การตลาด – สมาคมผู้ค้าปลีกไทย เดินหน้าจี้รัฐ นำโครงการ “ช้อปดีมีคืน” กลับมาใช้ เพราะเป็นอาวุธสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เห็นผล เสนอลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท ขับเคลื่อนเม็ดเงินกว่า แสนล้านบาท ด้านผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่งัดมาตรการร่วมโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจของภาครัฐบาล
ปฎิเสธไม่ได้ว่า เศรษฐกิจไทยโดยรวมในขณะนี้ เป็นเรื่องที่น่าห่วงอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น กำลังซื้อที่ถดถอยลง ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี ปัญหาต่างๆถาโถม ทั้งอัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อ รวมไปถึงผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา ที่ต้องได้รับการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน ผู้รับผิดชอบหลักก็หนีไม่พ้น รัฐบาลที่บริหารประเทศ
การเปิดตัว "โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ" ของรัฐบาลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นเพียงนโยบายประการหนึ่งที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แม้จะเป็นความพยายามแบบเดิมๆก็ตาม
แต่กลไกและฟันเฟืองสำคัญย่อมหนีไม่พ้นการดึงภาคเอกชนรายใหญ่เข้าไปร่วมด้วยช่วยกัน เนื่องจากเป็นการแก้ไขปัญหาใหญ่หลวงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ โดยเติมเงินเข้าในระบบถึง 145,552 ล้านบาท เป็นเงินสดแจกถึงประชาชน ซึ่งผลตอบรับจากประชาชนกลุ่มแรกที่ได้รับเงิน 10,000 บาทเป็นไปด้วยดี ระดับหนึ่ง
การฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่สำคัญ ที่รัฐบาลต้องพยายามลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาส ให้กับประชาชนในระยะเวลา 5 เดือน ซึ่งโครงการได้เริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่เดือนกันยายน ที่ผ่านมา และจะไปสิ้นสุดที่เดือนมกราคม 2568
สำหรับรายละเอียด จะมี 3 ส่วน คือ (1) ลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการรายเล็ก อาทิ ลดค่าเช่าร้าน หรือ ลดค่าเช่าแผง (2) การเพิ่มพื้นที่ขายให้ผู้ประกอบการรายเล็ก โดยการสนับสนุนพื้นที่ ของส่วนราชการและเอกชน และ (3) การลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ด้วยการจับมือกับผู้ผลิตและผู้ค้าส่งรายใหญ่ เพื่อลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลจึงมั่นใจว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากถึง 110,000 ล้านบาท
*** สมาคมค้าปลีกฯ จี้ฟื้น ช้อปดีมีคืน
ขณะที่ทางด้านสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ขานรับนโยบายรัฐบาล ร่วมคิกออฟ “โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีสมาชิกภายใต้สมาคมผู้ค้าปลีกไทยร่วมใจลดราคาสินค้ากันอย่างคับคั่ง ด้วยโปรโมชั่นหลากหลาย เช่น การลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นให้กับผู้ประสบอุทกภัย และแคมเปญการตลาดอื่นๆ โดยโครงการดังกล่าวเป็นการต่อยอดมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ และช่วยสร้างบรรยากาศจับจ่ายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีต่อเนื่องถึงปี 68 ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเม็ดเงินหมุนเวียนได้มากกว่า 110,000 ล้านบาท
นายณัฐ วงศ์พานิช ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า “สมาคมผู้ค้าปลีกไทย พร้อมที่จะผสานความร่วมมือกับภาครัฐและทุกฝ่ายเพื่อร่วมกันกระตุ้นเศรษฐกิจไทย โดยการเข้าร่วมโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจฯ ในครั้งนี้ จะช่วยลดภาระ ลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ด้วยความร่วมมือจากสมาชิกในสมาคมฯทุกคนเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ทางสมาคมฯ ได้นำเสนอข้อคิดเห็นต่อรัฐบาล ให้นำมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” กลับมาใช้อีกครั้งในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นที่จะกระตุ้นมู้ดของการจับจ่ายใช้สอยได้เป็นอย่างมาก โดยมาตรการช้อปดีมีคืนจะช่วยเพิ่มโอกาสในการจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการ และ SME ที่จดทะเบียน VAT แต่ยังไม่เริ่มใช้หรืออยู่ในขั้นตอนการขออนุมัติการออกใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตามที่กรมสรรพากรกำหนด โดยขอเสนอให้มีการลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้มากกว่าแสนล้านบาท”
*** กลุ่มเดอะมอลล์ จัดแคมเปญรับ
นางสาวศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด, สยามพารากอน รีเทล, เอ็มดิสทริค และบางกอกมอลล์ กล่าวว่า “เดอะมอลล์ กรุ๊ป เล็งเห็นความสำคัญในการผสานความร่วมมือกับภาครัฐ ในการร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการช่วยเหลือ บรรเทาภาระค่าใช้จ่าย ลดค่าครองชีพประชาชน โดยได้จัดแคมเปญนำร่องลดราคาสินค้าจำเป็นในการอุปโภค บริโภค อาทิ สินค้าลดราคาสูงสุด 50% หรือโปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1 มากกว่า 100 รายการ ภายในซูเปอร์มาร์เก็ต กรูเมต์ มาร์เก็ต ตั้งแต่วันนี้ ถึงเดือนมกราคม 2568 รวมถึงการจัดแคมเปญกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงฉลองเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ด้วยการผนึกกำลังกับเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจในการให้ความคุ้มค่าในการใช้จ่ายตลอดเทศกาล
โดยในส่วนของการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย เดอะมอลล์ กรุ๊ป มีนโยบายหลักในการบริหารจัดการธุรกิจในภาพรวมที่สนับสนุนการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ SME และผู้ประกอบการรายย่อยให้มีพื้นที่ขายสินค้า
ไม่เพียงเท่านี้ เพื่อร่วมกับภาครัฐในการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ จังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเร่งเยียวยาผู้ประกอบการ ได้ให้ความร่วมมือ กระทรวงพาณิชย์ จัดทำโครงการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ฟื้นฟูเศรษฐกิจเชียงราย "WE LOVE CHIANG RAI X TMG" ขึ้นมาเป็นกรณีพิเศษ โดยเปิดพื้นที่ ให้ผู้ประกอบการมาจำหน่ายสินค้าที่เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ในระหว่างวันที่ 14 - 19 พฤศจิกายน นี้ และในวันที่ 21- 27 พฤศจิกายน นี้ ที่เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางแค
ทั้งนี้ เดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้วางแผนร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อเนื่องในระยะยาว ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มในธุรกิจรีเทลเพื่อเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว อาทิ การหนุนภาครัฐสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่เป็น Artificial Attraction รวมถึง การร่วมผลักดันประเทศไทยให้เป็น ‘ฮับ’ ของเอเชีย ก้าวสู่การเป็น เวิลด์คลาส เดสติเนชั่น ออฟ ทัวริสซึ่ม ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาใช้จ่ายในประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์
*** ไทวัสดุ ลดราคาช่วยฟื้นฟูบ้านเรือน
นางสาวชุติพร คงเจริญสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ไทวัสดุ ให้ความสำคัญในเรื่องการให้บริการจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน ในราคาถูกและคุ้มค่ามากที่สุด โดยนำสินค้าเข้าร่วมโครงการฯ กว่า 2,694 รายการ และลดราคาสินค้าพิเศษรวมสูงสุดกว่า 72% อาทิ กระเบื้องพื้นและผนัง บานประตู อุปกรณ์ประตู เครื่องกรองน้ำ ปั๊มน้ำ ถังเก็บน้ำ เฟอร์นิเจอร์ ชุดห้องครัว ชุดสุขภัณฑ์ ชุดเครื่องนอน น้ำยาและอุปกรณ์ทำความสะอาด ฯลฯ “เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเข้าร่วมโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจนี้ จะช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการฟื้นฟูบ้านและอาคารสถานที่หลังสถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือที่เริ่มคลี่คลาย โดยมีการขยายเวลาโปรช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมไปจนถึง 30 พ.ย. 2567 ลดราคาสินค้ากลุ่มทำความสะอาด สินค้าวัสดุก่อสร้าง ซ่อมแซมบ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดและฟื้นฟูบ้านให้กลับมาในสภาพดีโดยเร็วที่สุด เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รบผลกระทบในจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ น่าน ลำปาง ตาก พิษณุโลก และ เลย ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด”
นอกจากนี้ที่ผ่านมาไทวัสดุ ยังมีความห่วงใยกับสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือ จึงได้มีการรวมพลังพนักงานไทวัสดุลงพื้นที่ช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยน้ำท่วม บริจาคน้ำดื่ม เครื่องอุปโภค-บริโภคที่จำเป็น อุปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆ รวมถึงช่วยทำบิ๊กคลีนนิ่งในพื้นที่ประสบภัยในจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แพร่ และน่าน ผ่านโครงการ “ไทวัสดุ เคียงข้างสร้างสุข” โดยความร่วมมือระหว่างไทวัสดุและภาครัฐในการดำเนินการครั้งนี้ สอดคล้องกับปรัชญาในการดำเนินธุรกิจ “CRC Care” ของเซ็นทรัล รีเทล ในด้าน Care for the Economy ที่ไทวัสดุได้ยึดมั่นมาโดยตลอดและตระหนักถึงความสำคัญของการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเจริญทั่วประเทศไทย
*** OR จัดพื้นที่ขายในปั๊มฟรี
นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่า OR ในฐานะผู้นำด้านธุรกิจพลังงานและค้าปลีกชั้นนำของประเทศ ได้เข้าร่วมสนับสนุนโครงการด้วยการจัดพื้นที่จำหน่ายสินค้าบริเวณสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ที่เข้าร่วมโครงการ 1,000 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงได้ลดค่าเช่าพื้นที่ห้องว่างในสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ที่ OR เป็นเจ้าของ เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้มีช่องทางจำหน่ายสินค้าเพิ่มเติม
พร้อมทั้งจัดโปรโมชันพิเศษสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคในร้านค้าปลีกภายในสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์จากโครงการไทยเด็ด ผลิตภัณฑ์หล่อลื่น และสินค้าในร้านคาเฟ่ อเมซอน เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ทั้งนี้ OR มีความมุ่งมั่นที่จะใช้เครือข่ายสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น และร้านค้าปลีกทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชน โดยเชื่อมั่นว่าความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน
*** นีโอ ร่วมมหกรรมลดราคาของใช้
บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) หรือ NEOผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคของประเทศไทย เตรียมนำทัพสินค้าอุปโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับเด็กภายใต้ 8 แบรนด์ ได้แก่ ไฟน์ไลน์, สมาร์ท, โทมิ, บีไนซ์, ทรอส, เอเวอร์เซ้นส์, วีไวต์ และดีนี่
โดยนำเสนอสินค้าราคาพิเศษเกือบ 53 รายการ เข้าร่วมมหกรรมลดราคาสินค้า ที่จัดขึ้นโดย กระทรวงพาณิชย์ เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และตอกย้ำความมุ่งมั่นตั้งใจของ NEO ร่วมมือกับภาครัฐเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง
*** สหพัฒน์ลดราคาสินค้า
บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) หรือ SPC ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ ร่วม“โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ” ลดราคาสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวันทั่วประเทศ เพื่อ“ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจ” ช่วยแบ่งเบาภาระลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ซึ่งนำสินค้าอุปโภคบริโภคลดราคาสูงสุด 59 % ช่วยค่าครองชีพให้ประชาชน
*** เซเว่นฯ ลดราคากว่า 1,000 รายการ
เซเว่น อีเลฟเว่น จัดโปรโมชัน “เซเว่นฯ ยกทัพสินค้า ช่วยค่าครองชีพ” เพื่อให้สอดรับกับ“โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ” ของภาครัฐ ตั้งแต่วันนี้ - 23 มกราคม 2568โดยเช็คลิสท์รายการสินค้าหลากหลาย ที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสั่งสินค้าง่ายๆผ่าน 7App ด้วยบริการ 7Delivery หรือ ALL ONLINE
เซเว่นฯ ยกทัพสินค้าโปรโมชันที่เข้าร่วมรายการมากกว่า 1,100 รายการ เป็นสินค้ากลุ่ม คู่บ้าน คู่ครัว อาทิ สินค้าประกอบการชง ข้าวสาร น้ำดื่ม นม กลุ่มทำความสะอาด กระดาษชำระ และสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย มาพร้อมกับส่วนลดมากถึง 50% และยังมีส่วนลด และ code ส่วนลด ให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ เลือกช้อป เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย สอดรับนโยบาย “โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ”ของภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศและช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของพี่น้องคนไทย
*** เซ็นทรัลเชียงราย เปิดพื้นที่ขายฟรี
ทางด้านศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย เปิดพื้นที่บริเวณชั้น G หน้าร้านจริงใจ ให้ผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติภัยน้ำท่วมจากจังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียงนำสินค้าและบริการเข้าจำหน่ายในบริเวณที่จัดให้ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับภาคธุรกิจ เบื้องต้น มีผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบตอบรับเข้าจำหน่ายสินค้าและบริการแล้วจำนวน 22 คูหา โดยศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงรายจะจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการอย่างครบครัน ขอขอบคุณผู้บริหารเซ็นทรัลกรุ๊ป และผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงรายเป็นอย่างสูงสำหรับการอนุเคราะห์เปิดพื้นที่ให้ในครั้งนี้
*** แม็คโคร-โลตัส เปิดพื้นที่ขายฟรี
ส่วนบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ผู้บริหาร “แม็คโคร-โลตัส” ได้ร่วมโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” เปิดพื้นที่ขายฟรีให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ ‘โลตัส’ ทุกภูมิภาค ควบคู่การรับซื้อผลิตผลจากเกษตรกรกว่า 200,000 ตัน พร้อมจัดแคมเปญลดราคาสินค้าช่วยค่าครองชีพประชาชนกว่า 8,000 รายการ ที่แม็คโครและโลตัสทุกสาขาทั่วประเทศ
โดยบริษัทมุ่งสนับสนุนการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและเอสเอ็มอีกว่า 200,000 ราย พร้อมรับซื้อและเป็นช่องทางจำหน่ายผลิตผลจากเกษตรกรไทย 200,000 ตัน สร้างเงินหมุนเวียนเศรษฐกิจกว่า 10,000 ล้านบาท ในปี 2567 ส่งเสริมให้เกษตรกรและเอสเอ็มอีไทย มีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน