xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนรอยคุก "ชาญ พวงเพ็ชร์" ทุจริตถุงยังชีพ อบจ.ปทุมฯ ป.ป.ช.-อัยการแย้งทำคดียื้อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



กรณีที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 1 จังหวัดสระบุรี ได้พิพากษาเมื่อวันที่ 24 ต.ค. จำคุก 6 ปี 18 เดือน นายชาญ พวงเพ็ชร์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และพวกรวม 7 คน ในคดีทุจริตในการจัดซื้อถุงยังชีพในโครงการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาอุทกภัยในจังหวัดปทุมธานี โดยศาลพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1 (นายชาญ) ที่ 3 ถึงที่ 6 กระทงละ 3 ปี 9 เดือน รวม 2 กระทง รวมเป็นจำคุกคนละ 6 ปี 18 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 กระทงละ 2 ปี 6 เดือน รวม 2 กระทง รวมเป็นจำคุก 4 ปี 12 เดือน และจำคุกจำเลยที่ 7 มีกำหนด 3 ปี 4 เดือน โดยให้จำเลยทั้ง 7 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 1,000,000 บาท หรือให้ริบทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้ง 7 แทนตามมูลค่าดังกล่าว และให้จำเลยที่ 1-6 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 3,000,000 บาท หรือให้ริบทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 1-6 แทนตามมูลค่าดังกล่าวให้ตกเป็นของแผ่นดินด้วย

อย่างไรก็ตาม จำเลยทั้ง 7 คน ยื่นคำร้องขอประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ โดยเสนอหลักทรัพย์ อาทิ เงินสด และโฉนดที่ดิน ซึ่งศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ โดยมีประกันและหลักประกันตีราคาคนละ 500,000 บาท

ด้านความเห็นของพรรคเพื่อไทย ต้นสังกัดของนายชาญ พบว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย จริงๆ ก็ต้องว่าไปตามนั้น อะไรก็ต้องให้เป็นไปตามกฎหมายไป ถ้าเขาโดนอย่างนั้นก็ต้องว่าไปตามนั้น ส่วนนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คดีนายชาญ เป็นเรื่องของตัวบุคคลและเขาก็คิดว่าคงไม่ไม่มีปัญหา เรื่องนี้นายชาญต้องรับผิดชอบตัวเองในการแสดงคุณสมบัติ

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2564 คดีนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเอกฉันท์ 9 เสียง ชี้มูลความผิดนายชาญกับพวก กรณีทุจริตในการจัดซื้อถุงยังชีพในโครงการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาอุทกภัยในจังหวัดปทุมธานี จำนวน 2 ครั้ง เมื่อปี 2554 มูลค่านับล้านบาท โดยคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้น เห็นว่า การกระทำของนายชาญ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น

ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐานว่า ตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นหรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จและรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ

ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1), (4) ประกอบมาตรา 91 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192

นอกจากนี้ ยังมีมูลความผิด ฐานละเลยไม่ปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่ หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 79 อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม การดำเนินคดีกับนายชาญเป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากไม่สามารถหาข้อยุติความไม่สมบูรณ์ในสำนวนคดีกับฝ่ายอัยการได้ ทำให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตัดสินใจเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเอง ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 1 ศาลรับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำที่ อท5/2567

แต่ระหว่างนั้นมีการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี เปิดรับสมัครวันแรกเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2567 นายชาญมาสมัครวันแรกในนามพรรคเพื่อไทย ได้หมายเลข 1 กระทั่งการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2567 นายชาญชนะการเลือกตั้ง แต่ระหว่างนั้นมีข้อกฎหมายที่ยังเห็นไม่ตรงกันว่า นายชาญสามารถดำรงตำแหน่งนายก อบจ.ปทุมธานีได้หรือไม่ เนื่องจากคดีถุงยังชีพในศาลอาญาฯ ยังไม่ถึงที่สุด แม้ความเห็นทางกฎหมายของคณะกรรมการกฤษฎีการะบุว่า หากศาลประทับรับฟ้องต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่

ผ่านไป 2 เดือน วันที่ 27 ส.ค. 2567 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้ใบเหลืองนายชาญ กรณีจัดเลี้ยงและมหรสพจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้ง กรณีงานเลี้ยงฉลองอุปสมทบของลูกชายนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือนายกเบี้ยว นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จ.ปทุมธานี แต่ไม่ตัดสิทธินายชาญ และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2567 ปรากฎว่านายชาญแพ้การเลือกตั้งให้กับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานีคนก่อนหน้าที่แพ้การเลือกตั้งรอบแรก แต่ชนะการเลือกตั้งในรอบใหม่ ซึ่งนายชาญยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ขอทำงานกับคนปทุมธานีต่อไป

สำหรับคดีทุจริตการจัดซื้อถุงยังชีพ เดิมศาลนัดอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2567 แต่นายเดชา พวงงาม อดีตปลัด อบจ.ปทุมธานี จำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องขอเลื่อนการฟังคำพิพากษา เนื่องจากมีการเจ็บป่วยไม่สามารถมาศาลได้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า น่าเชื่อว่าอาการเจ็บป่วยของจำเลยที่ 3 ไม่ร้ายแรงถึงกับจะมาศาลไม่ได้ ตามพฤติการณ์เชื่อว่าจำเลยที่ 3 เจตนาจงใจหลบหนี ไม่มาฟังคำพิพากษา ทำให้นายชาญติดตามตัวนายเดชา เข้ามอบตัว และศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้.
กำลังโหลดความคิดเห็น