ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต อดีตผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า สร้างวาทกรรมเลี่ยงบาลี ไม่ได้แก้ปัญหา พื้นที่ทับซ้อนเกาะกูด
ในขณะนี้มีความพยายาม เลี่ยงบาลีโดยการกล่าวหากลุ่มที่คัดค้าน MOU 44 ว่าเป็นพวกคลั่งชาติหรือชาตินิยม การเลี่ยงบาลีด้วยการสร้างชุดวาทกรรมขึ้นมาเพื่อดิสเครดิตฝ่ายที่เห็นต่างรัฐบาลนั้น รังแต่จะทำให้เกิดความขัดแย้งเพราะเป็นการหลบเลี่ยงความจริงที่รัฐบาลยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าการเจรจาประเด็นพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับกัมพูชานั้นจะเป็นการเสียค่าโง่หรือไม่และจะเป็นประโยชน์กับชาติไทยจริงหรือ
และล่าสุด คือการพยายามออกมาเบี่ยงกระแสว่าอำเภอเกาะกูดเป็นของคนไทยอยู่แล้วเพราะเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดตราด ทั้งๆที่กลุ่มที่คัดค้านทักท้วงคือพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลที่กัมพูชายกขึ้นมาเพื่อขอเจรจาแบ่งปันทรัพยากรทางพลังงานกับไทย ทั้งๆที่เป็นของคนไทย ไม่มีใครไปบอกว่ากัมพูชากำลังมาเจรจาเอาเกาะกูดบนบก ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน
แต่ถ้ารัฐบาล ไม่แสดงจุดยืนในการปกป้องอธิปไตยอย่างเข้มแข็งก็ไม่แน่อาจจะมีการได้คืบเอาศอกก็เป็นไปได้
ซึ่งการสร้างวาทกรรม เป็นเจตนาของทางรัฐบาล เพื่อเลี่ยงบาลี หนีความจริงที่กำลังถาโถมใส่รัฐบาลอยู่ในขณะนี้ และก็ตอกย้ำชัดเจนว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ยอมรับว่า MOU44 เป็นปัญหาที่จะต้องยกเลิกและมีความพยายามจะเดินหน้าเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล
ข้อพิพาทเรื่องพื้นที่ทับซ้อนเป็นเรื่องใหญ่เพราะเกี่ยวข้องกับอธิปไตย ดินแดนและผลประโยชน์แห่งชาติการสร้างวาทกรรมเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นไม่ได้แก้ปัญหาอย่างแน่นอน
รัฐบาลจะต้องหาเวทีพูดคุยกับทุกฝ่ายกับสังคมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใหัเข้าใจตรงกันโดยเฉพาะเรื่องข้อมูลข้อเท็จจริงและเอกสารที่เกี่ยวข้องที่ยังเห็นต่างกันอยู่มากแบบขาวกับดำ
หากเดินหน้า โดยไม่สนใจอะไรเลย จะทำให้สังคมไทยเข้าสู่มุมอับอีกครั้งหนึ่ง