ประธานชมรมสันติประชาธรรม เผยมีผู้เสียหายร้องเรียนถูกหมอบุญหลอกลงทุน 30 ราย เสียหายกว่า 2 พันล้านบาท บางคนเอาเงินเก็บแม่มาลงทุน 50 ล้าน เครียดจัดต้องเข้าโรงพยาบาล เส้นเลือดในสมองตีบ เตือนถ้าเชื่อเรื่องบุญและเวรกรรม ช่วยหาโอกาสคืนเงินให้กับผู้เสียหายด้วย รายงานข่าวพบเจ้าหนี้มีทั้งวงการบันเทิงและสื่อสารคมนาคม
วันนี้ (20 พ.ย.) นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายกว่า 30 ราย กรณีนายแพทย์เจ้าของโรงพยาบาลชื่อดัง หลอกให้ลงทุนมูลค่าความเสียหายกว่าพันล้านบาท โดยมีพฤติการณ์ชักชวนให้ลงทุนทำศูนย์เวลเนส (Wellness Center) ระดมทุนจากประเทศหนึ่งในตะวันออกกลาง มาลงทุนในประเทศไทยด้วยมูลค่าการลงทุน 20,000 ล้านบาท มีแผนชัดเจนว่าจะทำอย่างไร และอ้างว่าต้องมีเงินค้ำสัญญาก่อน โดยผู้เสียหายมีทั้งแพทย์และผู้ที่มีรายได้สูง เฉลี่ยรายละ 50 ล้านบาท และทราบว่ามีการระดมทุนราว 8,000-9,000 ล้านบาท อยากให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพราะมีความไม่ชอบมาพากล
ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าตั้งใจปิดบังซ่อนเร้นข้อมูลหรือไม่ตั้งแต่แรก จากที่มีข่าวว่านายแพทย์คนดังกล่าวออกไปต่างประเทศแล้ว ตนได้สอบถามผู้เสียหายจำนวนมากเห็นว่าเป็นไปได้ เพราะไม่สามารถติดต่อได้แล้ว ที่ผ่านมามีหลายคนดำเนินคดี มีคนไปแจ้งความไว้แล้ว ที่ สน.ห้วยขวาง บริษัทฯ ก็พยายามเจรจาเพื่อไกล่เกลี่ย เข้าใจว่าอยู่ระหว่างดำเนินการ อาจจะรอเวลา ถ้าหากว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าเป็นการเข้าข่ายการฉ้อโกงประชาชน ก็ต้องดำเนินคดีต่อไป ส่วนจะลุกลามไปยังองค์กรต่างๆ ด้วยหรือไม่ ก็เป็นสิ่งที่ยากจะคาดคิด ซึ่งตนมีข้อมูลหลายอย่าง แต่ขอรอเวลา เพราะเป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนต่อความเชื่อมั่นอื่นๆ ถ้ายังทำธุรกิจต่อไปได้ ก็หวังว่าจะสามารถนำเงินมาคืนให้กับประชาชนคนอื่นด้วย
อย่างไรก็ตาม นายแทนคุณฝากสื่อสารไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้องว่า มีหนี้ก็ต้องใช้ ไม่ว่าจะรวยแค่ไหน เพราะเจ้าหนี้เชื่อในเครดิต ไม่คิดว่าจะมีพฤติการณ์อย่างนี้ ตนไม่ได้ว่าผิดหรือถูก แต่ความทุกข์ของคน ผู้เสียหายรายหนึ่งเครียดจัด เพราะไปเอาเงินเก็บของแม่มาลงทุน เสียหายกว่า 50 ล้านบาท เกิดความเครียดจนล้มลง ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเพราะเส้นเลือดในสมองตีบกระทันหัน คิดว่าถ้าเชื่อในเรื่องบุญ ในเรื่องเวรกรรมบาปบุญคุณโทษ ช่วยหาโอกาสคืนเงินให้กับผู้เสียหาย เพราะเงินที่เอาไปใช้เป็นเงินบาปทั้งนั้น เงินที่ได้จากการหลอกลวงคนเอาไปใช้อย่างสุขสบาย สุดท้ายไม่ใช้ชาตินี้ก็ต้องใช้ชาติหน้า และผลของกรรมจะตกไปถึงคนในครอบครัวด้วย ถือเป็นหลักธรรมะทั่วไปที่ในภาคปฏิบัติจะต้องเชื่อในสิ่งเหล่านี้
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 19 พ.ย. นายแทนคุณเปิดเผยกับสำนักข่าวเดอะ พับลิชเชอร์ ที่มี น.ส.สมจิต นวเครือสุนทร เป็นบรรณาธิการบริหาร ระบุว่า มีผู้เสียหายร้องเรียนพฤติกรรม นพ.บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี ชักชวนให้ลงทุน Wellness Center มูลค่านับหมื่นล้านบาท ซึ่งจะมีทุนจากต่างประเทศและระดมทุนในประเทศ มีผู้หลงเชื่อระดมเงินทั้งของตัวเองและครอบครัวไปร่วมลงทุน โดยมีผู้เสียหายที่มาร้องเรียนมากกว่า 30 คน มูลค่าความเสียหายมากกว่า 2 พันล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นคนมีฐานะกลางขึ้นบน ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ และมีความทุกข์ใจมาก ซึ่งตนได้รับข้อมูลตั้งแต่เดือน พ.ค. 2567 ที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะข้อมูลยังไม่แน่นพอ
ตอนนี้ผู้เสียหายไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว เพราะมีปัญหาการจ่ายเช็คเด้งด้วย โดยต้องให้ตำรวจสืบต่อว่าเป็นการหลอกลงทุนหรือไม่ โครงการนี้มีอยู่จริงหรือไม่ ถ้าไม่จริงข้อหาคงไม่ใช่แค่ พ.ร.บ.เช็ค เพราะถ้าตั้งใจหลอกลวงตั้งแต่ต้น โดยที่โครงการไม่มีอยู่จริง ก็อาจเป็นฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ เพราะมีผู้เสียหายจำนวนมาก โดยนายแทนคุณได้ส่งภาพหลักฐานเป็นเช็คธนาคารทหารไทยธนชาต (ttb) ชื่อบัญชี นาย บุญ วนาสิน และ บริษัท ราชธานีพัฒนาการ (2014) จำกัด สั่งจ่ายไปยังผู้เสียหาย รวม 11 ฉบับ มูลค่า 80 ล้านบาท ซึ่งพบว่าถูกธนาคารปฎิเสธการจ่ายเงิน
อีกด้านหนึ่ง หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น ฉบับวันนี้ (20 พ.ย.) คอลัมน์ ท่องยุทธภพ ระบุในตอนหนึ่งว่า ทางการข่าวมีรายงานว่าหมอบุญมีการก่อหนี้นอกระบบจำนวนมาก โดยใช้หุ้นบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG ที่ตัวเองและคนในครอบครัวถืออยู่เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ว่ากันว่ามีคนจากตระกูลดังทั้งวงการบันเทิงและสื่อสารโทรคมนาคม เป็นเจ้าหนี้หมอบุญ บางรายมูลหนี้สูงกว่า 1,000 ล้านบาท ที่สำคัญการผิดชำระหนี้ได้บังเกิดขึ้นแล้ว
ข้อเท็จจริงที่ปรากฏชัดคือ มีคดีฟ้องร้องหมอบุญที่ สน.ห้วยขวางจำนวนมาก เกี่ยวกับคดีเช็คเด้ง แม้ไม่ปรากฎชัดว่ามีทั้งหมดกี่คดี แต่ก็ทำให้ตำรวจ สน. แห่งนี้ปั่นป่วนไม่น้อยเช่นกัน นี่ยังไม่รวมคดีที่กำลังอยู่ในการพิจารณาของศาลอีกเพียบ ไม่มีหลักฐานปรากฏว่าหมอบุญมีหนี้เท่าไหร่ แต่ในทางการข่าวตัวเลขหลายพันล้านบาท
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ผู้เสียหายเป็นอดีตลูกสะใภ้ ของ นพ.บุญ ร้องทุกข์กับทีมงานรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ระบุว่า ถูก นพ.บุญ ปลอมลายมือชื่อของตน ทั้งเอกสารเรื่องหุ้น เงินกู้ และสัญญาต่างๆ เอาไปทำธุรกรรม ได้รับความเสียหายเกือบ 8,000 ล้านบาท ทั้งที่ไม่เคยรู้เรื่อง และไม่เคยลงนามใดๆ ในชีวิตทั้งสิ้น แต่กลับถูกทวงหนี้ มีหมายศาล และหมายเรียกจากตำรวจ อีกทั้งยังพบว่า นพ.บุญ เอาตัวเองไปกู้เงิน มีสัญญาเงินกู้เอาหุ้นไปค้ำประกัน โดยมีตัวแทน หรือเอเยนต์ ไปหาเงินกู้ให้ดอกเบี้ยสูงถึง 15% ทำให้คนที่มีเงินเย็นอยากปล่อยเงินกู้ ทั้งการนำหลักทรัพย์ไปค้ำประกันดังกล่าว