วันนี้ (21 ต.ค.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินหนี้สินของอดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กรณีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 23 ก.ค 67 รวม 70 ราย โดยมีบุคคลที่น่าสนใจ อาทิ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา น้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี และนางผ่องพรรณ จันทร์โอชา คู่สมรส มีทรัพย์สินรวม 150,218,837 บาท มีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี รวม 36,163 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินของ พล.อ.ปรีชา จำนวน 58,290,212 บาท เป็นเงินฝาก 8 บัญชี 51,153,879 บาท เงินลงทุน 1,616,985 บาท สิทธิและสัมปทาน 1,112,224 บาท ทรัพย์สินอื่น 5.03 ล้านบาท เป็นปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติ 1 กระบอก มูลค่า 30,000 บาท พระเครื่องชุดเบญจภาคี 6 องค์ 5 ล้านบาท มีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 1,567 บาท และยังแจ้งว่ามีรายได้ต่อปี 3,173,830 บาท จากเงินเดือนและบำนาญ 953,816 บาท เงินเดือนเบี้ยประชุม สว. 1,362,720 บาท ดอกเบี้ยเงินฝากสหกรณ์ 857,294 บาท มีรายจ่ายต่อปี 630,000 บาท
ส่วนนางผ่องพรรณ จันทร์โอชา ภริยา แจ้งมีทรัพย์สินรวม 91,928,625 บาท เป็นเงินฝาก 9 บัญชี 55,567,772 บาท เงินลงทุน 1,000 บาท ที่ดิน 7 แปลงใน จ.พิษณุโลก จ.เชียงราย รวม 12.1 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 15,640,000 บาท โดยในจำนวนนี้ระบุเป็นบ้านเดี่ยวใน อ.เมือง จ.พิษณุโลก มูลค่า 15.3 ล้านบาท โดยแจ้งว่าชำระค่าปลูกสร้างด้วยเงินของผู้ยื่น 6.3 ล้านบาท คู่สมรส 5.7 ล้านบาท เงินของนายปฐมพล จันทร์โอชา 3.3 ล้านบาท ยานพาหนะ 4 คัน รวม 8,090,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 129,853 บาท ทรัพย์สินอื่น เป็นเครื่องประดับสตรี 1 ชิ้น 400,000 บาท มีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 34,596 บาท และแจ้งมีรายได้ต่อปีจากดอกเบี้ยสหกรณ์ 933,935 บาท มีรายจ่ายต่อปี 730,000 บาท
นายเสรี สุรรณภานนท์ และนางรำไพพรรณ สุวรรณภานนท์ คู่สมรส มีทรัพย์สินรวม 589,673,757 บาท มีหนี้สิน 7,236,230 บาท โดยเป็นทรัพย์สินของนายเสรี 539,786,769 บาท แบ่งเป็นเงินสด 300,000 บาท เงินฝาก 17 บัญชี 20,707,874 บาท เงินลงทุนในหุ้นบริษัทต่างๆ และสหกรณ์ออมทรัพย์ทนายความแห่งประเทศไทย รวม 1,407,195 บาท เงินให้กู้ยืมแก่ บจก.บิสเนสแอนด์ซัคเซส เมื่อ 19 ก.พ 60 มูลค่า 22.2 ล้านบาท ที่ดิน 18 แปลง รวม 461,360,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างเป็นบ้าน 6 หลัง 28.1 ล้านบาท ยานพาหนะ 3,140,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 800,000 บาท ทรัพย์สินอื่น เป็นทองคำ อัญมณีเครื่องประดับ และพระพุทธรูป พระเครื่องหลายสิบองค์ไม่อาจประเมินราคาได้ และได้มานานแล้ว รวม 1,501,700 บาท มีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 74,752 บาท หนี้ที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ 644,256 บาท แจ้งมีรายได้ต่อปี 4,509,477 บาท มีรายจ่ายต่อปี 2,664,256 บาท โดยนายเสรี นอกจากดำรงตำแหน่ง สว. แล้ว แจ้งการทำงานย้อนหลัง 5 ปี ว่าเป็นทนายความกรรมการ บจก. ศูนย์รวมกฎหมาย บริษัทผู้บริหารตลาดเสรี 1-3
ส่วนนางรำไพพรรณ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้บริหารและกรรมการบริษัทเอกชน 4 แห่ง รวม 49,886,988 บาท แบ่งเป็นเงินสด 300,000 บาท เงินฝาก 5 บัญชี 2,397,220 บาท เงินลงทุน 730,000 บาท ที่ดิน 4 แปลง ปกปิดว่าอยู่ที่ใดบ้าง 24,940,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เป็นบ้านและห้องชุด 4 หลัง 7.66 ล้านบาท ยานพาหนะเป็นรถยนต์ 5 คัน 5,010,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 4,655,767 บาท ทรัพย์สินอื่นเป็นทองคำ อัญมณีเครื่องประดับ 4,194,000 บาท มีหนี้สินเป็นเงินประกันบัญชี 333,419 บาท หนี้เงินกู้สถาบันการเงินอื่น 6,183,801 บาท มีรายได้ต่อปี 600,000 บาท มีรายจ่ายต่อปี 1,851,400 บาท
นายสมชาย แสวงการ และนางธิดาวรรณ แสวงการ คู่สมรส มีทรัพย์สินรวม 65,717,053 บาท และมีหนี้สินรวม 10,136,679 บาท โดยเป็นทรัพย์สินของนายสมชาย 11,613,146 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 959,533 บาท เงินลงทุน ในกองทุนเปิดต่างๆ 1,916,599 บาท ที่ดิน 5 แปลง ในเขตประเวศ กทม. และ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี รวม 2,398,425 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เป็นบ้านเดี่ยว บ้านเช่า และห้องชุดใน จ.เพชรบุรี จ.สมุทรปราการ รวม 3.9 ล้านบาท ยานพาหนะ 350,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 1,135,383 บาท ทรัพย์สินอื่น 961,250 บาท มีหนี้สิน 6,370,883 บาท โดยเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 53,201 บาท เงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 1,317,682 บาท หนี้สินอื่น 5 ล้านบาท โดยแจ้งเจ้าหนี้มารดาคือนางมนัสนันท์ และพี่สาวคือ นางอัจฉรา แสวงการ นอกจากนี้ แจ้งมีรายได้ต่อปี 1,680,000 บาท จากเงินเดือน 1.35 ล้านบาท เบี้ยประชุม 200,000 บาท ค่าเช่า 100,000 บาท เงินปันผล 20,000 บาท ดอกเบี้ย 10,000 บาท มีรายจ่ายต่อปี 1,305,000 บาท นายสมชายเคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติในปี 2557-2562 และดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาในปี 2562-2567
ส่วนนางธิดาวรรณ มีทรัพย์สินรวม 52,781,777 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 5,679,241 บาท เงินลงทุนในกองทุนเปิดต่างๆ 5,066,737 บาท ที่ดิน 8 แปลงใน กทม. จ.นครราชสีมา จ.เพชรบุรี รวม 18,743,745 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 14.5 ล้านบาท ยานพาหนะ 6 แสนบาท สิทธิและสัมปทาน 6,931,840 บาท ทรัพย์สินอื่น 1,260,213 บาท มีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 48,112 บาท เงินกู้จากธนาคารและการเงินอื่น 1,317,682 บาท หนี้สินอื่นๆ 2.4 ล้านบาท โดยเป็นหนี้ค้างชำระส่วนแบ่งเงินมรดกมารดาแก่ญาติ นอกจากนี้ ยังแจ้งว่ามีรายได้ต่อปีรวม 3.9 ล้านบาท จากเงินประจำตำแหน่ง 90,000 บาท เงินเดือนโบนัส 2.1 ล้านบาท ค่าเช่า 60,000 บาท เงินปันผล 200,000 บาท ดอกเบี้ย 150,000 บาท มรดก 130,000 บาท มีรายจ่ายต่อปี 1.96 ล้านบาท สำหรับบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สิน 1,322,130 บาท ส่วนทรัพย์สินอื่นที่น่าสนใจของทั้งคู่ อาทิ อาวุธปืนสั้น 9 มม. 5 กระบอก รวมมูลค่า 190,000 บาท อาวุธปืนสั้นลูกโม่ 1 กระบอก ทองคำแท่งน้ำหนัก 25 บาท มูลค่า 811,250 บาท เครื่องประดับอัญมณี เช่น สร้อยคอ กำไลแหวน ต่างหู รวมมูลค่า 650,000 บาท ทองคํารูปพรรณน้ำหนัก 29 บาท มูลค่า 570,213 บาท
นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม แจ้งสถานะหย่า มีทรัพย์สินรวม 67,359,772 บาท มีหนี้สินเป็นเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 5,509,474 บาท ทรัพย์สินแบ่งเป็นเงินฝาก 7 บัญชี 7,836,637 เงินลงทุน 2,884,895 บาท ที่ดิน 19 แปลง ใน จ.นครนายก เพชรบุรี ลำพูน ชลบุรี นครปฐม เชียงใหม่ น่าน รวม 39.07 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เป็นห้องชุด รวม 6 หลังใน จ.นนทบุรี เชียงใหม่ และประจวบคีรีขันธ์ รวม 9 ล้านบาท ยานพาหนะ 2.5 ล้านบาท สิทธิและสัมปทาน 5,238,240 บาท ทรัพย์สินอื่น ระบุเป็นปืน 2 กระบอก มูลค่า 230,000 บาท พระเครื่อง นาฬิกา ไม่ระบุราคา นอกจากนี้ ได้แจ้งมีรายได้ต่อปี 2,178,182 บาท แบ่งเป็นเงินบำนาญ 575,462 บาท เงินประจำตำแหน่ง 1,362,720 บาท ค่าเบี้ยประชุมคณะกรรมาธิการ, คณะกรรมการ 240,000 บาท จากการขายที่ดิน 7 แปลง 10.7 ล้านบาท ขายห้องชุด 1 ห้อง 3 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการโอนกรรมสิทธิ์ มีรายจ่ายต่อปี 960,000 บาท