“นายกฯ อิ๊งค์” ลั่นไม่กังวล ถูกร้องยุบพรรค มั่นใจไม่เข้าข้อกล่าวหาครอบงำ ย้อนถาม ตนไปกินข้าวกับอดีตนายกฯ เศรษฐา ถือเป็นการครอบงำหรือไม่ ชี้ ความสัมพันธ์ที่ดีไม่ใช่การครอบงำ หลายคนไปคุยกับ “ทักษิณ” อาจคุยเรื่องอื่น หรือคุยการเมืองก็เป็นการเมืองเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 21 ต.ค. ที่โรงแรมโรสวูด ถนนเพลินจิต กรุงเทพฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังจากรับประทานอาหารกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับคำร้องยุบพรรคเพื่อไทย และ 6 พรรคร่วมรัฐบาล ฐานปล่อยให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครอบงำ โดยนายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้ตรงกับข้อกล่าวหาใดๆ ฉะนั้น ไม่มีใครกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้า กกต.เรียกไปชี้แจงข้อกล่าวหานายกฯ พร้อมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “เอาอย่างนี้ทุกอย่างมันไม่ได้เข้าข้อกล่าวหาอยู่แล้ว ซึ่งในเรื่องข้อกล่าวหาที่จะต้องให้ความร่วมมือ ก็จะต้องให้ความร่วมมืออยู่แล้ว ฉะนั้น ไม่มีอะไรต้องห่วง”
เมื่อถามว่า นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้เหตุผลว่า การที่พรรคเพื่อไทยถูกร้องให้ยุบพรรคดังกล่าว เป็นเพราะเอาพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล นายกฯ ได้หันไปถามบรรดาหัวหน้าพรรคร่วม ที่ยืนอยู่ด้านหลังว่า นายสรวงศ์ ไหน และชี้ไปที่ นายสรวงศ์ พร้อมบอกว่า สรวงศ์ นี้หรือเปล่า ซึ่ง นายสรวงศ์ รีบกล่าวปฏิเสธว่าไม่น่าจะใช่ตนเอง ตนให้สัมภาษณ์กับใคร
เมื่อผู้สื่อข่าวตอบว่า เมื่อวานปรากฏเป็นข่าวออกมา นายสรวงศ์ กล่าวยืนยันว่า ไม่มี ซึ่งจริงๆ แล้วมันอยู่ในข้อ 5 ของเขาอยู่แล้ว จริงๆ ตนไม่ต้องให้สัมภาษณ์ด้วยซ้ำในเรื่องนี้
เมื่อถามว่า รัฐบาลต้องตีห่างจากตัวนายทักษิณหรือไม่ เพื่อป้องกันข้อหาครหาครอบงำ นายกฯ กล่าวว่า “ถ้าสมมติว่าเราไปทานข้าวร่วมกัน เป็นการครอบงำหรือไม่ หรืออย่างไร สมมติว่า เราไปทานข้าวกับคนอื่นๆ หรือตัวดิฉันไปทานข้าวกับท่านเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี จะเป็นการครอบงำหรือเปล่า สรุปไม่แน่ใจ
“จริงๆ แล้วความสัมพันธ์ที่ดี มันก็คือความสัมพันธ์ที่ดี และความสัมพันธ์ที่ดีไม่ใช่การครอบงำ ดิฉันเชื่อว่า หลายๆ ท่านในที่นี้ รักเคารพคุณทักษิณ โดยที่บางทีอาจไม่ใช่เป็นการคุยกันในเรื่องการเมืองด้วยซ้ำ ไม่มีเลยด้วยซ้ำอะไรอย่างนี้ อาจจะเป็นการคุยการเมืองแต่เป็นการเมืองเมื่อ 20 ปีที่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง สมัยนั้นใครเป็นรัฐมนตรีสมัยแรกอะไรอย่างนั้น คนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ฉะนั้น ก็เป็นเรื่องนั้นเป็นส่วนใหญ่” น.ส.แพทองธาร กล่าว
เมื่อถามว่า แสดงว่า นายกฯ มั่นใจในทีมกฎหมายและมั่นใจในข้อครหาครอบงำ จะไม่ทำให้ตัวเองต้องสะดุดลงเหมือนนายเศรษฐา ที่ต้องสะดุดในบางเรื่อง นายกฯ กล่าวว่า ”ท่านเศรษฐาโดนเรื่องครอบงำหรอคะ ทุกๆ คน มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นพรรคอื่นๆ ก็ตาม ถ้าโดนในเรื่องใดๆ ทุกพรรคต้องมีกรรมการบริหารพรรค ซึ่งจะต้องได้รับคำปรึกษามาก่อน ถ้าไม่มีความเห็นด้วย หรืออะไรก็ครอบงำไม่ได้อยู่ดี มันไม่มีใครครอบงำได้ ในพรรคต้องคุยกันเองและตกลงกันเองในทุกๆ เรื่อง ฉะนั้นจะพูดว่าการติดต่อคุณทักษิณ ซึ่งวันนี้กลับมาอยู่เมืองไทยแล้ว คือ การครอบงำ ก็ต้องครอบงำไปทุกอย่างแล้ว ถ้าคุยกับคุณทักษิณปุ๊บเป็นการครอบงำ เท่ากับอันนั้นมันก็ไม่ได้แล้ว ไม่ได้อะ มันยังไงต่อ”
