ราคาน้ำมันขยับขึ้นในวันอังคาร (10 ธ.ค.) จากแนวโน้มอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในจีน ชาติผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุดของโลก ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบ นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อ ขณะที่ทองคำแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ จากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ ปิดที่ 68.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 5 เซนต์ ปิดที่ 72.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดน้ำมันได้แรงหนุนจากรายงานข่าวที่ระบุว่าจีนจะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินอย่างพอเหมาะพอควรในปี 2025 ในความพยายามกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะถือเป็นการผ่อนปรนท่าทีเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี แม้รายละเอียดต่างๆ ยังคงมีออกมาเพียงเล็กน้อย
ขณะเดียวกัน อีกรายงานหนึ่งพบว่าการนำเข้าน้ำมันดิบของจีนในเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน เมื่อเทียบเป็นรายปี บ่งชี้ถึงแนวโน้มอุปสงค์ที่ฟื้นตัวในชาติผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ของโลกแห่งนี้
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันอังคาร (10 ธ.ค.) นักลงทุนเฝ้ารอด้วยความเป็นกังวลต่อรายงานเงินเฟ้ออันสำคัญ ที่อาจก่ออิทธิพลต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า
ดาวโจนส์ ลดลง 154.10 จุด (0.35 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 44,247.83 เอสแอนด์พี ลดลง 17.94 จุด (0.30 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,034.91 จุด แนสแดค ลดลง 49.45 จุด (0.25 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 19,687.24 จุด
ดัชนีราคาผู้บริโภคประจำเดือนพฤศจิกายน ที่มีกำหนดเผยแพร่ออกมาในวันพุธ (11 ธ.ค.) เป็นหนึ่งในรายงานสำคัญๆสุดท้ายก่อนที่เฟดจะมีกำหนดประชุมกันในวันที่ 17-18 ธันวาคม ทั้งนี้ คาดหมายว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปน่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนพฤศจิกายน สู่ระดับ 2.7% จากระดับ 2.6% ในเดือนตุลาคม จากนั้นจะมีการเผยแพร่รายงานดัชนีราคาผู้ผลิตตามมาในวันพฤหัสบดี (12 ธ.ค.)
ส่วนราคาทองคำแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ในวันอังคาร (10 ธ.ค.) ได้แรงหนุนจากแรงซื้อสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ ท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความคาดหมายว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 35.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 2718.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)