วันนี้(21 พ.ย.)นางสาวกชพรเวโรจน์ หัวหน้าพรรคก้าวอิสระ หรือ INDY ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดตัวพรรคการเมืองน้องใหม่ อย่างพรรคก้าวอิสระว่า เนื่องจากเห็นว่าตอนนี้ประชาชนขาดอิสระ ขาดอิสรภาพทางการเมือง ทางความคิด จะพูดอะไรก็กลัวเสียเพื่อน เสียครอบครัวเพราะคิดต่างกัน จึงอยากให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยที่จริงใจ ยอมรับความเห็นต่างกันอย่างสร้างสรรค์ ก่อนที่เราจะปฏิรูปหรือพลิกโฉมประเทศไทยก่อนที่เราจะมา Transform Thailand เราควรจะพลิกโฉมตัวเองก่อน เริ่มจากครอบครัวตัวเองก่อน
นางสาวกชพร กล่าวว่า หลายตนถามว่าพรรคก้าวอิสระเป็นกลางจริงหรือ ในโลกนี้จะมีพรรคที่เป็นกลางจริงหรือ จึงอยากบอกว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เราจะทำไม่ได้ ถ้าเราจะทำ หากคนไทยทุกคนร่วมมือกันและตระหนักถึงสิทธิความเป็นมนุษย์ของตัวเองว่าทุกคนเท่ากันหมด ไม่เกี่ยวว่าใครจะมีเงินมากหรือน้อย แทนที่จะแบ่งสี แบ่งฝ่าย แบ่งพวก ทำไมเราไม่มาร่วมมือกันทำให้ดีกว่านี้ ถ้าประเทศเราพัฒนาลูกหลานเราอยู่ได้ดีกว่านี้ ชีวิตเราก็ดี ค่าครองชีพเราก็จะลดลงได้ไม่ยาก ทำไมเราต้องมาแบ่งสี แบ่งฝ่าย ทะเลาะกันเรื่องการเมือง ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาเราก็ทะเลาะกันมาเยอะแล้ว
ดังนั้นจึงคิดว่าความเป็นกลางจะเป็นทางออกที่ดี เพราะตั้งแต่เริ่มมีการแบ่งสี แบ่งฝ่าย ก็ยังไม่เห็นประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าเลย ดังนั้นแนวคิดของพรรคก้าวอิสระ คือต้องการเป็น Step Forward for Change เราต้องการความเปลี่ยนแปลงใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เราจะเป็นพรรคแรกในประเทศไทยที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าความเป็นกลางที่แท้จริง และที่จริงใจมันมีอยู่จริง และประชาธิปไตยที่จริงใจเป็นอย่างไร ซึ่งก็คือสามารถรับฟังความคิดเห็นต่างกันได้โดยไม่ต้องทะเลาะกัน แล้วจะนำพาสู่อิสรภาพทางการเงิน ทางการศึกษา ทางการใช้ชีวิตและความมั่นคงในคุณภาพชีวิตก็จะเกิดขึ้นจริง
“หลายคนเคยถามว่า พรรคก้าวอิสระ ตั้งมาเพื่อมาปกป้องสถาบันหรือเปล่า ขอตอบได้เลยว่า ดิฉันคงไม่บังอาจไปปกป้องสถาบันฯ เพราะท่านมีความดีของท่านมาทุกยุคทุกสมัยอยู่แล้ว ความดีเหล่านั้นจะปกป้องท่านเอง แต่สิ่งที่ดิฉันและพรรคก้าวอิสระจะปกป้องคือเราต้องการปกป้องสิ่งที่สถาบันฯ ปกป้องมาตลอดในทุกยุคทุกสมัยซึ่งก็คือประชาชนนั่นเอง นี่คือสิ่งที่เราอยากปกป้องและอยากบอกทุกคนว่ากลับมาเถอะ กลับมาจากความขัดแย้ง ก้าวออกมาจากความขัดแย้งนั้น ก้าวข้ามความเห็นต่าง ก้าวข้ามความโกรธเคืองต่างๆ เราคนไทยเหมือนกัน มาช่วยกันพัฒนาประเทศดีกว่า ตอนนี้การศึกษาเราก็ลำบากแล้ว อาชีพครู อาชีพอาสาสมัครต่างๆก็ลำบากมากทุกหย่อมหญ้า ถึงเวลาแล้วที่เราต้องหันมาร่วมมือกัน ทุกสีมารวมกัน ความจริงก็สวยดี เป็นสีรุ้ง ก็น่าจะสวยกว่า”