ศรีสะเกษ - เจ้าอาวาสจับสึกแล้ว! หลวงพี่พันล้าน พระวัดดังศรีสะเกษ หลัง “แพรี่ ไพรวัลย์” แฉพระโปรโมตเว็บพนัน ฉายาหลวงพี่พันล้าน เจ้าอาวาสทราบเรื่องจับสึกแล้วแต่เมื่อวาน คาดเจ้าตัวหนีกลับบ้านที่ต่างอำเภอ ขณะที่ ผกก.สภ.อุทุมพรพิสัย เร่งตรวจสอบหากผิดจริงดำเนินคดีตามกฎหมาย
วันนี้ ( 14 พ.ย.) จากกรณีที่ “แพรี่” ไพรวัลย์ วรรณบุตร ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ข้อความว่า “อันนี้เป็นเพจพระ หรือเป็นเพจอะไรคะ ทำไมในสตอรี่รับโปรโมทเว็บพนันด้วย กิจของสงฆ์หรอ ชาวบ้านเขาฝากดิฉันถามมาค่ะ ที่สำคัญการโปรโมทเว็บพนันผิดกฎหมายนะคะ ท่านทราบไหม ความผิดสำเร็จแล้วนะคะ แหม่ ! วันนั้นยังเห็นโพสต์พาดพิงถึงดิฉันอยู่เลยนะคะ ว่าเก่งจริงสึกจะไปทำไม อ๋อ ! ถ้าให้อยู่ในผ้าเหลืองแล้วหากินด้วยการโปรโมทเว็ปพนันแบบนี้ ดิฉันก็ไม่ทำค่ะ ปล. หรือเพจโดนแอบอ้างคะ ช่วยชี้แจงด้วย ชาวบ้านเขาไม่สบายใจค่ะ”
ทั้งนี้พบว่า เจ้าตัวได้โพสต์ภาพ จำนวนเงินโอนเข้าบัญชี รูปภาพเงินธนบัตร และมีข้อความลักษณะเชิญชวนเล่นการพนันด้วย
ล่าสุดผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่ วัดสระกำแพงใหญ่ อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อสอบถามข้อมูลกับ พระพัลลภ พลภัทโท หรือ หลวงพี่พันล้าน ซึ่ง มีภาพโปรไฟล์ ลักษณะคล้ายกับพระภิกษุ ที่ แพรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร ได้มีการกล่าวถึง แต่ไม่พบพระรูปดังกล่าวแต่อย่างใด
จากการสอบถามข้อมูลกับ นายประเสริฐ กรรมการวัดแห่งนี้ เปิดเผยว่า จากการที่ดูภาพ พระรูปนี้อยู่ที่วัดแห่งนี้จริง และเป็นพระที่สอนอยู่โรงเรียนพระปริยัติธรรมภายภายในวัดแห่งนี้ แต่ตอนนี้ไม่ทราบว่า พระรูปนี้หายไปไหน โดยปกติจะเห็นพระรูปนี้ ขับรถยนต์เก๋งสีขาว ขับกลับไปกลับมาประจำ ส่วนในเรื่องที่มีการชักชวนเล่นการพนันนั้น ตนไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ ส่วนที่ได้ตั้งฉายาว่า “หลวงพี่พันล้าน” นั้น ไม่เกี่ยวกับเรื่องการพนัน แต่เป็นศีรษะของหลวงพี่ที่ล้าน จึงเป็นที่เรียกกันแค่นั้นเอง
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อกับเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้สอบถามข้อมูลกับ เณรภายในวัดแห่งนี้ ทราบชื่อคือ เณรวรวิญ์ ได้ให้ข้อมูลว่า เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ( 13 พ.ย. 2567 ) เจ้าอาวาสได้ทำการสึกพระรูปนี้ไปแล้ว ซึ่งสาเหตุน่าจะมาจากเกี่ยวกับเรื่องที่กำลังเป็นประเด็นในเรื่องการพนันอยู่ในตอนนี้ และคาดว่าน่าจะกลับบ้านที่อำเภอปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ
ทางด้าน พ.ต.อ.นิลกาฬ พรศักดิ์ ผกก.สภ.อุทุมพรพิสัย เปิดเผยว่า ตอนนี้ได้มีการตรวจสอบข้อมูลที่มีการนำมาโพสต์ในโลกออนไลน์ดังกล่าวว่า เป็นเฟซบุ๊กจริงหรือไม่ และหากเป็นเฟซบุ๊กของพระรูปดังกล่าวจริง จะได้ทำการประสานข้อมูลกับสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อหารือในเรื่องนี้ แต่หากมีการสึกออกจากความเป็นพระ ก็จะได้ทำการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป แต่ในตอนนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูล ซึ่งคาดว่าจะทราบผลในไม่กี่วัน