เจ้าพ่ออ่าง "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" มาศาลด้วยตัวเอง พบ "สันธนะ" พิจารณา 2 คดีจากทั้งหมดนับสิบ เจ้าตัวขอโทษแต่สันธนะยังไม่รับ แถมฝากขอโทษสนธิด้วย เผยอาการป่วยมะเร็งตับรักษาไม่หาย ได้แต่ประคับประคอง เหนื่อยพอสมควร
วันนี้ (4 พ.ย.) ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและเจ้าของธุรกิจอาบอบนวด เดินทางมายังศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อนัดพิจารณาคดีที่นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาลฟ้องหมิ่นประมาทนายชูวิทย์ หลังกลับถึงประเทศไทยตั้งแต่คืนวันที่ 3 พ.ย. โดยก่อนหน้านี้นายชูวิทย์เดินทางไปที่ประเทศอังกฤษ เพื่อเข้ารับการรักษาตัวจากโรคมะเร็งตับระยะสุดท้าย เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2566 ก่อนจะเดินทางต่อไปยังประเทศสกอตแลนด์ เพื่อใช้ชีวิตพักผ่อนกับครอบครัวอย่างไม่มีกำหนดเดินทางกลับ อย่างไรก็ตาม หลังเสร็จสิ้นการพิจารณาคดีช่วงบ่าย นายชูวิทย์ได้เดินทางกลับไปแล้ว
นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล ซึ่งเป็นโจทก์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า นายชูวิทย์มีคดีอยู่ 2 คดี คดีแรกช่วงเช้าที่ศาลแขวงพระนครใต้ นายชูวิทย์ยอมรับสารภาพ และศาลมีคำพิพากษาลงโทษ อีกคดีหนึ่งช่วงบ่ายที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ นายชูวิทย์ให้การปฎิเสธต่อศาลเพื่อสู้คดี แต่เนื่องจากนายชูวิทย์มีปัญหาสุขภาพ ศาลจึงให้นายชูวิทย์ยื่นประกันตัวและนัดหมายคดี ซึ่งคดีที่นายสันธนะฟ้องนายชูวิทย์มีทั้งหมด 10 คดี ต่างกรรมต่างวาระ หากชั้นอัยการและพนักงานสอบสวนสรุปสำนวน ก็ต้องส่งมาที่ศาลอีก ทนายความนายชูวิทย์จึงเสนอว่าให้รวมคดีเพื่อที่จะให้มาศาลในวันเดียวกัน
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวเป็นกรณีที่นายชูวิทย์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกล่าวพาดพิงถึงตน โดยที่ตนไม่มีโอกาสชี้แจงทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง วันนี้ตนไปออกรายการโทรทัศน์ เมื่อทราบว่านายชูวิทย์เดินทางมาที่ศาลด้วยตัวเองจึงรีบมา เพราะคิดถึงไม่เจอเป็นปี อยากถามถึงสุขภาพร่างกาย ตนรู้จักกับนายชูวิทย์มานาน อยู่ในสถานที่นายชูวิทย์ตอนที่เริ่มธุรกิจหลายสิบปีแล้ว แต่ทางนายชูวิทย์ไม่พอใจตนที่เข้าไปในสถานที่ของเขาในเหตุการณ์ครั้งนั้นมา ซึ่งคดีได้ผ่านไปแล้ว ศาลก็ยอมรับว่า ตนไม่ได้ไปกลั่นแกล้งอะไรนายชูวิทย์
วันนี้นายชูวิทย์ได้คุยกับตนในเรื่องนี้ และหลายเรื่องหลายคน ตนชี้แจงทำความเข้าใจ ซึ่งทางนายชูวิทย์ได้รับฟังจากทางคนอื่นมา ไม่ได้ฟังจากตน ทำให้เกิดเรื่องเป็นคดี อย่างไรก็ตาม นายชูวิทย์ได้กล่าวขอโทษตนแล้ว แต่ตนยังไม่รับคำขอโทษ แต่ถ้าหากนายชูวิทย์สารภาพในทุกคดี หรืออยู่ถึงวันนั้น ตนก็จะบอกได้ว่าจะยอมรับคำขอโทษหรือไม่ และนายชูวิทย์ได้พูดว่า "พี่ต่อ ฝากขอโทษคุณสนธิลิ้มฯ ด้วย" (นายสนธิ ลิ้มทองกุล) และนายสนธิก็ได้รับคำกล่าวโทษนี้จากปากตน ที่นายชูวิทย์ได้ฝากมา ส่วนเรื่องคดี ก็ให้ดำเนินไปตามกฎหมาย
นายสันธนะ กล่าวว่า สรุปว่าวันนี้ตนได้มาเยี่ยมอาการเขาและได้พูดคุย ซึ่งทางนายชูวิทย์ได้บอกกับตนว่า เรื่องอาการของเขานั้นคงจะรักษาไม่หาย ได้แต่ประคับประคอง ซึ่งอาจจะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของทางนายชูวิทย์ เท่าที่ตนเห็นอาการของคน นายชูวิทย์ก็มีอาการเหนื่อยพอสมควร และทนายความนายชูวิทย์ได้มีการถ่ายรูปคู่กัน เพื่อยื่นพิจารณาในชั้นศาล จะได้ไม่ต้องมาหลายครั้งเหมือนคนไม่ป่วย ตนได้ทราบข่าวว่า นายชูวิทย์เพิ่งจะเดินทางมาถึงเมืองไทยเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) เพื่อเข้าสู่กระบวนการและมาเคลียร์เรื่องเอกสารทางธุรกิจของทางนายชูวิทย์ด้วย
ขณะที่เฟซบุ๊กเพจ "อีซ้อขยี้แหลก" โพสต์ภาพนายชูวิทย์บนรถเข็น นั่งคู่กับนายสันธนะที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ระบุแคปชัน "ชูวิทย์กลับถึงไทยแล้ว อัปเดตเรื่องอาการป่วยของตน คงรักษาไม่หาย ได้แต่ประคับประคอง ขอเป็นกำลังใจให้ลุงชูมีปาฏิหาริย์หายไวๆ ค่ะ"
