กาญจนบุรี - ครูปรีชา คู่กรณีหวย 30 ล้าน มหากาพย์ เจ้าของวลีเด็ด “ความจริงก็คือความจริง เผย ที่มาของคำว่า “ไอ้ตั้มมันร้าย” อ้างว่าเป็นตำรวจมาจาก DSI เพื่อลวงข้อมูล ไปทำคดีให้คู่กรณี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนพรัตน์ พรวนสุข บรรณาธิการข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ พร้อมทีมงานได้เดินทางเข้าพบนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา คู่กรณีหวย 30 ล้าน มหากาพย์ เจ้าของวลีเด็ด “ความจริงก็คือความจริง”ที่ร้านอาหารบ้านสวนครูปรีชา เลขที่ 149/22 หมู่ 3 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี สำหรับการพบปะพูดคุยเป็นไปแบบสบายๆ
โดยครูปรีชา เผยถึงที่มาของคำว่า ไอ้ตั้ม มันร้าย ว่าก่อนจะมีคดีหวย 30 ล้าน ตนเองไม่เคยรู้จักกับทนายตั้ม หรือนายษิธา เบี้ยกำเนิด มาก่อน ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีการออกข่าวว่าทนายความคนไหนมาทำคดีให้กับฝั่งโน้น และตนเองก็ยังไม่มีทนาย ขณะที่ตนเองกำลังสอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนอยู่ๆก็มีชายวัยรุ่นจำนวน 3 คน มาถามนักเรียนว่าครูปรีชา คนไหนพร้อมกับอ้างว่าเป็นตำรวจมาจาก DSI เด็กนักเรียนจึงพามาพบ แล้ว 1 ใน 3 คนบอกว่าจะมาเป็นสื่อกลางในคดีให้ และถามวันนี้ครูปรีชามีคดีเรื่องลอตเตอรี่กับลุงจรูญอยู่ใช่ไหม ตนเองจึงตอบไปว่าใช่ พร้อมกับบอกไปว่าเคยเจอกับลุงจรูญ แล้วเมื่อวันที่ 28 พ.ย.2560 แต่ที่ทางทนายตั้ม พร้อมพวกรวม 3 คนมาพบผมเมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2560
ครั้งแรกที่พบกับทางทนายตั้ม ดูแล้วมีพฤติกรรมที่ดี จึงยอมให้เข้ามาภายในห้องเรียน แล้วนั่งคุยกันที่โต๊ะครู ซึ่งเขาบอกกับครูว่าวันนี้ถ้าครูมีไลน์สั่งเลขในเครื่องโทรศัพท์จากคนขาย รวมทั้งมีรูปลอตเตอรี่จริง เขาจะให้ลุงจรูญเอาเงินมาคืน เพราะดูจากข่าวแล้ว เชื่อว่าครูน่าจะมีหลักฐานดีๆ จึงมาขอดูหน่อย ถ้าวันนี้คุณครูโอเค มีหลักฐานที่แน่นและมีทุกอย่างพร้อม เขายินดีที่จะให้คุณลุงเอาเงินมาคืนเลย
ตนเองจึงถามกลับไปว่าเฮ้ยมันยังไง แล้วมาจากที่ไหนกัน เขาจึงตอบว่ามาจาก DSI กระทรวงยุติธรรม แต่ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้นผมให้ 1 ใน 3 คนดูไลน์ในโทรศัพท์ของตนเองไปด้วย และสังเกตว่าคนที่ดูโทรศัพท์ถือดูลักษณะตะแคงโทรศัพท์เพื่อให้ผู้ที่มาด้วยกันใช้โทรศัพท์แอบถ่ายคลิปไปด้วย จึงมองว่าพฤติกรรมการดูโทรศัพท์มันผิดปกติ จึงรีบดึงโทรศัพท์จากมือเขามา หลังจากหยิบโทรศัพท์กลับมาได้ ครูก็ยังพูดคุยกับเขาตามปกติเพราะไม่อยากให้เขารู้ว่าเราไม่พอใจ
หลังจากนั้น เขาถามว่า แล้วไลน์ อยู่ที่ไหนครูลบไปแล้วหรือ ครูจึงตอบกลับไปว่า ตำรวจลบไปแล้ว ด้วยความสงสัยจึงถามกลับไปว่าเป็นตำรวจมาจาก DSI จริงหรือเปล่า ถ้าจริงขอดูบัตรหน่อย แต่เขาก็ไม่มีให้ดูและเริ่มมีพฤติกรรบลับๆล่อๆจากนั้นทั้ง 3 จึงขอตัวกลับไป
เวลาผ่านไปประมาณ 3 วัน มีข่าวขึ้นมาเพราะคนที่มาพบไปออกข่าวรายการโหนกระแส ถึงกับตกใจมากเพราะคนอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ DSI ในวันนั้นเขาเป็นทนายความหรือนี่ หลังจากนั้น จึงถึงบางอ้อ และเข้าไปค้นห้าในเฟซบุ๊กของเขา ก็พบว่าได้เอาคลิปที่แอบถ่ายที่ห้องเรียนไปลงในเฟซบุ๊กหมดเลย พร้อมกับระบุว่าครูมีไลน์จริงหรือ มีการสั่งซื้อจริงหรือ จึงได้รู้ว่าเขาเป็นทนายความให้กับฝั่งโน้น แล้วมาหลอกเอาข้อมูลจากเราไป จึงได้มอบหมายให้ทนายความยื่นฟ้องไปที่สภาทนายความ แต่มันแปลกมากเพราะทุกอย่างเงียบไปหมด
หลังจากนั้น ลุงจรูญ ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนไปทางกระทรวงศึกษาธิการ ว่าครูทำผิดวินัยอยากได้ลอตเตอรี่ของเขา กระทรวงฯจึงแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนมาที่เขตสังกัดสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งทางเขตได้ตั้งคณะกรรมการสอบขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 หลังจากที่ทางเขตตั้งคณะกรรมการสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางเขตจึงส่งผลการสอบกลับไปที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (สำนักงาน ก.ค.ศ.)ที่กรุงเทพฯ ผลออกมาแล้วคือผมโดนปลดออกจากความเป็นครู ส่วนเรื่องที่ผมร้องไปที่สภาทนายความตั้งแต่ ปี 2561 เรื่องกับเงียบหายไปไม่มีอะไรคืบหน้าเลย
7 ปีเต็ม กับคดีหวย 30 ล้านบาท
ในวันที่ 1 พ.ย.67 ก็ครบ 7 ปีเต็ม ยังมีเรื่องที่ติดใจกรณีทนายตั้ม คือจริงๆแล้วด้วยความที่เขาเป็นทนายความ จะต้องมีมรรยาทของความเป็นทนาย และมีจรรยาบรรณของความเป็นทนายความ ซึ่งเวลาทนายรับว่าความให้กับฝั่งลุงจรูญไปแล้ว เขาจะมาหลอกเอาความลับจากเราไปทำไม นั่นจึงแสดงว่าเขาเป็นทนายความที่ทำผิดจรรยาบรรณมาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะมาเอาความลับจากฝ่ายหนึ่งแล้วไปว่าความให้กับอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเกิดมาไม่เคยเจอ จึงคิดว่าทนายคนนี้ทำผิดจรรยาบรรณอย่างมากเลย
ซึ่งในคดีของครู มีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกหลายเหตุการณ์ด้วยกันซึ่งเหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์นั้นมีความเชื่อมโยงกัน เช่น ตอนที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมชั้นพนักงานสอบสวน กล้องวงจรปิดที่ยืนยันว่ามี แต่ก็หายไป คือ ซองพลาสติกใส่ลอตเตอรี่ ทั้งๆที่มีการส่งซองพลาสติกมาให้พนักงานสอบสวนตั้งแต่ครั้งแรกๆที่มีเหตุการณ์นี้
ครั้งแรกที่เจอกับลุงจรูญ คือช่วงที่พนักงานสอบสวนเชิญตัวลุงจรูญมาในวันนั้นลุงจรูญได้เอาซองพลาสติก ระบุราคา 700 บาทที่แม่ค้าเขียนเอาไว้เพื่อให้ลูกค้ารู้ราคามาด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถ่ายรูปเอาไว้เป็นหลักฐานเมื่อวันที่ 3 พ.ย.2560 จากนั้นพนักงานสอบสวนได้เชิญตัวครูกับแม่ค้าลอตเตอรี่มาที่ห้องสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี จากนั้นลุงจรูญ ได้ถามว่าแม่ค้าคนไหนเป็นคนเขียนหน้าซองลอตเตอรี่ในราคา 700 บาท เจ๊พัช จึงตอบว่าเขาเป็นคนเขียนเอง ปากกาที่เขียนยังอยู่ในกระเป๋าที่คาดเอวอยู่เลย
ซึ่งก่อนหน้านี้ผมได้ทำเรื่องไปที่กองสลากเพื่อสอบถามว่ามีใครนำสลากเลขชุด 533726 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.60 จำนวน 5 ใบมาขึ้นรางวัลไปแล้วหรือยัง ต่อมาพนักงานสอบสวนให้ครูมาพบพร้อมกับนำพยานหลักฐานทั้งหมดมามอบให้
จากนั้นตำรวจให้เราร้องทุกข์กล่าวโทษได้ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เราเอาบันทึกประจำวันไปส่งที่กองสลากกินแบ่งรัฐบาล มาภายหลังกองสลากได้แจ้งกลับมาที่พนักงานสอบสวนว่า ใครคือผู้ที่นำสลากไปขึ้นรางวัลแล้ว ก็คือ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ต่อมาวันที่ 28 พ.ย.2560 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญลุงจรูญมาพบ ระหว่างที่ครูกำลังสอนหนังสืออยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้โทรเชิญให้มาพบโดยให้นำแม่ค้าขายลอตเตอรี่คือเจ๊พัช กับเจ๊บ้าบิ่น มาด้วย
ซึ่งเจ๊พัช เป็นผู้ที่นำสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดดังกล่าวมาจากยี่ปั๊ว แล้วเขียนหน้าซองเอาไว้ในราคา 700 บาท ซึ่งครูได้สั่งเลข 726 เอาไว้กับเจ๊บ้าบิ่น เจ๊พัชจึงนำสลากมาไว้ที่เจ๊บ้าบิ่นเก็บเอาไว้ หลังจากที่ครูมารับสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้วปรากฏว่ามันได้หล่นหายไปที่ตลาดเรดซิตี้ ซึ่งขณะที่ครูกับเจ๊พัชและเจ๊บ้าบิ่นไปพบกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี โดยหลังจากลุงจรูญได้นำรางวัลไปขึ้นที่กองสลากแล้ว ได้นำซองพลาสติกมาด้วยพร้อมกับถามว่าซองพลาสติกใครเป็นคนเขียนราคา 700 บาท เจ๊พัชจึงบอกว่าเป็นคนเขียนเอง จากนั้นพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้นำกระดาษเปล่ามาให้เจ๊พัช เขียนตัวเลขให้ทุกคนได้ดู ปรากฏว่าลายมือเหมือนกันซึ่งทุกคนที่เห็นก็บอกเป็นเสียวกันว่าเหมือน ซึ่งลุงจรูญเองก็ยอมรับว่าลายมือเหมือนกัน
จากนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเชิญครูออกไปให้ปากคำอีกห้องหนึ่ง ส่วนลุงจรูญ ได้มอบซองพลาสติกให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งครูได้ยืนยันมาโดยตลอดว่าได้จับเฉพาะซองพลาสติก โดยไม่ได้จับใบลอตเตอรี่ที่อยู่ข้างใน แต่มาภายหลังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าซองลอตเตอรี่ที่ลุงจรูญส่งมาให้นั้นมันหายไปจากเกะของพนักงานสอบสวน เขาจึงไปแจ้งความเป็นหลักฐานซึ่งมีหลักฐานทั้งหมด ซึ่งคดีเกิดมาตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบันยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายที่เข้ามาขโมยซองพลาสติกไปได้เลย ครูได้แจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนนายดังกล่าวเอาไว้ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 ทำให้หลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของไม่ได้นำขึ้นสู่ชั้นศาล เพราะหายไปตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวนเมื่อ ปี 2560
ซึ่งคดีในชั้นศาลเราไม่ได้ก้าวล่วงแต่ในขั้นพนักงานสอบสวน ทำไมทำหลักฐานหายไปได้อย่างไร และหายไปไหน ขอถามว่าทุกวันนี้ใครเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะเราต้องการนำซองพลาสติกไปพิสูจน์ความจริงที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรียังบอกกับครูอยู่เลยว่ากล้องวงจรปิดมี และได้ส่งให้กับพนักงานสอบสวนคนนี้ไปแล้ว ที่สำคัญคลิปภาพจากกล้องวงจรปิดนั้นหายไปด้วย พร้อมซองพลาสติก แต่ในสำนวนระบุเอาไว้ว่ามี
“ ทนายตั้ม ได้นำขอมูลของครู ไปเป็นหลักฐานให้กับหมวดจรูญ เช่นไลน์สั่งเลขที่เราสั่ง ได้รูปลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัล เพราะแม่ค้าขายลอตเตอรี่นั้นเขาถ่ายภาพลอตเตอรี่ที่มีอยู่บนแผง ซึ่งเจ๊พัช ที่เป็นเจ้าของลอตเตอรี่ได้ถ่ายเอาไว้ เขาได้ข้อมูลของเราไปหมดเลย ซึ่งข้อมูลทั้งหมดอยู่ในระบบโทรศัพท์ เขาได้ดูทั้งหมด ทีมงานที่มาด้วยกันได้ใช้โทรศัพท์แอบถ่ายไปหมดเลย ตามคลิปที่เห็นที่เขาเอาไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก”
ครูปรีชา เล่าอต่อีกว่า ระหว่างเป็นคดีความขึ้นศาลทนายตั้มได้เอาเบสโทรศัพท์ของครูขึ้นไปซักค้านในศาลว่าครูไม่ได้ไปตลาดนัดในวันที่ 31 ต.ค.2560 ซึ่งเขารู้เหมือนข้อสอบรั่ว ครูจึงงง ว่าทนายตั้ม ได้เอกสารเบสมือถือผมมาได้อย่างไร แต่เรื่องในชั้นนั้น ครูไม่ขอก้าวล่วง แต่การที่ทนายตั้ม ได้นำเอกสารมาครูมา เชื่อว่าได้มาโดยมิชอบ ครู ถึงบอกว่า “ไอ้ตั้มมันร้าย”