จากกรณีที่นายกรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรรายการโหนกระแส ทางไทยทีวีสีช่อง 3 เปิดประเด็นในเฟซบุ๊กว่า “เหล่าแม่ข่ายของบริษัทธุรกิจเครือข่ายดัง เริ่มมีการข่มขู่ไปทั่วกลัวโดนเปิดแผล มีการระดมคนติดแฮชแท็ก เซฟบอส เซฟบริษัทตัวเอง ไม่เซฟผู้เสียบ้างเหรอ?” หลังนายกรรชัยออกมาเปิดเผยว่า มีบริษัทขายตรงบริษัทหนึ่งไปให้ทางตัวแทนเปิดบิล โดยให้เหล่านักแสดงไปเป็นพ่อข่าย แม่ข่าย มีโอกาสคุยกับผู้เสียหายพบว่ามีบางคนถึงขั้นฆ่าตัวตาย เพราะไปซื้อของ จ่ายเงินไปแล้ว บอกว่าขายได้แน่นอน ถึงเวลาขายไม่ได้ ต้องเอาไปเร่ขายเอง กินเอง บางคนได้ยินมาว่าเป็น รปภ. เอาเงินไปซื้อสินค้าเก็บไว้ 200,000 บาท ซื้อเสร็จปรากฎว่า ไปขายก็ไม่ได้ ฆ่าตัวตาย แต่ข่าวเงียบ เรื่องราวที่ส่งเข้ามาไม่ได้นิ่งนอนใจ เก็บรวบรวมข้อมูลอยู่ มีผู้เสียหายเข้ามาคุยหลายคน แล้วบอกไว้เลยว่าเป็นเรื่องใหญ่ ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น
นายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือ แซม ดารานักแสดงรุ่นใหญ่ ที่บริษัทขายตรงดังกล่าวระบุว่า เป็นผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ (CRO) กล่าวในรายการลุยชนข่าว ทางช่อง 8 เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องบริหาร แต่ให้ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์เรื่องสุขภาพ ซึ่งดารานักแสดงมีนายกันต์ กันตถาวร น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือมีน ซึ่งทุกคนไม่ได้เกี่ยวข้อง แต่ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าเท่านั้น ตนรับทราบว่าเรื่องนี้มีคนพูดถึงกันเยอะ ซึ่งดารานักแสดงรวมถึงตนไม่มีใครรู้เรื่องการจัดการขายหรือการันตียอดขาย ถ้าตนหรือเจ้าของการันตีถือว่าผิด แต่ตนไม่แน่ใจว่าเจ้าของการันตียอดขายหรือไม่
"เราก็ไม่ได้รู้เรื่องบริษัทเท่าไหร่ เราก็ทำงานด้วยกัน ยังไม่ครบปี เราก็แค่รู้ว่าเขาขายของออนไลน์ เราก็มีหน้าที่พูดว่าสินค้าตัวนี้ใช้ยังไง ดียังไง เหมาะกับใคร ไม่เหมาะกับใคร กินยังไง ใช้ยังไง ส่วนผสมอะไรบ้าง เพื่อหนึ่ง คนเอาไปใช้เอง หรือสอง คนเอาไปบอกต่อ เมื่อคุณเอาไปขาย ก็มีข้อมูลหรือแมสเซส (ข้อความ) ที่ถูก ส่วนเรื่องการขายของ จะอะไรยังไง อันนี้เราไม่ได้เกี่ยวนะ เป็นเรื่องคนจะซื้อไปใช้เอง หรือคนจะซื้อไปขาย อันนี้ไม่เกี่ยวกับเรา พี่มีหน้าที่แค่นั้น"
"พี่เองหรือมีนเองตอบแทนได้ว่า เราไม่รู้หรอก เพราะว่าเรื่องของการขาย หรือใครไปปิดใคร ใครมียอดเท่าไหร่ เราไม่รู้ เพราะว่ามันไม่เกี่ยวกับเรา เหมือนสินค้าทุกตัว พี่ว่าพรีเซ็นเตอร์ทุกคนก็ไม่รู้เขาขายยังไง แต่พี่เข้าใจนะว่ามันอาจไม่สำเร็จทุกคนหรอก แต่ถ้ามีคนเดือดร้อนมาก ก็น่าจะคุยกันนะ มันไม่น่าจะเป็นเรื่องยากอะไร ส่วนใหญ่ก็จะบอกว่า เอาของไปแล้วมันขายไม่ได้ พี่ก็พูดกับเจ้าของบริษัทแล้วนะ วันนี้เราจะพูดถึงความถูกต้องอย่างเดียวไม่ได้ มันมีความถูกใจด้วยนะ คนมันไม่ถูกใจแน่นอนไม่เกี่ยวกับความถูกต้องหรอก แต่ถ้าไม่ถูกใจเยอะๆ มันมีความเดือดร้อนจำนวนมาก พี่ว่าต้องเปิดการพูดคุยนะ" แซม ยุรนันท์ กล่าว
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า เพจสายดาร์คแต่ละเพจ เช่น อีซ้อขยี้ข่าว ได้เปิดเผยถึงวิธีการของบริษัทขายตรงดังกล่าว เริ่มจากแม่ข่ายจะทำการตลาดหลากหลายวิธี เพื่อชักชวนเข้ามาสมัครคอร์สเรียนออนไลน์ 98 บาท หรือ 99 บาท เช่น การลงโฆษณาผ่านเฟซบุ๊ก หรือ ยิงแอด ซึ่งบางคนยังจัดกิจกรรมออนทัวร์ การแนะนำคนรอบข้าง และการซื้อเวลากลางรายการโทรทัศน์ ซึ่งคอร์สเรียนออนไลน์จะมีการสอนการทำธุรกิจบนออนไลน์
จากนั้นก็ปิดการขายด้วยการเปิดบิลให้สต็อกสินค้า โดยขายฝันต่างๆ นานา ซึ่งหากใครไม่มีทุนก็ขายฝันให้กู้หนี้ยืมสินเพื่อมาลงทุน แต่กลับไม่สามารถขายสินค้าได้ เพราะเป็นสินค้าที่ไม่มีใครรู้จัก จะขายในราคาถูกก็ผิดกฎบริษัท สุดท้ายต้องบริโภคเอง แจกจ่าย หรือทำบุญ ผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้ลูกข่ายเป็นหนี้ บางรายกู้หนี้นอกระบบซึ่งดอกเบี้ยสูง ครอบครัวไม่สนใจ เกิดการหย่าร้างในครอบครัว การเงินขาดสภาพคล่อง ถึงขั้นฆ่าตัวตายก็มี เมื่อขอคืนเงินกับแม่ข่ายกลับถูกปิดปาก แจ้งหน่วยงานไปก็เงียบหาย สุดท้ายยอมรับสภาพเพราะกลัวอิทธิพล
ขณะที่นายบรรจง ชีวมงคลกานต์ พิธีกรข่าวช่องเวิร์คพอยต์ เปิดเผยว่า จำนวนผู้เสียหายที่เสียเงินจากธุรกิจเครือข่ายขายตรง มีไม่น้อยเลย มีสมาชิกเคยไปร้องสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) แต่ สคบ. มีหนังสือตอบกลับว่าไม่ใช่ผู้บริโภค ต้องไปฟ้องเอง พร้อมเผยแพร่หนังสือจาก สคบ. ลงวันที่ 5 ส.ค. 2565 แจ้งผลการร้องทุกข์ กรณีผู้เสียหายสมัครสมาชิก เข้าร่วมธุรกิจสอนยิงแอด แต่ไม่สามารถขายสินค้าได้ ทำให้ได้รับความเดือดร้อน จึงมีความประสงค์ขอคืนสินค้าและขอเงินคืน จำนวน 270,000 บาท สคบ. ได้ตรวจสอบคำร้องทุกข์และข้อมูลตามเอกสารคำร้องทุกข์แล้ว พบว่าได้สมัครสมาชิกและได้รับผลตอบแทนจากกำไรขายปลีกตามข้อตกลงที่ได้สัญญาไว้ กรณีพิพาทจึงเป็นเรื่องระหว่างผู้ประกอบธุรกิจด้วยกัน จึงไม่ใช่ผู้บริโภคตาม พ.ร.บ.ขายตรงและการตลาดแบบตรง ปี 2545 และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ปี 2522 สคบ.จึงไม่สามารถพิจารณาดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ได้ แต่ไม่ตัดสิทธิที่จะไปใช้สิทธิฟ้องร้องดำเนินคดีด้วยตนเอง
แหล่งข่าวจากฝ่ายที่กำลังรวบรวมผู้เสียหายจากบริษัทขายตรงชื่อดัง เปิดเผยกับทีมงาน Sondhi X ว่า กรณีดังกล่าวขึ้นอยู่กับว่าผู้เสียหายเป็นลูกข่ายของแม่ข่ายคนไหน เพราะบริษัทขายตรงดังกล่าว แบ่งกันทำการตลาดออกเป็นหลายทีม แต่ละทีมจะทำการตลาดในลักษณะทั้งที่เหมือนกันและแตกต่างกัน อาจต้องเรียกร้องให้สำนักนายกรัฐมนตรี เข้ามาตรวจสอบ เพราะมีเรื่องการใช้หลักกฎหมายปิดปากลูกข่ายแต่ละคนไว้ตั้งแต่เป็นสมาชิก
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มอบหมายให้ รอง ผบ.ตร. ดูแลเรื่องนี้โดยตรงแล้ว