xs
xsm
sm
md
lg

“พีพี” ยันรับเงินแค่พรีเซ็นเตอร์ ไม่เคยโดนชวนเป็นบอส ไม่อยากให้มองว่าดารามาหลอกขายสินค้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



“พีพี” ยันเป็นแค่พรีเซ็นเตอร์ หมดสัญญาแล้วไม่ได้ติดต่ออีก ไม่รู้จัก “บอสพอล” เป็นการส่วนตัว ได้เจอกันแค่ 3 ครั้งในการทำงาน ออกมาเทคแอ็กชั่นเพราะไม่สบายใจ เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่อยากให้มองว่าศิลปินดารามาหลอกขายสินค้า เพราะส่วนตัวตั้งใจกับทุกงานที่ได้รับ “บิวกิ้น” ให้กำลังใจว่าสู้ๆ ฝากบอกไม่ต้องห่วง ตั้งใจเรียนไป ด้าน ผจก. เผยมีแก้สคริปต์ที่ให้อวยผู้บริหาร

หลังมีภาพออกมาว่าเคยร่วมเฟรมกับ “บอสพอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล” ซีอีโอของบริษัท THE iCON GROUP ในฐานะพรีเซ็นเตอร์สินค้าตัวหนึ่ง ล่าสุดวันนี้ (11 ต.ค. 67) “พีพี กฤษฏ์ อำนวยเดชกร” ก็ไม่รอช้า ขอนัดสื่อตั้งโต๊ะแถลงข่าวแบบด่วนๆ เพื่อชี้แจงถึงประเด็นนี้ โดยเผยว่าได้ไม่สบายใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และรู้สึกเสียใจที่มีผู้เสียหาย ส่วนตัวได้รับเงินแค่ในส่วนพรีเซ็นเตอร์โฆษณาสินค้าเท่านั้น ไม่ได้รับส่วนแบ่งอะไรเพิ่มจากยอดขาย และสัญญา 1 ปีก็หมดไปเรียบร้อยแล้ว

“ไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้รับรู้ข้อมูลจากทีมงาน เลยอยากมาชี้แจงเอง ว่าเราเป็นพรีเซ็นเตอร์ในรูปแบบใด คือพีรับงานนี้เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับโปรดักส์ บูม ไอซี เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงสายตา ของบริษัท THE iCON ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2565 สัญญาทั้งหมด 1 ปี เงื่อนไขสัญญาทั้งหมดใน 1 ปี พีทำงานกับเขา 3 วัน คือถ่ายภาพนิ่ง ออกรายการ พีพี x กันต์ และออกอีเวนต์เปิดตัวโปรดักส์ นอกนั้นไม่มีเลย อันนี้ระบุไว้ในสัญญาทั้งหมด แล้วพีทำหน้าที่โปรโมตผลิตภัณฑ์อย่างเดียว

ที่ตัดสินใจรับงานนี้ ตอนนั้นเพิ่งออกจากบริษัทเก่า แล้วเพิ่งเริ่มทำบริษัทใหม่ของตัวเอง ก็มีผลิตภัณฑ์นี้ติดต่อมา ทางทีมก็ได้เช็กทั้งหมดแล้ว ว่าผ่านการรับรองจากหน่วยงานรัฐ และผ่านอย. แล้ว แล้วก็เช็กถึงบริษัทว่ามีทุนจดทะเบียนเท่าไหร่ ข้อมูลถูกต้องตามกฎหมายไหม เช็กมาเรียบร้อยแล้ว”

ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดข้น ลั่นทีมงานปรับตัวแก้สคริปต์ อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงก็ตัดทิ้ง
“ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และรู้สึกไม่สบายใจเลยจริงๆ ตัวพีเองจะทราบข้อมูลโปรดักส์อย่างเดียวเลย กิจกรรมภายในบริษัท กลยุทธ์การตลาด การขายต่างๆ พีไม่รู้เลย ถามว่าวันแถลงเขามีระบุว่าไหมว่าต้องพูดอะไรบนเวที ก็มีครับ แต่พีจะขายแต่โปรดักส์ที่เป็นพรีเซ็นเตอร์เท่านั้น ส่วนเรื่องปรับแก้สคริปต์ ก็จะมีทีมงานปรับแก้ให้ทั้งหมดอยู่แล้ว คืออะไรที่มันมีการอวดอ้างสรรพคุณเกินจริงหรือมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่พีต้องการพรีเซนต์โปรดักส์ พีก็จะตัดทิ้งทั้งหมด คือก่อนจะมาถึงพี ทีมงานกรองให้หมดแล้วครับ”

โอดไม่น่าคบหา “บอสพอล” ไม่ค่อยคุยด้วย
“ในสัญญาระบุว่าเป็นพรีเซ็นเตอร์ ก็จะแบ่งจ่าย 2 งวดครับ ไม่ได้มีว่ายอดขายเท่าไหร่จะได้เพิ่ม ได้เป็นค่าแบบโฆษณาในการโฆษณาสินค้า ซึ่งสัญญาก็หมดไปเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2566 กับตัวคุณพอล พีไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว เขาเป็นผู้ว่าจ้างพีมารับงานโฆษณาอันนี้ พีรู้จักกันในการทำงานนี่แหละครับ เจอกัน 3 วันใน 1 ปีนั้นเลย ตอนเจอเขาเขาก็ไม่ค่อยพูดอะไรกับหนูนะ หนูอาจจะไม่น่าคบหรือเปล่า เขาไม่เคยชวนไปร่วมลงทุนอะไรเลย เขาไม่ค่อยได้คุยอะไรกับหนู

วันนี้ร้อนใจออกมาเพราะเป็นห่วงความรู้สึกของแฟนๆ และเป็นห่วงผู้เสียหายทุกคนมากกว่า ไม่อยากให้ทุกคนเข้าใจผิด อยากมาชี้แจงให้ทราบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคืออะไร ยินดีให้ความร่วมมือทุกๆ อย่างเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเอกสารทางการเงินและตัวสัญญา

1 ปีที่เป็นพรีเซ็นเตอร์มา ส่วนตัวพีไม่ได้รับฟีดแบ็กปัญหาอะไร พีไม่รู้ ไม่ได้ทราบ ไม่ได้มีส่วนตัวมาหา หรืออาจจะมีแต่พีอาจจะไม่ได้เห็น เพราะเราเองไม่ได้อ่าน คือมันผ่านมาปีครึ่งแล้วด้วย ถ้ามีทางทีมอาจจะต้องแจ้งผ่านทางบริษัทไป แล้วบริษัทจะแจ้งกลับมาหาพีอยู่แล้ว แต่เท่าที่พีรู้คือไม่มี สิ่งที่ดีที่สุดที่ทำได้ในตอนนี้ คือให้ความร่วมมือทางกฎหมาย ถ้าอยากได้ข้อมูลอะไรต่างๆ จากตังพี พีสามารถให้ได้และยินดีมากๆ ด้วย

จริงๆ ทุกครั้งที่พีรับพรีเซ็นเตอร์ อย่างแรกเลยคือพีชอบ และพีโอเคกับสินค้านั้นๆ แล้วก็ไปเช็กตามระบบกฎหมายทั้งหมดตามที่บอก แล้วถ้าสมมติตังพีโอเค แล้วมันตรงกับความชอบ พีก็จะรับสิ่งนั้น ส่วนในเรื่องความระมัดระวังก็คงมากขึ้น หลังจากนี้บริษัทคงรัดกุมมากขึ้น และเลือกรับงานที่เราอาจจะลงไปดูดีเทลกับสิ่งนี้มากขึ้นด้วย

ถามว่ามีเอ๊ะหรือสงสัยอะไรในตัวผลิตภัณฑ์หรือตัวโครงสร้างไหม คือทางตัวบริษัทเอง พีไม่ได้รับรู้อะไรเลย จริงๆ พีเองพรีเซนต์สินค้าจริงๆ อะไรไม่ได้เกี่ยวกับโปรดักส์ก็จะไม่พูดถึง จะไม่พรีเซนต์สิ่งนั้นเลย อันนี้คืออยู่ในข้อสัญญาอยู่แล้ว”

บี ผู้จัดการ : “จริงๆ ที่เขาให้พูดคุณสมบัติของสินค้าคือตามงานวิจัย ตามเอกสารหมดเลย เราไม่ได้แก้ส่วนนั้น แต่มันมีบ้างที่ให้อวยผู้บริหาร เราก็รู้สึกว่าอันนั้นเราขอพูดอยู่บนพื้นฐานความเป็นตัวน้องแล้วกันนะ แค่นั้นค่ะ ส่วนเรื่องธุรกิจโครงสร้างอะไร พีพีไม่เคยมีการพูดถึงสิ่งนี้ เราเลยไม่ต้องปรับแก้”

เผยมีปรึกษา “บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล” อีกฝ่ายให้กำลังใจบอกสู้ๆ
พีพี : “(หัวเราะ) จริงๆ ก็มีทางทีมคุย พี่ (หัวเราะเขิน) แป๊บนึงขอโทษ คือก็มีปรึกษาครับ มีคุยกันตลอด เขาก็เป็นห่วง เราจะออกมาชี้แจงอันนี้ บิวกิ้นก็ได้คุยครับ เขาก็ตามใจพีนี่แหละครับ เป็นพีเองที่รู้สึกไม่สบายใจมากกว่า พีอยากออกมาชี้แจงเรื่องนี้จริงๆ บิวกิ้นเขาก็ให้กำลังใจบอกสู้ๆ เราก็บอกว่าขอบคุณครับ

ถามว่าตอนนี้มีฟีดแบ็กอะไรแรงๆ มาถึงพีไหม จะเป็นรวมๆ มากกว่า ตรงๆ อาจจะไม่มี อาจจะเป็นการพูดถึงดาราศิลปินตามคอมเมนต์ต่างๆ จริงๆ สิ่งที่พีรู้สึกไม่สบายใจจริงๆ ในคอมเมนต์ คือการที่เขาพูดว่าดาราศิลปิน ตั้งใจมาทำให้คนเชื่อถือหรือว่าตาม จริงๆ ทุกงานพีตั้งใจทำจริงๆ พีทำด้วยความรักจริงๆ

วันนี้มีผู้เสียหายค่อนข้างเยอะ ก็รู้สึกเสียใจครับ จริงๆ เหตุการณ์นี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับคนรอบตัว คนที่เรารัก หรือใครก็ตาม พีรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่พีต้องระมัดระวังมากขึ้น ในการรับงานครั้งหน้า ไม่เคยคิดอยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น จริงๆ พีไม่สามารถเข้าไปดูกิจกรรมบริษัทของเขาได้เลย พีมีหน้าที่พรีเซนต์แต่ตัวโปรดักส์ตามสัญญา

ไม่อยากให้มองว่าศิลปินตั้งใจหลอกให้ซื้อสินค้า เพราะตนตั้งใจทำงานจริงๆ ทำด้วยความรัก
“ในการออกมาเทคแอ็กชั่นวันนี้ จริงๆ ไม่มีใครกดดันพี มีแต่พีกดดันตัวเอง คือถ้าช่วยเหลือสังคมได้ส่วนเล็กๆ พีก็อยากจะทำครับ พีไม่อยากให้คนมองว่าศิลปินตั้งใจมาหลอกให้ซื้อสินค้า สำหรับตัวพีพีตั้งใจทำงานทุกงาน พีทำงานด้วยความรัก พอมีคนได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้ พีก็รู้สึกเสียใจจริงๆ ไม่รู้จะพูดยังไงเลย พีไม่ได้อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับแฟนๆ พีอยู่แล้ว

หลังหมดสัญญาไม่ได้ติดต่อกับบริษัทอีกเลยครับ คือไม่ต่อสัญญาด้วย ไม่ได้ติดต่ออะไรเลย ถามว่าทำไมไม่ต่อสัญญา คือเขาไม่ติดหนูมา วันนี้ได้แถลงข่าวแล้วก็สบายใจนะครับ ออกมาพูดตรงนี้ประเด็นหลักคืออยากจะมาช่วยเหลือและยินดีความร่วมมือทั้งหมด (ฝากบอกอะไรบิวกิ้นไหม?) ฝากบอกบิวกิ้นว่าเธอไม่ต้องห่วงทางนี้ ตั้งใจเรียนไป”












กำลังโหลดความคิดเห็น