“กบ ไมโคร” รับเครียดและกังวล “บอสพอล” ลากไปเป็นผู้ต้องหาร่วม ขอโทษแฟนเพลง คงไม่มีหน้าไปขึ้นเวทีอีก ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง แต่เหมือนทำลายชื่อเสียง และสร้างความด่างพร้อยให้วงไปแล้ว ยันไม่ได้ออกมาฟอกขาว แต่ทำไปเพราะความเชื่อโดยสุจริตใจ พร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เตรียมเอกสารชี้แจงไว้หมดแล้ว ถ้าศาลตัดสินว่าผิดก็ตามนั้น อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด พร้อมเจอหน้าเหล่าบอส หากต้องเข้าคุกจริงๆ
หลัง “บอสพอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล” แห่ง THE iCON GROUP สั่งตรงจากคุกให้ “ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน”ยื่นเรื่องถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ขอเปลี่ยนสถานะ 5 แม่ข่าย จากผู้เสียหายมาเป็นผู้ต้องหาร่วมกัน โดยหนึ่งในนั้นคือ “กบ ไมโคร”ซึ่งล่าสุดวันนี้ (29 ต.ค. 67) เจ้าตัวก็ได้มาออกรายการโหนกระแส เพื่อนำหลักฐานมาชี้แจง ก่อนจะออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อหลังจบรายการ ยอมรับว่าเครียดและกังวล แต่อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
“ก็เครียดนะ เพราะเราไม่รู้ว่าวิธีการสร้างเรื่องที่จะส่งเข้าไปใน DSI เนี่ย จะแบบไหน คือเรื่องพวกนี้เราไม่คุ้นเคย แล้วสิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คือเตรียมเอกสารที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ แล้วก็เตรียมพร้อมให้ความร่วมมือกับ DSI ตลอดเวลา ถ้าเชิญตัวเมื่อไหร่ ภายในชั่วโมงเดียวต้องถึงครับ ทางคุณทนายเขาก็บอกว่าพี่ ความจริงเท่านั้น แล้วก็เตรียมเอกสารให้พร้อม ส่วนตัวเลขที่เขาบอกว่า 150 คนก็ไม่ใช่นะครับ เรามีผู้ซื้อกินใช้อยู่ 60 คน คนที่เป็นซุปเปอร์ไวเซอร์ 25,000 บาทอยู่ 7 คน แล้วก็มีดีลเลอร์ 8 คน รวมตัวเลยแล้วอยู่ที่ 60-75 คน แต่เมื่อกี้คุณทนายเขาบอกว่าไปชี้แจงเอา มันเป็นระบบกล่าวหาที่เขาตั้งขึ้นมา เราก็ต้องไปชี้แจงโดยเอกสารทั้งหมด”
ไม่รู้ทนายฝั่งโน่นเอามาจากไหน ว่ามีลูกทีมร้อยกว่าคน
“ไม่รู้ครับ เพราะถ้าเอาข้อมูลตรงๆ มา จะรู้ว่าเรามีอยู่แค่ 75 คน คนซื้อกินใช้ 60 คน คนที่ลองใช้และลองทำธุรกิจ 7 คน นอกนั้นเป็นคนที่รักที่มีอยู่ 8 คน ตัดสินใจเปิดบิลเข้ามาโดยไม่ได้ชักชวน บอกว่าอยากอยู่กับพี่กบ ถามว่ามีหลักฐานใช่ไหม เขามอบอำนาจให้ผมมาดูแลเรื่องคดีความครับ ซึ่งทั้งหมดไม่ได้มีใครกล่าวโทษเราครับ (ทนายบอกว่าอันนั้นตีเป็นรายได้ เพราะบริษัทมีการแบ่งรายได้ให้แม่ข่าย?) รายได้ของผมมีอยู่ 600,000 บาท แต่จริงๆ มันเป็นระบบแคลชแบ็ก เป็นเงินเราที่ถอนมากลับมาด้วยอัตส่วนอะไรก็ไม่รู้ล่ะ แต่เป็นรายได้จริงๆ อยู่ 450,000 บาท
ในขณะที่เงินลงทุนที่เปิดบิล เฉพาะเรากับภรรยา รวมถึงพี่สาวพี่ชายและญาติทั้งหมด 210,000 กว่าบาท แต่ในข้อกล่าวหาที่เขาตั้งเรื่องชงมาตั้งแต่เมื่อวาน บอกว่าพวกนี้ได้เป็นล้าน เราก็ต้องเอารายได้จริงทั้งหมดไปโชว์ ว่ามันไม่ใช่ ถามว่าส่งสำนวนไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เรากังวลไหม ก็ไม่มีความเห็นครับ เพราะเราไม่รู้จัก ตอนนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อมา เพราะเราไปแจ้งความ ไปสอบสวนกลางมาครบแล้ว จากนี้ก็พร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่าง
การที่ทนายออกมาลากแม่ข่ายเป็นผู้ต้องหาร่วม ถามว่าเรารู้สึกยังไง จริงๆ เขาก็พูดชัดเจนนะ ว่าเป็นกลุ่มเป้าหมาย จาก 5 มาเป็น 8 แล้วตอนนี้เริ่มโยนตัวเลขมาว่าแสน เราก็ไม่รู้สิ คนที่หาทางต่อสู้ เขาก็คงทำทุกทาง คิดว่าเขาพยายามข่มขู่ ไม่ให้กลุ่มพยานที่เป็นแม่ข่าย เข้ามาให้การไหม ถ้าโดยความรู้สึกนะ มันเป็นเอฟเฟกต์แน่ มันมีเอฟเฟกต์ต่อคนที่ทำงานทั้งหมด ที่กลายเป็นผู้เสียหาย อาจจะทำให้เกิดอาการกลัวและรีบถอนแจ้งความหรือเปล่า จะไปขอเยียวยาแทนหรือเปล่า อันนี้ต้องตามดูปฏิกิริยาต่อเนื่อง”
พร้อมยอมรับผลการตัดสิน อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
“ถ้าเอาใจลึกๆ นะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เราตรงไปตรงมา วันนั้นถ้าศาลท่านพิจารณาว่าผิด เราก็มีเอกสารยืนยัน ถ้าเขาบอกว่ายังไงก็ผิด ก็ตรงไปตรงมาถามว่าคิดยังไงกับคำว่าฟอกขาว กลับตัวไม่ทันสุดท้ายก็โดนถูกลากเข้าคุกอยู่ดี มันฟอกไม่ได้หรอก ถ้ามันไม่จริง เดี๋ยวมันก็ออก มันฟอกไม่ได้ ส่วนเรื่องการกลับตัว เราก็ยืนยันว่าเราเป็นคนเริ่มต้องหยุด เพราะไม่อยากให้ใครมาบาดเจ็บล้มตาย อย่างที่เราดูข่าวว่ามีคนล้มละลาย ฆ่าตัวตาย ซึ่งตอนนั้นเป็นแค่เรื่องได้ยินมา แต่วันนี้มันหนักหนากว่ามาก
ถามว่ากลัวไหมว่าคนที่อยู่ข้างเรา จะเปลี่ยนข้างมาดำเนินคดีกับเรา ยังไม่กล้าคิดถึงขั้นนั้นเลยครับ ยังไม่รู้เลย ถ้ามีก็ต้องว่ากันต่อไป ส่วนคำที่เขาบอกว่าถ้าเขาโชคร้าย ก็จะไม่ปล่อยให้คนอื่นลอยตัว ทุกคนมีสิทธิ์พูดอะไรก็ได้ เราไม่มีความเห็น ส่วนเป็นเกมของทนายไหม เป็นใครก็ต้องทำ ทำทุกวิถีทาง ที่เขาเลือกเราก่อน เพราะเราอาจจะเป็นกลุ่มแรกที่ลุกขึ้นมาพูด ไม่รู้เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูหรือเปล่า ต้องตอบว่าถ้าอะไรที่พอเดาได้ เราก็จะเดา แต่ไม่รู้ว่าวิธีคิดเขาคิดแบบไหนครับ
ถามว่ารู้สึกไม่ยุติธรรมหรือเปล่า จริงๆ สมาชิก 3 แสนกว่าคน เราอยู่ที่ 290,000 สังคมยังไปไม่ถึงคำว่าระดับทางธุรกิจ จากล่างสุดเราอยู่พื้นเลย คนที่อยู่บนสุดคือพวกที่ได้ 50 ล้านอัป พวกนี้เป็นพวกมีผลประโยชน์จากการทำธุรกิจ แต่สังคมยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ว่าคนที่ได้ประโยชน์จากธุรกิจนี้ ขณะนี้ยังเหลืออีกเยอะที่ยังไม่ได้คุยกัน”
เดินหน้าไปตามกระบวนการ ไม่ถอนแจ้งความ
“เอกสารเราครบแล้วครับ เพราะเราไม่ได้มีไฟล์อะไรเยอะมาก เราใช้เวลาทำงานในนั้นปลายเดือนเม.ย. 65 ถึงเดือนส.ค. 66 แล้วก็บอกอย่างเป็นทางการว่าเลิก ถอนแจ้งความไหม ไม่รู้สิขั้นตอนนั้น เราแจ้งแล้วจะไปถอนได้ยังไง ก็คงไปตามกระบวนการครับ”
รับกังวลใจมาก เหมือนทำลายชื่อความเป็น “กบ ไมโคร” ไปแล้ว คงไม่มีหน้ากลับไปขึ้นเวทีอีก
“กังวลสิ นี่กังวลมากเลย เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่เราจะรู้ผลลัพธ์ บอกตรงๆ นะ เหตุการณ์นี้จะจบลงด้วยการที่เราเคลียร์หรือไม่ก็ตาม แต่เราทำลายชื่อความเป็น กบ ไมโคร ไปแล้วในความรู้สึกเรา ที่บอกว่าขาดทุนไปเท่าไหร่ ตัวเงินมันเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ความเป็น กบ ไมโคร ความด่างพร้อยที่อยู่ในใจแฟนเพลง เราไม่ควรสร้างให้มันเกิดขึ้น เราไม่ควรทำให้ชื่อของไมโคร มาเป็นสิ่งที่ทำให้เพื่อนในวงทุกคน เกิดความรู้สึกว่า ไอ้กบ มึงทำอะไรของมึงวะ นี่เป็นสิ่งที่กระทบความรู้สึกเรา จนกระทั่งเราไม่มีหน้าที่จะกลับขึ้นไปยืนบนเวที เพราะว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นในหัวคือมันรับไม่ได้ ต่อให้ถูกก็รับไม่ได้ (ถึงขั้นน้ำตาคลอ?) ไม่ถึงน้ำตาคลอหรอก แต่มันคือชีวิตทั้งชีวิต มันคือชีวิตการเป็นนักดนตรี เราเป็นมือกีตาร์ ใครจะมาสั่งให้เล่นกีตาร์ไม่ได้หรอก เพียงแต่จะยืนอยู่บนเวทีหรือเปล่า”
แจงภาพที่เคยไปออกรายการ ซึ่งอาจจะทำให้เป็นหลักฐานมัดตัว แต่จริงๆ ไปด้วยความเชื่อโดยสุจริตใจ
“คือตอนนั้นเรามีความเชื่อโดยสุจริตใจ ในการไปรีวิวคอร์สออนไลน์ นั้นคือสิ่งที่สวยบอกเล่าว่า พี่กบออกรายการหน่อย ไปรีวิวคอร์สออนไลน์ ไม่ใช่ไปขายของนะ ต้องขออนุญาตพาดพิงนิดหนึ่ง รายการที่ไปออกก็ไม่ได้ไก่กา พิธีกรก็เป็นพี่ชายที่รัก ทุกอย่างมันการันตีหมดเลย ก็ไปรีวิวโดยสุจริตใจ ว่ามันเป็นอีกอาชีพหนึ่งจริงๆ ณ เวลานั้นบอกตรงๆ เลยว่าความต้องการจะมีงานอีกหนึ่งอาชีพ มันทำให้เราเชื่อว่าอาชีพขายของออนไลน์ มันเป็นทางออกของเราในวันที่ไม่มีงาน และเชื่อว่าทั้งหมดที่เข้ามาตกลงตรงนี้ มันเริ่มมาจากคำว่าขายของออนไลน์
ในวันที่โควิดมาแล้วทุกคนทำงานไม่ได้ ทุกคนมองหาโอกาสเดียวเหมือนกันหมดคือขายของออนไลน์ แต่พอเข้ามาแล้วไม่รู้ว่าเนื้อหาสาระที่แท้จริงของธุรกิจมันคืออะไร ถ้ามีโอกาสวันหน้าจะเล่าให้ฟังนะ มันยาวหลายเปลาะ แต่ฝากไว้คำเดียวว่า ขายของออนไลน์ นี่คือที่มาที่ไปของเรื่องราวทั้งหมด ส่วนแฟนเพลงเขาเชื่อไหม ว่าเราไม่ได้ฟอกขาว ไม่รู้ เราไม่มีโอกาสได้ถามเขาหรอก แต่อยากบอกว่าขอโทษนะครับ”
ไม่มีทนายดังติดต่อมาช่วย เพราะมีทนายส่วนตัวอยู่แล้ว
“ไม่มีครับ พอดีเรามีทนายที่ปรึกษาอยู่แล้วครับ เพราะเราไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายเลย ออกมาวันนี้ก็กลัวอยู่เหมือนกัน แต่ว่าออกไม่ออก ฝั่งโน้นเขาก็คงมีไม้เด็ดแน่ๆ ครับ แต่ในคลิปเสียงนี่ไม่มีเราแน่นอน เพราะไม่มีโอกาสได้คุยส่วนตัวเลย ตอนนี้ก็ดูไปเรื่อยๆ ว่าจะถึง 2 พันคนตรงไหน จะมีใครอยู่ในนั้นบ้าง เราไม่ได้โฟกัสแค่ใครคนใดคนหนึ่ง อย่างที่บอกว่าพิธีกร ค. คือคุณเคนโด้ใช่ไหม ที่ในรายการพูดชื่ออยู่ ก็จะดูว่ามีรายชื่อใครเพิ่มมาอีก”
แจงคลิปพูดบนเวทีที่อิมแพค เป็นการไปแบ่งปันความประทับใจ มีการแจ้งให้หยุดใช้คลิปทั้งแต่เลิกทำแล้ว
“ที่อิมแพค เขาเรียกว่าไปแบ่งปันความประทับใจ ในทำงานการขายของออนไลน์ วิธีการพูดจะไม่ใช่สคริปต์ เพราะเราจำอะไรไม่ได้ เขาจะบอกว่ามันจะมีกรอบ ตอนแรกต้องพูดถึงบริษัท พูดถึงเจ้าของ ถึงครูผู้สอน และพูดถึงว่าทำไมเราถึงมาทำตรงนี้ อะไรที่ทำให้เราลำบากจนต้องมาทำอีกอาชีพหนึ่ง และความประทับใจในการทำงานนี้สำหรับเรา นี่คือเนื้อหาที่เขาบอกให้เราช่วยขึ้นไปแบ่งปัน แต่เขาก็บอกว่าเขาจะขอถ่ายไว้ ในที่สุดเขาก็เอาไปใช้ ตอนแรกๆ ที่เราเดินอยู่ในนั้น บอกตรงๆ ว่าเหมือนผงเข้าตา มันไม่รู้จะเกิดเอฟเฟกต์อะไร แต่แล้วในที่สุดวันที่เราเลิกทำ มันคือช่วงปลาย ส.ค. 65 ก็บอกกล่าวกับสวย ว่าผมเลิกนะ ผมมีงานอื่นต้องไปทำแล้ว ใจก็นึกว่าเขาน่าจะรู้ ว่าคลิปทั้งหมดควรจะลบ แต่ถึงม.ค. ก็มีคนส่งมาบอกว่าคลิปพี่กบยังมีคนใช้โปรโมตอยู่เลย 12 ม.ค. ส่งไลน์ไปบอกสวย ว่ายุติการใช้คลิปทั้งหมด แล้วบังเอิญไลน์นั้นเป็นไลน์เดียวที่ผมแคปด้วย ก็ส่งให้ทางโหนกระแสดู”
ไม่รู้หมายจับรอบ 2 จะโดนไหม อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
“ไม่รู้ครับ เราเดาอะไรไม่ได้ (มองว่าควรเป็นบอสที่ใหญ่กว่าเรา?) ครับ คือเราไม่รู้ว่าวิธีพิจารณาของเจ้าหน้าที่เป็นแบบไหน เดาไม่ได้ครับ ทุกคนน่าจะรู้สึกได้ ว่านี่เป็นคดีแรกในประวัติศาสตร์ ที่มีเรื่องใหม่เกิดขึ้นทุกชั่วโมงในเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตอนที่เรานั่งดูอยู่ ก็คิดว่ามันน่าจะสต็อปที่ตรงนี้ แต่พอชั่วโมงผ่านไป ก็ไปอีกเรื่องแล้ว แล้วพอกลิ้งไปโดนตรงไหน ระเนระนาดตรงนั้นหมดเลย ตอนนี้ยังไม่รู้เลยประเด็นมันจะไปหยุดตรงไหน
เราก็ติดตามสถานการณ์ เตรียมตัวให้พร้อม เตรียมเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ อะไรจะเกิดต้องเกิด ถ้าถูกออกหมายจับ ต้องเข้าไปอยู่ตรงนั้น ก็นั่นแหละ ฉันใดฉันนั้น (เข้าใจกระบวนการ ถ้าต้องเข้าไปอยู่กับเหล่าบอส?) ก็เจอหน้า ก็เจอหน้ากัน”