จับแอดมินเพจ "รถบ้านโก๋" มีผู้ติดตามกว่าครึ่งหมื่น โพสต์ชักชวนให้กลุ่มวัยรุ่นออกมารวมตัวมั่วสุมแข่งรถในทางสาธารณะ ศาลแขวงดุสิตลงโทษ “กักขังจำนวน 3 เดือน พร้อมริบรถจักรยานยนต์ ของกลาง”
วันที่ 13 พ.ย. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานป้องกันและปราบปรามการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของผู้อื่น แข่งรถในทาง และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ ตำรวจ บก.จร.จับกุม นายวิศรุต (สงวนนามสกุล) แอดมินเพจ ชื่อเพจเฟซบุ๊ก "รถบ้านโก๋" ซึ่งมีพฤติกรรมโพสต์ชักชวนให้กลุ่มวัยรุ่นออกมารวมตัวมั่วสุมแข่งรถในทางสาธารณะ ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 23 ต.ค.67 เวลาประมาณ 22.30 น. ต่อเนื่องวันที่ 24 ต.ค. 67 เวลาประมาณ 01.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรงานศูนย์ควบคุมจราวิภาวดีรังสิต ทางพิเศษ กก.2 บก.จร. ได้ทำการสืบสวนพบว่าจะมีการรวมกลุ่มรถจักรยานยนต์แข่งกันในทางพื้นที่ถนนวิภาวดีรังสิต
โดยมีการนัดหมายรวมกลุ่มเพื่อแข่งรถ หรือรถดัดแปลง ปรับแต่ง มีสภาพไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และเตรียมจะแข่งรถในทางสาธารณะ บริเวณถนนวิภาวดี-รังสิต จึงได้วางแผนทำการปิดล้อมตรวจค้น และจับกุมกลุ่มรถจักรยานยนต์ จนสามารถจับกุมรถจักรยานยนต์ ทั้งหมด 66 คัน ในจำนวนนี้มี 19 คัน 22 คน ที่มีพฤติกรรมพยายามแข่งรถในทาง ซึ่งผู้ขับขี่มีทั้งเยาวชนและผู้ที่บรรลุนิติภาวะ โดยผู้กระทำความผิดนี้ถูกนำตัวส่งศาลเพื่อให้พิจารณาคดี ส่วนรถจักรยานยนต์อีกจำนวน 47 คัน เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับขั้นสูงสุดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก เช่นไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และปรับแต่งสภาพรถ เมื่อวันที่ 24 ต.ค.67 ศาลได้พิพากษาคดีแล้วนั้น
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผลพบว่า เพจเฟซบุ๊กชื่อ”รถบ้านโก๋” มีพฤติกรรมโพสต์ชักชวนให้ออกมารวมตัวแข่งรถในทางสาธารณะ ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งมีผู้ติดตามเพจกว่า 5,000 คน จนพิสูจน์ทราบเจ้าของเพจดังกล่าว มีนายวิศรุต เป็นแอดมินและเจ้าของเพจ “รถบ้านโก๋” ได้นัดหมายการรวมกลุ่ม ในวันที่ 23 ต.ค.67 และนายวิศรุต ก็ได้มาในวันที่เกิดเหตุด้วย
ล่าสุด วันที่ 11 พ.ย.2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ออกหมายเรียกให้เจ้าตัวมาพบพนักงานสอบสวน พร้อมแจ้งข้อหาว่า “จัด โฆษณา ประกาศ ชักชวนแข่งรถ และพยายามขับรถแข่งในทางโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากหัวหน้าพนักงานจราจร และขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนของผู้อื่น” เบื้องต้นให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ก่อนนำตัวส่งศาลแขวงดุสิต ศาลแขวงดุสิตจึงพิพากษาลงโทษ “กักขังจำนวน 3 เดือน พร้อมริบรถจักรยานยนต์ ของกลาง”