วันนี้ (17 ต.ค.) นายธเนตร วงษา อดีตนักธุรกิจขายตรง พร้อมด้วยนางอนุสรา จันทรังษี ภรรยา เผชิญหน้ากับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทนายประชาชนฯ ในรายการโหนกระแส ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ดำเนินรายการโดย นายกรรชัย กำเนิดพลอย โดยมีนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานทีมงานทนายคลายทุกข์ เป็นตัวกลางในการพูดคุยครั้งนี้
สืบเนื่องมาจากการที่นายษิทรา กล่าวหาว่านายธเนศเป็นกุนซือ หรือบอสคนสุดท้ายของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด พยายามโทร.และนัดพบมาหลายครั้งในหลายปีแล้ว ทั้งชวนเล่นการเมือง ทั้งชวนทำธุรกิจ ผ่านนักข่าวคนหนึ่ง แต่ไม่เคยสนใจ จนเมื่อวานสายลับได้พูดถึงในรายการถกไม่เถียง ทำให้นึกย้อนมาได้ ว่าบอสคนสุดท้าย ผู้เป็นอาจารย์ของบอสพอล และปรมาจารย์ของธุรกิจขายตรงแบบเครือข่ายคือ “บอส ธ” ผู้เป็นเจ้าของวลี "ขยันถูกที่ปีเดียวรวย" ทำให้นายธเนตรแจ้งนายเดชาว่า บอสพอลเคยทำงานกับตัวเองมา 7 ปี แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับดิไอคอน และประกาศท้านายษิทราออกรายการโหนกระแสดังกล่าว
นายษิทรา กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (17 ต.ค.) ระหว่างไปดูที่ดินของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ปฯ ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อายัดทรัพย์ที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี นายเดชาโทร.มาบอกว่านายธเนศท้าไปออกรายการกล้าหรือเปล่า นายษิทราจึงยอมรับคำท้าโดยได้ทำการบ้านอ่านหนังสือของนายธเนตรก่อนมาออกรายการ เมื่อนายกรรชัยถามว่า ข้อความที่นายษิทราโพสต์ว่ามีบุคคลอักษรย่อ ธ.ธง หมายถึงนายธเนตรใช่หรือไม่ นายษิทรา กล่าวว่าใช่ เคยโทร.มาตอนคดีหวย 30 ล้าน เพื่อชวนทำธุรกิจ และมีปรึกษาเรื่องคดีบ้าง แต่ยังไม่เคยเจอเลย เท่าที่ทราบเป็นปรมาจารย์ด้านธุรกิจขายตรงของบอสพอล พยายามทำให้เห็นว่าบอสพอลเรียนรู้การทำบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ปฯ มาตั้งแต่ บริษัท เจอเนสส์ฯ แล้ว อยู่กับนายธเนตร
เมื่อนายกรรชัยและนายษิทรา ถามว่านายธเนตรเป็นคนที่สร้างบอสพอลขึ้นมา นายธเนตร กล่าวว่า พูดถูกส่วนหนึ่ง เพราะนายพอลเคยอยู่กับตนมาตั้งแต่ปี 2554-2561 แล้วก็ออกไปเปิดบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ปฯ ตอนที่อยู่กับตนมีทีมงานหลายทีม บางทีมชื่อว่าธิงค์บิ๊ก ทีมอิลิแกนซ์ และทีมไอคอน ลูกน้องอาจจะเอาข้อมูลเก่ามาบอกทนายตั้มว่าตนอยู่เบื้องหลัง ทำให้เกิดความสับสน เพราะว่าพอลตั้งทีมไอคอนเหมือนกัน แล้วก็ไปอยู่กับตนที่บริษัท เจอเนสส์ฯ ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงจากสหรัฐอเมริกา มีเครือข่ายนับร้อยประเทศ ขณะนั้นไม่มีผู้เสียหาย และอธิบายว่าไม่มีธุรกิจบริษัทไหนสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ คนที่ทำธุรกิจส่วนใหญ่ทุกอาชีพสำเร็จประมาณ 20% อีก 80% ไม่สำเร็จ การที่นายกรรชัยพูด แล้วเอาคนที่ไม่เคารพเข้ามาพูดก็จะมีปัญหา
นายษิทรา ถามว่า ตนรู้ข้อมูลบริษัท เจอเนสส์ฯ ตั้งแต่ต้น ทำธุรกิจเหมือนกับดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่งเรียกคนมาประมาณ 200-300 คนต่อรอบ นายธเนตร กล่าวว่า บางรอบเป็นหมื่นคนก็มี นายษิทรา ถามต่อว่า ตอนนั้นก็มีการปิดการขาย ยอดสูงตอนนั้นเท่าไหร่ 44,000 บาท ใช่ไหม นายธเนตร ตอบว่าใช่ 44,000 บาท นายษิทรา กล่าวว่า ยกมา 300 คน ก็ประมาณ 13 ล้านบาทแล้ว นายธเนตร กล่าวว่า ที่มาประชุมเป็นหมื่นคนเป็นงานเอ็กซ์โป นายษิทราถามต่อว่า พูดถึงกลุ่มเล็กๆ ที่เข้าประชุมทุกวันอังคารและวันเสาร์ ปิดการขายสัก 99%
นายกรรชัย ถามว่า พอลเคยอยู่สายงานในบริษัท เจอเนสส์ฯ ตั้งกลุ่มขึ้นมาชื่อว่าไอคอน นายธเนตร กล่าวว่า ใช่ เขาอยู่กับตนประมาณ 7 ปี แล้วปี 2561 ออกไปเปิดบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ปฯ ถึงปี 2567 ที่มีปัญหาปัจจุบัน หลังจากออกไปแล้วตนไม่ยุ่งเกี่ยว เพราะเหมือนเป็นคู่แข่ง ที่บอกว่าเป็นที่ปรึกษา เป็นอาจารย์พ่อนั้น เป็นคู่แข่งแล้วจะไปปรึกษาได้อย่างไร เขาเก่งกว่า เขาเปิดบริษัทสำเร็จ ตนเปิดบริษัทเจ๊งไปแล้ว ถ้าเป็นผู้นำตนสำเร็จ แต่เรื่องบริษัทตนไม่เก่ง พอลเก่งกว่าตน เขาไปเปิดบริษัทและทำมาถึงปัจจุบัน
เมื่อถามว่า นายธเนตรเหมือนเป็นกุมารที่อยู่ในคาถาหลากหลาย หนึ่งในนั้นคือปีเตอร์ (นาย ณัญปพนต์ หรือกลด เศรษฐนันท์) เกี่ยวหรือไม่ นายธเนตร กล่าวว่า ปีเตอร์อยู่กับตน ตอนนั้นปีเตอร์อยู่กับตน อยู่กับพอล อยู่ในกลุ่มไอคอนด้วยกัน เวลานี้คนสับสน เพราะเนื่องจากว่าไปเอาข้อมูลเก่า อย่างรายการของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เอาคลิปตนที่ไลฟ์กับพอล ซึ่งเป็นคลิปนานแล้ว ประมาณปี 2558 เป็นของเก่า ตอนที่อยู่กับตนไม่มีปัญหา ก่อนที่พอลลาออกเมื่อปี 2561
นายษิทรา กล่าวว่า การที่ออกมาพูด เป็นการกล่าวถึงความสัมพันธ์ของนายธเนตร พอล ปีเตอร์ และพวกเครือข่ายทั้งหลาย เพื่อให้ประชาชนเห็นภาพว่านายธเนตรเกี่ยวข้องกับดิไอคอนอย่างไร เมื่อก่อนนายธเนตรเป็นเบอร์หนึ่งของเจอเนสส์ฯ เบอร์สองคือพอลใช่หรือไม่ นายธเนตรกล่าวว่า เบอร์สองไม่ใช่พอล เป็นอีกคนหนึ่ง คือนายจิรัฏฐ์ ทรัพย์มงคลกุล หรือนอต
นายษิทรา กล่าวว่า พอลยังมีการประสานงานกับนายธเนตรตลอดเวลา เช่น หน้าปกหนังสือ "ขยันถูกที่ปีเดียวรวย" สังเกตแหวนที่ใส่ พอลซื้อให้หรือไม่ นายธเนตร กล่าวว่า พอลซื้อให้ เมื่อก่อนที่อยู่กับตน งานวันเกิดตน พอลซื้อแหวนเพชรมาให้ นายษิทรา กล่าวว่า วงละ 2 ล้านบาท นายธเนตร ตอนที่เขาอยู่กับตน ขณะนั้นนางอนุสรา ภรรยานายธเนตรกล่าวว่าไม่ใช่ เป็นวงที่ตนซื้อให้ แต่นายธเนตรกล่าวว่าใช่ แหวนเขาอยู่ในนิ้ว อาจจะไม่เข้าใจ ตนมีอยู่หลายวง เอาเป็นว่าเขาซื้อแหวนเพชรให้
นายษิทรา กล่าวว่า พูดถึงความสัมพันธ์นายธเนตรไม่ได้ตัดขาดกับพอล ก็ยังมีปฏิสัมพันธ์กัน เช่น รถยนต์โรลส์-รอยซ์ เมื่อก่อนเป็นรถของนายธเนตรถูกต้องหรือไม่ ทะเบียน 555 เพราะนายธเนตรชอบเลข 5 ภรรยาชอบเลข 18 นายธเนตรกล่าวว่าถูกต้อง นายษิทรา กล่าวว่า แล้วมีความสัมพันธ์กับพอล คนถามว่าทำไมบัตรประชาชนขึ้นต้นด้วยเลข 5 อาจจะชอบเลข 5 หรือเปล่า รถคันนี้ไปอยู่กับพอลได้ยังไง นายธเนตร กล่าวว่า เมื่อ 3 ปีก่อนตนเกิดวิกฤตก็ต้องขายทรัพย์สิน ตนก็ประกาศขายรถ พอลสนใจรถคันนี้ มาทดลองขับแล้วเขาก็ซื้อ ตนจะขายให้ใครก็ได้ แต่ถ้าปัจจุบันมาขอซื้อช่วงที่มีข่าวตนไม่ขาย แต่ตอนที่ซื้อรถยังไม่มีเรื่องอะไร
นายษิทรา กล่าวว่า แต่ทุกวันนี้ก็ยังคุยกันอยู่ ไม่ใช่ว่าตัดขาดหรือไม่คุยกัน นายธเนตร กล่าวว่า คนรู้จักกันไม่คุยกันได้ยังไง นายษิทรา กล่าวว่า ก็ใช่ไง ตนไม่ได้ว่าอะไร คนเรามีสิทธิ์ที่จะคุย นายธเนตร กล่าวว่า เขาเคยอยู่กับตน 7 ปี ไม่ได้ทะเลาะ เนื่องจากว่าเขาออกไปทำธุรกิจของเขา เขาก็มีสิทธิ์ เป็นธุรกิจอิสระ เขาก็อยากเติบโตมากกว่าเดิม
นายกรรชัย ถามว่า ตอนที่พอลออกไป นายธเนตรเคยให้ทุนไปทำบริษัทไหม นายธเนตร กล่าวว่า เขามีทุน ครั้งแรกมีเงินเริ่มต้นประมาณ 100,000 บาท แต่ตอนที่ทำงานกับตน 7 ปี มีรายได้สะสมรวมจากการทำธุรกิจมากกว่า 100 ล้านบาท ทำธุรกิจกับตนที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช็กข้อมูลได้เพราะมีการเสียภาษีถูกต้อง บริษัทต่างชาติที่มาเปิดธุรกิจในประเทศไทยจะกล้วเรื่องภาษีมาก เพราะฉะนั้นจึงเสียภาษีถูกต้อง นายษิทรา ถามว่า เจอเนสส์ฯ ไม่ให้นายธเนตรกับพอลทำต่อถูกต้องหรือไม่ นายธเนตร กล่าวว่า ตนก็ทำต่อ ตอนที่พอลลาออกแล้วตนก็ทำต่อ ตนลาออกจากเจอเนสส์ฯ ปี 2565 ไม่ใช่บริษัทไม่ให้ทำ ตนลาออกเอง
นายษิทรา กล่าวว่า เท่าที่ทราบมีการนำตัวสองฝั่งไปชนกันจนได้ค่าคอมมิชชัน 10% จนบริษัทฯ เห็นว่ายอดไม่ขึ้นไปด้านบน บริษัทไม่ได้อะไร ไปอยู่ที่ตัวแทน มีวิธีทำ นายธเนตร กล่าวว่า ข้อมูลผิด ตนอยู่บริษัท เจอเนสส์ฯ มา 11 ปี ตอนที่ลาออกปีที่ 11 บริษัทมีปัญหาสืบเนื่องจากโควิด-19 มีผลกระทบทั่วโลก เจ้าของอยากขายกิจการ ก็มีนโยบาย ตนเป็นผู้นำก็อยู่ยาก จึงตัดสินใจลาออก เพื่อที่จะไปหาบริษัที่เวิร์คกว่า แต่ปัจจุบันบริษัท เจอเนสส์ฯ ก็ยังอยู่ ปีที่แล้วเข้าไปดูมียอดขายกว่า 70 ล้านบาท สมาชิกทีมงานตนบางคนอยากทำเจอเนสส์ฯ ก็ยังขายของอยู่ ถ้าบอกว่าถูกไล่ออกผิดแล้ว ตนลาออกเอง
นายษิทรา กล่าวว่า ตนเจอคลิปอยู่คลิปหนึ่ง เป็นคลิปของ น.ส.นัฐปสรณ์ ฉัตรธนสรณ์ หรือบอสสวย เมื่อ 8 ปีที่แล้ว ถามว่าอยู่ในทีมหรือไม่ นายธเนตร กล่าวว่า อยู่ในทีมเดียวกับพอล นายษิทรา กล่าวว่า ในคลิปเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมา ความจริงไม่ได้ขายแซนด์วิช เป็นการเช้าร้านแซนด์วิชแล้วทำคลิปขึ้นมา ตามคลิปที่ปรากฎออกมาแสดงว่าพอลรวยมา 50 ล้านบาทแล้ว กระทั่งมาดิไอคอนฯ กลับพูดว่ามาชุบชีวิตใหม่กับดิไอคอนฯ พวกนี้มากันเป็นแพ็คอยู่แล้ว ทีมของพอลไม่ว่าจะเป็นบอสสวย หรือบอสปีเตอร์ ทำกันเป็นเซต เป็นทีมงานอยู่แล้ว ก่อนโยกย้ายมาบ้านใหม่ที่ดิไอคอน เข้าใจว่านายธเนตรไม่ได้เกี่ยวอะไรโดยตรงยังไงไม่ทราบ นายธเนตร กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ทีมงานที่ย้ายไปตามพอล ใครจะไปก็ไปไม่เกี่ยวกับตน แต่ตอนที่อยู่กับตนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร คนที่เคยอยู่กับตนมีทั้งพอล ปีเตอร์ สวย ปัน แม่หญิง และอีกหลายคน แต่ดาราไม่มี
นายษิทรา ถามว่า คนที่สนิทกับพอลที่สุดคือใคร นายธเนตร กล่าวว่า ไม่รู้ เพราะเขาอยู่กันหลายคน ถามว่าใช่ปีเตอร์ไหม นายธเนตรกล่าวว่า น่าจะใช่ นายษิทรา กล่าวว่า ปีเตอร์เปรียบเสมือนมือขวาของพอล บ้านที่ปีเตอร์อยู่ก็เป็นบ้านของนายธเนตร นายธเนตร กล่าวว่า บ้านเขาเช่าอยู่ บ้านหลังนี้เคยโดน 18 มงกุฎหลอก จึงยึดกลับคืนมาแล้วเอามาขาย ปีเตอร์มาขอเช่าก็เลยให้เช่า นายษิทรา กล่าวว่า นายธเนตรสนิทกับพ่อปีเตอร์มาก เมื่อก่อนเป็นลูกข่ายด้วยกัน เป็นนายพลด้วย นายธเนตร กล่าวว่า เป็นนายพล เป็นนายแพทย์ด้วย
นางอนุสรา กล่าวว่า พอลมีทีมมีเพื่อนเป็นปีเตอร์ แล้วไปรีครูทหมอเอก ปันปันข้างล่าง เราอยู่เริ่มต้นจากพอลแล้วพอลก็ไปแตกเอง พอพอลออกก็ยกทีมออกไป เรามีทีมอยู่หลายทีม ทุกคนอาจจะจดทะเบียนบริษัทเพื่อรับเงินกับบริษัท เจอเนสส์ฯ ทำธุรกิจก็ต้องมีบริษัทรองรับ พอพอลออกไปก็เอาชื่อไอคอนออกไป แล้วก่อตั้งบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปฯ โดยยกทีมงานทั้งหมด ส่วนหมอเอกก็เรียกตามเพราะมีทีมงานเป็นหมื่นคน นายธเนตร กล่าวว่า ถึงยังไงก็ไม่เกี่ยวกับตน นายษิทรา กล่าวว่า ก็ไม่เกี่ยว แต่เป็นสารตั้งต้นของคนกลุ่มนี้ได้ไหม เพราะตนเป็นคนบอกว่าเป็นอาจารย์ นางอนุสรา กล่าวว่า ใครๆ ก็เรียกอาจารย์ทั้งนั้น นายธเนตร กล่าวว่า ก็ถูกส่วนหนึ่ง แต่ตอนที่อยู่กับตนก็ไม่มีปัญหา ไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่มีปัญหาหลังจากออกไปแล้ว ไปตั้งดิไอคอนฯ
เมื่อนายษิทรา เปิดเผยรายชื่อหุ้นส่วนบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด มีคนชื่อ จินดา แซ่ก๊อก ถือหุ้น 21% เป็นบุคคลนิรนาม เป็นไปได้ไหมว่านายธเนตรส่งลูกน้องเข้าไปช่วยงานพอล แล้วอาจจะรับเปอร์เซนต์มาโดยให้นอมินีบัญชีม้า อาจจะรับมาสักก๊อกสองก๊อก เป็นไปได้ไหม นายธเนตร กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ ไม่มี นางอนุสรา กล่าวว่า คนที่ชื่อจินดาหาไม่เจอเหรอ นายษิทรา กล่าวว่า ใช่ครับ เห็นเขาตามหา เขาบอกว่าเป็นบุคคลนิรนาม นางอนุสรากล่าวว่า เดี๋ยวกบบอกให้ว่าเป็นใคร กบเดาได้ นายกรรชัยถามว่าใคร นางอนุสรากล่าวว่า ใครๆ ก็รู้
จากนั้น นายกรรชัยกล่าวว่าเป็นแม่ของพอล นางอนุสรา กล่าวว่า ใช่ค่ะ เขาเป็นหุ้นส่วน เราก็ไม่อยากไปปรักปรำว่าใช่ไหม แต่ว่าทนายตั้มคิดว่าเป็นนายธเนตรใช่ไหม นายษิทรา กล่าวว่า มีคนแจ้งข้อมูลตนมาว่าน่าจะเป็นนอมินีของนายธเนตร นางอนุสรา กล่าวว่า ถ้าอย่างนั้นขอคนนั้นมาคุยกับกบได้ไหม จะได้ไม่เข้าใจผิด ก่อนที่ น.ส.จิ๊บ อดีตภรรยาของพอลเข้ามาที่ห้องส่ง
น.ส.จิ๊บ กล่าวกับนายกรรชัยว่า เป็นอดีตภรรยาของพอล แต่เลิกรามานานมากแล้ว ประมาณ 5-6 ปี ปกติไม่ได้คุยกันเรื่องอื่น คุยกันเรื่องลูกอย่างเดียว แต่ล่าสุดคุยกันเมื่อวานนี้ (16 ต.ค.) คุยกันเรื่องลูกเท่านั้น เมื่อนายกรรชัยถามว่า แม่ของพอลชื่ออะไร น.ส.จิ๊บ กล่าวว่า "จินดา แซ่ก๊อก" เมื่อถามย้ำ น.ส.จิ๊บจึงยืนยัน
นายษิทรา กล่าวว่า ถ้าเคลียร์กันอย่างนี้ ตนก็ขออภัยด้วย เพราะตนไม่ทราบข้อมูลจึงเอามาถาม ตนไม่ได้กล่าวหา ตนแค่ถามว่าคนนี้เป็นใคร เป็นนอมินีหรือเปล่า ตอบว่าไม่ใช่ก็จบก็คือไม่ใช่ ถ้าเป็นแม่ของพอลตนไม่ทราบจริงๆ เพราะตนทราบว่าพอลทำบัตรประชาชนทีหลัง ที่เป็นเลข 5 ระหว่างนั้นนางอนุสราจึงกล่าวว่า ขอบคุณนะคะ ส่วนเรื่องทำบัตรประชาชนไม่ทราบ
น.ส.จิ๊บ กล่าวในรายการโหนกระแสว่า คบหาอยู่กับพอล 19 ปี ตั้งแต่ยังใช้ชื่อเก่าว่า "เป้" ก่อนจะเริ่มมีปัญหากันช่วงปี 2560 และหย่าขาดกันในปี 2562 ซึ่งตนอยู่กับพอลในวันที่ก่อตั้งบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ปฯ แต่ไม่ได้ร่วมเป็นแม่ข่าย ไม่ได้เป็นบอส ไม่ได้ร่วมทำธุรกิจ มีแค่ครั้งหรือสองครั้งที่ขึ้นเวทีไปถ่ายรูปกับพอล แต่ยอมรับว่าเคยทำบริษัท เจอเนสส์ฯ ตั้งแต่สมัยพอลยังทำงานอยู่กับนายธเนตร ตนงงมากว่าทำไมถึงมีชื่อถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อายัดทรัพย์สินพร้อมกับพอลด้วย ทั้งที่จริงๆ ไม่ได้ไปร่วม ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ปฯ เลย ส่วนสาเหตุที่เลิกรากับพอล เพราะ น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือบอสปัน คนใกล้ชิดของพอล เข้ามามีบทบาทใกล้ชิดจนเกินเลยกับพอล และยังบอกตนว่า "ถ้าน้องไม่ว่าง พี่จะดูแลแทนเอง"