“สนธิ” สวนกลับคนรอบข้าง “ทักษิณ” ดาหน้าออกมาปกป้องลูกสาวนายใหญ่ กลัวโดนม็อบไล่ ไม่เปิดตาดูความจริง แนะ “พายัพ” ฟื้นความจำ ถ้าตนแค้นฝังหุ่นคงฟาดฟันตั้งแต่ “เศรษฐา” เป็นนายกฯ แถมตอน “อุ๊งอิ๊ง” ขึ้นมาก็ให้โอกาสทำงาน ยังไม่เคยต่อว่า แต่ที่ยอมไม่ได้คือพฤติกรรมทุจริตที่สืบทอดจากพ่อ โดยเฉพาะ MOU44 หากเดินหน้าจะเสียอธิปไตยให้กัมพูชาแน่นอน ต้องหยุดให้ได้ พร้อมสู้ให้ความจริงปรากฏ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาลงถนน
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2567 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงกรณีที่ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คนของรัฐบาลต่างออกมาให้สัมภาษณ์สื่อถึงการที่ตนจะจัดชุมนุมไล่รัฐบาล ตั้งแต่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่บอกว่าสามารถชุมนุมได้ตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ แต่อย่าทำผิดกฎหมาย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ที่ปรามาสว่าตนปลุกม็อบไม่ขึ้น นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ที่บอกว่าการชุมนุมจะฉุดรั้งประเทศ และเอ็มโอยู 2544 ไม่มีเงื่อนไขอะไรที่ต้องประท้วง เพราะทำมาตั้งแต่ปี 2544 แล้ว
นอกจากจากนี้ ยังมีนายพายัพ ปั้นเกตุ อดีตแกนนำ นปช.ที่ได้มาเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ที่บอกว่าไม่อยากให้ประเทศกลับไปสู่วังวนเดิมเดิม และบอกว่านายสนธิ เป็นคนตกยุคตกสมัยไม่เข้าใจสถานการณ์การเมืองปัจจุบันว่าเขาก้าวข้ามความขัดแย้งกันแล้ว นายสนธิและฝ่ายแค้นฝังหุ่นน่าจะยินดีกับปรากฏการณ์การเมืองแบบนี้มากกว่า เพราะการเปลี่ยนแปลงแบบนี้เป็นเรื่องที่ดีเอาคนมีความสามารถทุกพรรคมาช่วยกันทํางาน ซึ่งรัฐบาลก็มีแนวโน้มจะทําอะไรต่ออะไรมิอะไรได้มากขึ้น
นายสนธิ กล่าวว่า ไม่เข้าใจว่าความเคลื่อนไหวของตนไปกระตุกต่อมของรัฐบาลเพื่อไทยอย่างไร แต่ละคนจึงดาหน้าออกมาพูดถึงการลงถนนกันใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่นายพายัพพูดออกมา รวมทั้งนายภูมิธรรม นายชูศักดิ์ นายณัฐวุฒิ ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง
“หลักๆ คุณกําลังพูดบอกว่าประเทศชาติบ้านเมืองสงบแล้ว ผมทําไมต้องมาป่วน แล้วผมก็เคยทําให้ประเทศชาติบ้านเมืองมันถดถอยไปเยอะ
“คุณพายัพ คุณภูมิธรรม และคุณชูศักดิ์ครับ คุณณัฐวุฒิครับ ผมลุกขึ้นมาต่อต้านเจ้านายคุณ ทักษิณ ชินวัตรในปี 2548 ทําไมผมต้องลุกขึ้นมา เพราะตอนนั้นพวกคุณเนี่ยใหญ่คับฟ้า มีอํานาจทางการเมืองเต็มที่ คุมตํารวจ คุมอัยการ คุมศาลบางส่วน คุมข้าราชการหมด
“แล้วนายคุณก็ทําการทุจริต คอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย คอร์รัปชั่นโดยตรง ไม่ว่าเล็กๆ น้อยๆ เช่นให้วันที่ 31 ธันวาคม เป็นวันทำงานราชการเพื่อให้ได้โอนที่ดินโดยไม่ต้องเสียภาษีเต็มเม็ดเต็มหน่วย และอีกหลายๆ กรณี ท่านที่ผมเอ่ยชื่อไปแล้ว ท่านจําได้ใช่ไหม ทุกอย่างที่ผมสู้มาเนี่ยผมสู้บนพื้นฐานของการทุจริตคอรัปชั่นของนายคุณ
“คุณพายัพ คุณณัฐวุฒิ คุณชูศักดิ์ คุณภูมิธรรม คุณรู้ไหม 2548 ที่ผมออกมา จนถึง 2566 18 ปีที่ผมสู้ ความจริงที่มีหนึ่งเดียวก็เลยปรากฏออกมา ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อสิงหาคม 2566 ที่นายคุณยอมรับผิดการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องๆ ไปประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา
“ผมถามว่าความจริงที่ผมสู้มาเนี่ยต้องใช้เวลาตั้ง 18 ปี กว่ามันจะปรากฏ หลังจากที่นายคุณออกไปอยู่ต่างประเทศ 17 ปีแล้วกลับมา เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษเมื่อขอพระราชทานอภัยโทษ นายคุณก็ต้องยอมรับความผิด นายคุณไม่ผิดมายอมรับทําไม นี่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ครับ ท่านทั้ง 4 ที่ผมเอ่ยชื่อ รวมทั้งท่านทั้งหลายที่หาว่าผมมาป่วนประเทศ"
นายสนธิกล่าวต่อว่า ประการต่อมา ตนเองเป็นประกาศมานานแล้วว่า อยากให้ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ทํางานบ้าง จะสังเกตได้ว่าในสมัยที่นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของพรรคเพื่อไทย ตนไม่ค่อยได้ตําหนิติเตียนนายเศรษฐาเท่าไหร่นัก ให้คําแนะนําด้วยซ้ำ เพราะนายเศรษฐาเป็นคนทํางานโปร่งใส ไม่มีวาระซ่อนเร้น ไม่มีอะไรน่าเคลือบแคลง
“คุณไปดูได้ แล้วคุณเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคอะไร ก็เพื่อไทยพรรคคุณนั่นแหละ ถ้าผมมีความแค้นครับ คุณพายัพ ปั้นเกตุ ผมต้องฟาดฟันคุณเศรษฐาแล้วแต่วันแรกคุณเศรษฐาขึ้นมา ผมไม่
“ทีนี้ พอคุณอุ๊งอิ๊งซึ่งเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของนายคุณขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี พวกคุณเนี่ยกินเงินเดือนนายคุณ ได้รับตําแหน่งแห่งที่มีความยิ่งใหญ่ คุณภูมิธรรม คุณอ้วน เอ็นเปื่อย ได้ไปถึงรองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คุณชูศักดิ์ ศิรินิลได้เป็นถึงรัฐมนตรีประจําสํานักนายก ดูแลเรื่องกฎหมาย นี่คือบุญคุณที่นายบุญให้คุณ ก็เลยต้องออกมาปกป้องลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของนายคุณ
“ผมเองก็ยังไม่ได้ว่าอะไรนะ ถ้าคุณมีความจํากรุณาฝึกความจําสักนิดนึง ไปดูย้อนหลังได้ คุณไปถามที่ปรึกษาทางฝ่ายประชาสัมพันธ์ อย่างเช่นคุณวิม อย่างเงี้ย คุณจะรู้ว่าคุณพี่สนธิเค้าไม่เคยว่าอะไรนายกอุ๊งอิ๊งเลย แม้แต่นิดเดียว เพิ่งจะมีวันนี้ทีผมจะพูดถึงเรื่องความเลอะเทอะความเว่อร์ แล้วที่พูดก็เพื่อเตือนสติว่าอย่าทํานะ เพราะว่าวันนี้เนี่ย หนูเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ไม่ใช่ลูกสาวคนเล็กของบ้านจันทร์ส่องหล้า ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว
“เอาล่ะ คุณก็จะเห็นได้ชัดแล้ว ที่ผมลุกขึ้นมาต่อสู้แบบนี้ คืออะไรล่ะประวัติศาสตร์มักจะย้อนรอยความไม่โปร่งใสของรัฐบาลชุดอุ๊งอิ๊งที่ได้รับอิทธิพลจากนายคุณคือพ่อเค้า
“เรื่องอะไร นี่ผมยังไม่ได้พูดเรื่องการรักษาตัวบนชั้น 14 นะ เค้าถล่มคุณเละเทะไปหมดเลย แต่ผมไม่ค่อยได้พูดถึง เพราะว่าผมคิดว่าในใจมันทุเรศ ปล่อยให้ชาวบ้านเขารุมเหยียบกันดีกว่า ผมอยู่เฉยๆ พวกคุณสี่คน ถ้าคุณยังมีความเป็นคนบ้าง ยังมีสติปัญญาบ้างยังมีหิริโอตัปปะบ้าง คุณก็รู้ว่านายคุณเนี่ยโกงการติดคุก อย่ามาอ้างโน้นอ้างนี่เลยนะฮะ
“อันนี้ข้อแรก ผมนี่ยังเฉยๆ นะ แต่เรื่องที่ผมอยู่เฉยไม่ได้ตอนนี้ มีอยู่ 2 เรื่อง เดี๋ยวผมจะพูดอีกเรื่องหนึ่ง แต่ตอนนี้ที่จะพูดคือเรื่องเอ็มโอยู 2544 ที่คุณบอกว่ามีมันมีมานานแล้ว ยังไม่เคยเปิดเจรจากัน คุณก็อ้างอย่างโง้นอ้างอย่างงี้ อ้างข้อเขียนของคุณสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ถ้าผมบอกว่าคุณสุรเกียรติ์ เสถียรไทยเขียนหนังสือ ตลอดจนเซ็นเรื่องเอ็มโอยู 2544 นั้น ผิด แล้วผมมีหลักฐานพิสูจน์ว่าผิดยังไงบ้าง คุณจะยอมรับตรงนี้ไหม
“เราเอาความจริงมาหงายพูดกัน คุณพายัพผมไม่ได้ฝ่ายแค้น แต่ผมกําลังจะบอกว่าเอ็มโอยูตัวนี้ ถ้าเราไม่แก้ไข ไม่ยกเลิกแล้วเรายังจะเดินหน้าต่อไปจะทําให้ประเทศไทยมีโอกาสเสียอํานาจอธิปไตยบนพื้นที่ทางทะเลที่อยู่รอบเกาะกูด
“พวกคุณก็เบี่ยงประเด็นไปว่า เกาะกูดเป็นของคนไทย ในขณะซึ่งหนังสือพิมพ์ในเขมร สื่อมวลชนยังบอกเกาะกูดเป็นของเขมร คือคุณต้องการที่จะพิสูจน์ว่าเกาะกูเป็นของคนไทยเพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวล แต่คุณไม่ยอมพูดถึงพื้นที่ทางทะเลที่ล้อมรอบเกาะกูดซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ
“คุณรู้ใช่ไหมว่าเขมรนี่สู้เราไม่ได้ในเรื่องของสนธิสัญญาทางทะเล หลักฐานทางทะเล เพราะเมื่อลากเส้นออกไปแล้วเนี่ยเกาะกูดเป็นของไทยอย่างเดียวไม่พอยังมีพื้นที่รอบเกาะกูดอีก ที่ต้องเป็นของไทย
“คุณพายัพ ปั้นเกตุ คุณฉลาดนักไม่ใช่เหรอ คุณภูมิธรรม คุณชูศักดิ์ คุณพายัพปั้นเกตุ และอ้ายและอีทั้งหลาย ที่มาบอกว่าผมเนี่ยเป็นตัวป่วนประเทศ ผมผิดตรงไหน ถ้าผมจะบอกว่าคุณกําลังเดินหน้าต่อไปในทิศทางที่ผิดและจะทําให้เขมรได้รับผลประโยชน์ จากการยกอํานาจอธิปไตยทางทะเล ไม่ใช่เกาะนะ ที่รอบเกาะให้กับเขมร คุณตอบผมเนี่ย ผมผิดตรงไหน
“ถ้าคุณโปร่งใสจริง คุณเปิดเวทีทางสาธารณะ จะเป็นทีวีช่องไหนก็ได้ ช่องเอ็นบีทีที่คุณกําลังคุมอยู่ ส่งคนไปทําข่าวก็ได้ คุณจัดคนคนนึงที่ชํานาญในเรื่องของเอ็มโอยู 2544 ผมจัดคนของผมคนหนึ่ง ทําให้โปร่งใส ให้ประชาชนทั้งประเทศ ได้เห็นว่า ความจริงมีหนึ่งเดียวนั้น มันอยู่ฝั่งไหน คุณกล้าไหม
“แล้วพฤติกรรมต่างๆ ของนายคุณ รวมทั้งนายกฯ แพรทองธารก็พูดตลอดเวลา ว่าทะเลาะกันทําไมเรื่องพื้นที่ เอาสัมปทานมาแบ่งกัน 50-50 ใครเป็นคนพูด คุณณัฐวุฒิ คุณพายัพ ปั้นเกตุ คุณชูศักดิ์ ศิรินิล คุณภูมิธรรม เวชยชัย ใครเป็นคนพูดต้องแบ่งกัน 50-50 ทั้งนายคุณพูด ทั้งลูกสาวคนเล็กสุดที่รักของนายคุณก็พูด
“ความสนิทสนมระหว่างสมเด็จฮุนเซน ซึ่งเป็นบิดาของฮุนมาเน็ต นายกรัฐมนตรีปัจจุบัน กับนายคุณ สนิทสนมมาก อย่างที่ไม่จําเป็นต้องอธิบาย ทั้งรูปภาพ ทั้งการมาเยี่ยม ออกจากโรงพยาบาลแล้วมาพักที่บ้าน มันเห็นได้ชัด ทําให้คนเค้าอนุมานได้ และเค้าเกิดความไม่ไว้วางใจพวกคุณเพราะอะไร คุณพายัพ ปั้นเกตุ เพราะนายคุณเคยมีประวัติไม่ดีมาแล้ว ไม่ดีตรงไหน ไปอ่านราชกิจจานุเบกษา
“คุณไม่ต้องกลัวหรอก ที่คุณบอกว่าผมเนี่ยไม่มีกําลัง ไม่มีใครสนใจ ปลุกคนไม่ขึ้น ผมจะเรียนให้ทราบ ตั้งแต่วันแรกปี 2548 ที่ผมตัดสินใจจะลงถนนสู้กับนายคุณ คุณไปดูคลิปเก่าๆ ไปดูข้อมูลเก่าๆ คุณจะจําได้ ผมพูดอย่างงี้ จําใส่ใจไว้นะ คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผมบอกว่าถึงจะเป็นผมเพียงคนเดียวออกมาสู้ ผมก็จะสู้ ผมพูดอย่างนี้ครับ เรื่องนี้ก็เช่นกัน ถึงจะเป็นผมคนเดียวออกมา ผมก็จะออกมา
“คุณณัฐวุฒิ ที่คุณบอกปลุกคนไม่ขึ้นน่ะ ผมไม่ได้ปลุกคน ผมเอาความจริงที่มีหนึ่งเดียวให้กับประชาชนเขาทราบ และผมเชื่อ ประชาชนไทยมีจํานวนอีกจํานวนไม่น้อยเลยที่เขาเห็นด้วย เพราะผมทําถูกต้อง นี่คือสมบัติของชาติ
“คุณณัฐวุฒิคุณไม่ต้องกังวลหรอก เขามาร่วมกับผมอย่างแน่นอน ผมต้องชี้แจงให้ฟังเรื่องนี้ และผมก็ยังไม่ได้บอกว่าผมจะลงถนน
“ผมบอกผมจะยื่นข้อร้องเรียนไป ให้พิจารณาใหม่ เอาข้อมูลใหม่ใส่เข้าไป และก็กําลังกล่าวหาพวกคุณด้วย ว่าถ้าคุณยังเดินหน้าต่อไปในเรื่องนี้ เท่ากับคุณกําลังดําเนินการเพื่อยกธิปไตยรอบเกาะกูด ซึ่งเป็นเขตแดนทางทะเลตามกฎหมายสากล กฏหมายทะเลสากลซึ่งเป็นของไทย ให้กับเขมร
“ถ้าคุณทําเช่นนั้น คุณจําคําพูดผมไว้นะคุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผมจะลงถนน แต่มันยังไม่ถึง ผมเพียงแต่เตือนเอาไว้ก่อนล่วงหน้า คุณว่าผมมารยาทดีมั้ยล่ะ เตือนไว้ล่วงหน้า”
“คุณพร้อมไหม เพื่อแสดงความโปร่งใสของคุณ อย่ามาอ้างแบบคุณภูมิธรรมว่ามีอะไรก็ไปร้องเรียนเอา พวกคุณใช้วิชามารที่พูดแบบนี้ คุณก็รู้ว่าไปร้องเรียนก็ไม่ได้ประโยชน์ ผมก็เลยต้องมาเปิดเผยว่าผมกําลังจะเข้ามายื่นเรื่องร้องเรียนพวกคุณโดยตรง ยื่นเรื่องในความถูกต้องของเอ็มโอยู 2544 ว่าข้อมูลที่คุณมีอยู่ผิด ข้อมูลที่มีผมมีอยู่มันถูกต้อง แล้วก็กล่าวหาพวกคุณด้วย ว่าคุณกําลังจะทําอะไรอยู่ ถ้ายังเดินหน้าต่อไปด้วยข้อมูลเอ็มโอยู 2544 ที่คุณบอกว่าถูกต้อง ดีแล้ว
“หลายคนมาแดกดันผม ว่าทําไมทีลุงตู่อยู่ทําไมผมไม่ดิ้นรนเรื่องนี้ สมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่นั้น อุปมามัยสมุยลุงตู่การเจรจาเขมรเรื่องเอ็มโอยู 2544 แค่ลูบมือลูบแขน แต่พอมายุคคุณเนี่ย มันเริ่มขึ้นไปอยู่บนเตียงจะร่วมสังวาสกันแล้ว ผมต้องหยุดเรื่องนี้ ให้ทําต่อไม่ได้” นายสนธิกล่าว