โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศจะแต่งตั้ง ฮาวเวิร์ด ลุตนิก (Howard Lutnick) มหาเศรษฐีนักการเงินซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แคนเตอร์ ฟิตซ์เจอรัลด์ (Cantor Fitzgerald) ขึ้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กำกับดูแลยุทธศาสตร์ด้านการค้าและภาษีซึ่งถือเป็นอาวุธหลักที่สหรัฐฯ ใช้สกัดกั้นการพัฒนาเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจีน
ทรัมป์ ระบุในถ้อยแถลงวานนี้ (19 พ.ย.) ว่า ลุตนิก “จะมีหน้าที่ส่วนเสริมในการรับผิดชอบโดยตรง” ต่อสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ หรือ USTR ด้วย
ทีมงานชุดเปลี่ยนผ่านของ ทรัมป์ ยังไม่ออกมาตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนเกี่ยวกับภาระงานของ ลุตนิก รวมถึงข้อสงสัยที่ว่า เขาจะนั่งควบเก้าอี้ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (US Trade Representative) ด้วยหรือไม่
ทั้งนี้ USTR มีหน้าที่รายงานตรงต่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยมีคณะกรรมการชุดต่างๆ ของสภาคองเกรสคอยกำกับดูแลอีกชั้นหนึ่ง
ในการแต่งตั้ง ลุตนิก ให้ดำรงตำแหน่งนี้ ถือว่า ทรัมป์ ได้เลือก “เพื่อนเก่า” ที่เห็นด้วยกับวิสัยทัศน์ของเขาในการนำตำแหน่งงานกลับคืนสู่สหรัฐอเมริกา และสนับสนุนการใช้คริปโตเคอร์เรนซี
ลุตนิก ยังเป็นผู้บริหารบริษัทโบรกเกอร์ BGC Group และเป็นประธานบริษัท Newmark Group ซึ่งให้บริการแก่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึงดำรงตำแหน่งประธานตลาดซื้อขายล่วงหน้า FMX ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มีสถาบันการเงินและเทรดเดอร์รายใหญ่ๆ ของวอลล์สตรีทร่วมถือหุ้นอยู่ด้วย
อย่างไรก็ดี การยกตำแหน่งนี้ให้ ลุตนิก ก็อาจจะสร้างความผิดหวังให้ผู้สนับสนุน ทรัมป์ อีก 2 รายที่น่าจะหมายตาเก้าอี้รัฐมนตรีพาณิชย์อยู่เช่นกัน ได้แก่ ลินดา แมคมาฮอน อดีตผู้กำกับดูแลธุรกิจรายย่อย (small business administrator) และโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ อดีตผู้แทนการค้าสหรัฐฯ
CNN รายงานว่า แมคมาฮอน ซึ่งเป็นประธานร่วมในคณะทำงานชุดเปลี่ยนผ่านของ ทรัมป์ เช่นเดียวกับ ลุตนิก ถูกคาดหมายว่าจะน่าได้เก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงการศึกษา ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ ทรัมป์ เคยขู่เอาไว้ตอนหาเสียงว่าจะว่ายุบทิ้ง
สำหรับ ไลท์ไฮเซอร์ ซึ่งเคยมีการคาดการณ์กันว่าจะน่าจะเข้ามานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ยังคงไม่สามารถติดต่อเพื่อขอสัมภาษณ์ได้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ถือเป็นกระทรวงใหญ่ที่มีการว่าจ้างพนักงานเกือบ 47,000 คน โดยมีหน่วยงานในสังกัดหลายแห่ง ตั้งแต่สำนักงานสำมะโนประชากรแห่งสหรัฐฯ (US Census Bureau) เรื่อยไปจนถึงหน่วยงานด้านการพยากรณ์อากาศ การเดินเรือ รวมไปถึงการส่งเสริมการลงทุน
สำหรับภารกิจในด้านการค้านั้นถือว่ามีความสำคัญมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยรวมถึงอำนาจกำกับดูแลการส่งออกเทคโนโลยีเปราะบางของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นศูนย์กลางข้อพิพาทการค้ากับจีน รวมไปถึงตรวจสอบพฤติกรรมทุ่มตลาดและการอุดหนุนอย่างไม่เป็นธรรมของต่างชาติ ซึ่งบ่อยครั้งนำไปสู่การรีดภาษีลงโทษเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เอง
ลุตนิก นั้นไม่ค่อยเอ่ยถึงจีนบ่อยเหมือนบรรดาคนวงในใกล้ชิด ทรัมป์ คนอื่นๆ แต่เป็นที่รู้กันว่าเขาสนับสนุนมาตรการกำแพงภาษี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสินค้าจีน และมีรายงานจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สว่า วาณิชธนากรรายนี้เคยให้สัมภาษณ์ในรายการพ็อดแคสต์เมื่อเดือนที่แล้วว่า “อย่ารีดภาษีกับคนของเราเอง ให้ทำเงินดีกว่า จงไปเก็บภาษีเอากับสินค้าจีนให้ได้ถึง 400,000 ล้านดอลลาร์”
ที่มา : รอยเตอร์