ราคาน้ำมันทรงตัวในวันพุธ(27พ.ย.) จากข้อมูลคลังปิโตรเลียมสำรองของสหรัฐฯ ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบตามแรงฉุดกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ทองคำฟื้นตัว หลังดอลลาร์อ่อนค่า
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 5 เซนต์ ปิดที่ 68.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 2 เซนต์ ปิดที่ 72.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐน(อีไอเอ) เผยแพร่รายงานในวันพุธ(27พ.ย.) พบคลังเบนซินสำรองของประเทศ เพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 22 พฤศจิกายน เป็น 212.2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าจะลดลง 46,000 บาร์เรล
ความเคลื่อนไหวของตลาดน้ำมันมีขึ้นแม้ว่า อีกด้านหนึ่งคลังน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐฯ จะลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าจะลดลงราวๆ 605,000 บาร์เรล
ส่วนราคาทองคำในวันพุธ(27พ.ย.) ปรับขึ้น ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 15.10 ดอลลาร์ อยู่ที่ 2,661.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดลบในวันพุธ(27พ.ย) ตามแรงฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ท่ามกลางความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เหด) อาจระมัดระวังเกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ย หลังข้อมูลบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อยังไม่อ่อนตัวลง
ดาวโจนส์ ลดลง 138.25 จุด (0.31 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 44,722.06 เอสแอนด์พี ลดลง 22.89 จุด (0.38 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,998.74 จุด แนสแดค ลดลง 115.10 จุด (0.60 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 19,060.48 จุด
ข้อมูลพบว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงในเดือนตุลาคม บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอเมริกายังคงไว้ซึ่งอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งในช่วงต้นไตรมาส 4 อย่างไรก็ตามความคืบหน้าในความพยายามฉุดเงินเฟ้อให้ลดต่ำลง ดูเหมือนจะหยุดชะงัก
อ้างอิงรายงาน FedWatch ของ CME พบว่าเวลานี้พวกนักลงทุนคาดหมายว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลง 25% ในเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตามพวกเขาเชื่อว่าธนาคารกลางแห่งนี้จะคงอัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลง ณ ที่ประชุมในเดือนมกราคมและมีนาคม
นอกจากนี้แล้ว พวกนักลงทุนยังกำลังตรึกตรองผลกระทบของคำประกาศของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะรีดภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% และ 10% จากสินค้านำเข้าจากจีน จนกว่าประเทศเหล่านี้ จะสกัดกั้นไม่ให้ยาเฟนทานิล (fentanyl) และคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย ไหลบ่าเข้าสู่สหรัฐฯ
(ที่มา:รอยเตอร์)