT) เปิดเผยว่าจากที่ทอท.ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงการประกวดราคางานจัดซื้อจัดจ้างพิมพ์สติกเกอร์ซีทรู (See Through Sticker) เฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 พร้อมติดตั้ง ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) โดยวิธีเฉพาะเจาะจง วงเงิน 11,778,600 บาทและมีการชี้มูลพนักงานระดับบริหารจำนวน 4 คนที่เข้าข่ายกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง รวม2 ข้อกล่าวหาคือ 1.ใช้วิธีการจัดจ้างโดยวธีเฉพาะเจาะจงโดยมิชอบเพื่อเอื้อประโยชน์ให้บริษัทภูเขาแอดเวอร์ไทซิ่งจำกัดและ2. กำหนดราคากลางสูงกว่าราคาตลาดโดยทุจริต
โดยนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. มีคำสั่งลงวันที่19 ส.ค.2567โยกย้ายพนักงานจำนวน 4 รายที่ถูกชี้มูลความผิดให้เข้ามาปฎิบัติงานที่สำนักงานใหญ่ ทอท. โดยขาดจากการปฎิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม และต่อมาวันที่ 10 ก.ย. 2567 นายกีรติได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง โดยมีนายเจนวิทย์ มุสิกรัตน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานบัญชีและการเงิน) ทอท.เป็นประธาน โดยให้กำหนดระยะเวลาสอบสวนวินัยร้ายแรง ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน
ซึ่งกรณีดังกล่าวสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ได้ทำหนังสือถึงทอท.ขอทราบข้อเท็จจริงและขอเอกสารหลักฐานเรื่องกล่าวหาพนักงานทอท. ว่าทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ด้วยเช่นกัน
แหล่งข่าวจากทอท.ระบุว่า กรณีมีคำสั่ง ให้พนักงาน 4 คน สอบวินัยร้ายแรงประมูลสติ๊กเกอร์สนามบินภูเก็ต เข้ามาปฎิบัติงานที่สำนักงานใหญ่และขาดจากตำแหน่งเดิมนั้น ซึ่งตามระเบียบพนักงานตั้งแต่ระดับ 8 ลงมา จะต้องสแกนบัตรแสดงตัวที่สำนักงานใหญ่ ส่วนตั้งแต่ระดับ 9 ขึ้นไปได้รับการยกเว้น ซึ่งพบว่า ทั้ง 4 คนไม่มีใครเข้ามาทำงานที่สำนักงานใหญ่ตามคำสั่งเลย และ 1 คนใน 4 เป็นพนักงานในระดับ 8 ได้รับอภิสิทธิ์จากผู้บริหาร ไม่ต้องทำตามระเบียบ
@ขยายเวลาสอบวินัยร้ายแรง 15 วัน
นายกีรติกล่าวว่า ในคำสั่งตั้งสอบวินัยร้ายแรงให้เวลา 30 วัน แต่คณะกก.สอบวินัยร้ายแรงขอขยายอีก 15 วัน เนื่องจากต้องมีการสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนและสอบพยานที่เกี่ยวข้องเพื่อความรอบคอบ ส่วนกรณีที่มีคำสั่งให้พนักงานที่ถูกสอบวินัยร้ายแรงหยุดปฎิบัติหน้าที่และออกจากตำแหน่งไปเป็นผู้เชี่ยวชาญซึ่งไม่เกี่ยวกับการบริหาร ยืนยันว่า ตามระเบียบพนักงานตั้งแต่ระดับ 9 ขึ้นไปไม่ต้องสแกนบัตร ส่วนระดับต่ำกว่านั้น ต้องสแกนบัตรที่สำนักงานใหญ่ไม่มีใครได้รับอภิสิทธิ์ยกเว้นใดๆ ซึ่งกรณีที่มีการระบุว่า 1 ใน 4 เป็นพนักงานระดับ 8 แต่ไม่พบเข้าสแกนบัตรที่สำนักงานใหญ่ ถือว่ามีความผิดแน่นอน
“เรื่องประมูลสติ๊กเกอร์ซีทรูที่สนามบินภูเก็ต ผลสอบข้อเท็จจริงพบว่าผิดทำให้ตั้งสอบวินัยร้ายแรงต่อ ยืนยัน ไม่มีมวยล้มแน่นอน”
@จับตากระบวนการ “อุ้มเด็กนาย…บีบแพะรับผิดคนเดียว”
รายงานข่าวจากทอท.แจ้งว่า ล่าสุด คณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาไปผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยร้ายแรงแล้ว รายหนึ่งว่า มีพฤติกรรมกระทำผิดวินัยร้ายแรง ฐานทุจริตต่อหน้าที่ ตามข้อ 27(2) แห่งระเบียบทอท.ว่าด้วยการบรรจุ การแต่งตั้ง การพ้นสภาพ วินัย การดำเนินการทางวินัย การลงโทษ และการอุทธรณ์ของพนักงาน พ.ศ. 2554 โดยที่ผ่านมาคณะกก.สอบวินัยร้ายแรงฯ ยังไม่ได้เรียกผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ไปสอบสวนใดๆ แต่มีการทำหนังสือแจ้งผลการสอบ และกำหนดให้ไปแก้ข้อกล่าวหาในวันที่ 16 ธ.ค. 2567
ซึ่งผู้ถูกสอบ เห็นว่า ข้อสรุปของคณะกก.สอบวินัยร้ายแรง มีข้อความที่ยังไม่ตรงตามข้อเท็จจริง และส่อแนวโน้มว่าจะชี้ความผิดไปที่ผู้ถูกสอบเพียงคนเดียว เพื่อให้อีก 3 คนมีโทษลดลงหรือไม่ เนื่องจากมีการระบุว่า พนักงานคนดังกล่าวเป็นผู้ริเริ่มและดำเนินการเพื่อจัดให้มีโครงการจัดซื้อจัดจ้างพิมพ์สติกเกอร์ซีทรูเฉลิมพระเกียรติฯ ,เป็นผู้เร่งรัดให้ดำเนินการติดตั้ง กำหนดการจัดหาด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง ทั้งที่เป็นงานทั่วไปที่ผู้ประกอบการรายอื่นสามารถทำได้ ,อนุญาตให้บริษัทฯเข้าพื้นที่หวงห้ามติดตั้งสติ๊กเกอร์ก่อน ในระหว่างที่การประมูลยังไม่แล้วเสร็จและไม่มีสัญญาจ้าง และยังไม่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้ภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อนำไปจัดพิมพ์ลงบนสติ๊กเกอร์ซีทรู
รายงานข่าวจากทอท. ระบุว่า โดยปกติ การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ 10 สนามบินภูเก็ตจะจัดซุ้มถวายพระพรบริเวณหน้าอาคารและซุ้มประตูทางเข้า และจุดสำคัญของสนามบิน ส่วน การติดสติ๊กเกอร์ซีทรู เฉลิมพระเกียรติ เกิดจากผู้บริหารระดับสูงของสนามบินภูเก็ต ตรวจพื้นที่พักคอยผู้โดยสาร พบว่า มีแสงแดดส่องเข้ามาและเกรงจะมีผลต่อความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ จึงมีแนวคิดติดสติกเกอร์ซีทรูเฉลิมพระเกียรติฯในบริเวณดังกล่าว
โดยในการประชุมคณะกรรมการกลยุทธ์คุณภาพบริการท่าอากาศยานของทอท. ครั้งที่4/2567 เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2567 เห็นชอบแนวทางการใช้ประโยชน์จากพื้นที่สนามบินภูเก็ต และมีการอนุมัติงบประมาณจากสำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2567 เพื่อดำเนินการตามมติดังกล่าว จึงเกิดโครงการจัดซื้อจัดจ้างพิมพ์สติกเกอร์ซีทรูเฉลิมพระเกียรติฯสนามบินภูเก็ต แบบเร่งรีบ
ในขณะที่พบว่าทอท. ทำหนังสือ ขอพระราชทางพระบรมราชานุญาตเชิญพระบรมฉายาลักษณ์พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สำหรับประดิษฐาน ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต 17 ก.ค. 2567 และได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาต เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2567
รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้ถูกกล่าวหารายหนึ่งกังวลว่า มีการช่วยเหลือบุคคลที่มีความสนิทสนมกับผู้บริหารระดับสูง ซึ่งมีการวิจารณ์ในหมู่พนักงานสนามบินภูเก็ตว่า เป็นเรื่องผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจในสนามบิน ขณะที่การจัดจ้างพิมพ์สติกเกอร์ซีทรูเฉลิมพระเกียรติฯมีการกระทำผิดที่ชัดเจน ทั้งการใช้วิธีพิเศษเฉพาะเจาะจง ทั้งที่มีผู้ประกอบการรายอื่นทำได้ด้วย การให้เอกชนทำงานก่อน ในระหว่างประมูลยังไม่เสร็จ และยังไม่มีสัญญาจ้าง ตามหลักฐาน มีการประกาศผลประมูล วันที่ 19 ก.ค.2567 แต่เอกชนเข้าทำการติดตั้งแผ่นสติกเกอร์เฉลิมพระเกียรติฯในวันที่ 17 ก.ค. 2567
รวมถึงค่าจ้างสูงกว่าความเป็นจริง และการดำเนินโครงการมีคำสั่งและมติคณะกรรมการตามลำดับชั้น ดังนั้นหากมีการโยนความผิดไปที่คนเดียว ซึ่งจะถูกลงโทษหนักอย่างไม่เป็นธรรมเชื่อว่า จะมีการร้องเรียน รวมถึงอาจจะมีการเปิดเผยหลักฐานที่โยงไปถึงผู้บริหารระดับสูงของทอท.ก็ได้