xs
xsm
sm
md
lg

รถไฟฟ้า "เหลือง-ชมพู" ออกแบบใหม่ "ล้อ-รางจ่ายไฟ" จ่อเปลี่ยนยกชุดเพิ่มระบบล็อกกันหลุดซ้ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



รถไฟฟ้า "เหลือง-ชมพู" ออกแบบใหม่“ล้อประคองและรางจ่ายไฟฟ้า” เตรียมเปลี่ยนยกชุดอัสตรอมดีไซน์เพิ่มระบบล็อก 2ชั้นเตือนก่อนหลุดเตรียมทดสอบขบวนจริงเริ่มทยอยเปลี่ยนต้นปี68 ส่วนรางจ่ายไฟปรับตัดระยะให้สั้นป้องกันหากถูกเกี่ยวหลุดจะไม่กระทบทางยาวเกินไป

นายสุรพงษ์เลาหะอัญญากรรมการผู้อำนวยการใหญ่บมจ.บีทีเอสกรุ๊ปโฮลดิ้ง (BTS)ในฐานะกรรมการบริษัทนอร์ทเทิร์นบางกอกโมโนเรลจำกัด(NBM)ผู้รับสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและบริษัทอีสเทิร์นบางกอกโมโนเรลจำกัด(EBM)ผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเหลือง เปิดเผยว่าหลังจากเกิดเหตุล้อประคองรถไฟฟ้าสายสีเหลืองหลุดและเหตุรางนำไฟฟ้า(Conductor rail)ที่เป็นรางจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับรถไฟฟ้าสายสีชมพูหลุดร่วงบริษัทได้มีการหารือร่วมกับบริษัทอัลสตอมประเทศไทย(Alstom Thailand)เพื่อแก้ปัญหาในระยะยาวและได้มีการออกแบบล้อประคองและรางจ่ายไฟฟ้าใหม่พร้อมเตรียมแผนทดสอบและทยอยปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้ผู้โดยสาร

ในส่วนของล้อประคองนั้นบริษัทอัลสตอมผู้ผลิตได้มีการศึกษาวิเคราะห์เพื่อแก้ปัญหาในระยะยาวโดยมีการออกแบบชุดล้อใหม่ให้มีตัวล็อกเพิ่มขึ้นอีกชั้นและผ่านการทดสอบที่โรงงานผลิตแล้ว ขณะนี้ได้นำล้อประคองชุดใหม่เข้ามาเพื่อดำเนินการทดสอบกับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง1ขบวนและสีชมพู1ขบวนก่อนเพื่อการเก็บข้อมูลไประยะหนึ่งคาดว่าใช้เวลาประมาณ3เดือนหากผลออกมาเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยครบถ้วนแล้วจะเริ่มทยอยเปลี่ยนล้อประคองชุดใหม่นี้ตั้งแต่ต้นปี2568เป็นต้นไป โดยจะเปลี่ยนรถไฟฟ้าสายสีชมพูจำนวน42ขบวนและสายสีเหลืองจำนวน30ขบวนครบหมดภายในปี2568

“รถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพูจะเป็นโครงการแรกที่ใช้ล้อแบบใหม่ของอัลสตอมที่มีระบบล็อก 2ชั้นซึ่งการปรับเปลี่ยนดังกล่าวอยู่ในระยะความรับผิดชอบของผู้ผลิตที่จะเข้ามาดำเนินการและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดและเนื่องจากระบบโมโนเรลยังถือเป็นของใหม่ของไทยบริษัทจึงได้จ้างอัลสตอมให้เป็นผู้ซ่อมบำรุงต่อไป ซึ่งจะดูแลเรื่องการสต๊อกอะไหล่ด้วย” นายสุรพงษ์กล่าว

ขณะที่ปัจจุบันรถไฟฟ้าสายสีเหลืองยังคงใช้ล้อประคองแบบเดิมแต่ได้ดำเนินการซ่อมบำรุงและเปลี่ยนชุดล้อประคองที่ผลิตในล็อตเดียวกับขบวนที่เกิดเหตุใหม่ทั้งหมดแล้วซึ่งหลังเปลี่ยนการใช้งานก็มีความมั่นใจมากขึ้นแล้วโดยมีการเพิ่มความถี่ในการตรวจเช็ก ตรวจสอบอุปกรณ์ตามที่กรมการขนส่งทางราง(ขร.)และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)ได้เข้ามากำกับดูแล ซึ่งยังไม่พบปัญหาใดๆ

@ออกแบบรางจ่ายไฟฟ้าใหม่เตรียมเปลี่ยนด้วย

ส่วนรางจ่ายไฟฟ้านั้นนายสุรพงษ์กล่าวว่ามีแนวคิดในการปรับเปลี่ยนใหม่เช่นกันซึ่งทางอัลสตรอมได้มีการออกแบบใหม่แล้วจากเดิมที่เป็นรางจ่ายไฟฟ้าความยาวต่อเนื่อง5-6กม.จะปรับให้สั้นลงขณะนี้ออกแบบเสร็จแล้วอยู่ในขั้นตอนการวิเคราะห์และประเมินผลข้อดีข้อเสียรวมถึงค่าใช้จ่าย

กรณีรางจ่ายไฟฟ้าการออกแบบเดิมจะให้รางจ่ายไฟฟ้ามีความยาวมากที่สุดโดยเฉพาะทางตรงเพื่อลดรอยต่อเชื่อมน้อย แต่เมื่อมีปัญหาเกิดการเกี่ยวรั้งรางจะหลุดออกมาตลอดแนวหลาย กม.ทำให้มีผลกระทบต่อการเดินรถ ส่วนการปรับระยะรางให้สั้นลงอาจทำให้มีรอยต่อเชื่อมเพิ่มขึ้นทำให้ต้องเพิ่มการดูแลซ่อมบำรุงมากขึ้นซึ่งตอนนี้ทางอัลสตอมอยู่ระหว่างประเมินและวิเคราะห์ ทางเราอยากเปลี่ยนใหม่แต่ทางผู้ผลิตต้องสรุปข้อดีข้อเสียและค่าใช้จ่ายอีกครั้ง


@ผู้โดยสาร "ชมพู" เฉลี่ยกว่า 7 หมื่นคน/วัน คาดเปิดต่อเข้าเมืองทองฯ อัปอีกหลายหมื่นคน

นายสุรพงษ์กล่าวว่า ปัจจุบันรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี มีผู้โดยสารเฉลี่ยกว่า 7 หมื่นคน/วัน แนวโน้มถือว่าดีขึ้นเรื่อยๆ และคาดว่าเมื่อเปิดให้บริการส่วนต่อขยายเข้าเมืองทองธานีช่วงกลางปี 2568 ผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นอีกหลายหมื่นคน และหากมีกิจกรรมงานในเมืองทองธานีจำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นไปอีก ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ผู้โดยสารเฉลี่ย 4-5 หมื่นคน/วัน แนวโน้มการเติบโตไม่มากนัก

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมผู้โดยสารสายสีเหลืองและสีชมพูยังถือว่าต่ำกว่าคาดการณ์ที่ประเมินไว้กว่า 1 แสนคน/วัน และต่ำกว่าผลการศึกษาที่ รฟม.คาดไว้กว่า 2 แสนคน/วัน ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ทำให้ผู้โดยสารไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เช่น พฤติกรรมการใช้ชีวิต การทำงานที่เปลี่ยนไปหลังเกิดโควิด รวมถึงปัญหารถติดที่ลดลง เช่น ถนนลาดพร้าว มีสะพานข้ามแยกเป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น