xs
xsm
sm
md
lg

ทุจริต-ขายชาติ เงื่อนไขต้องไล่รัฐบาล !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


น.ส.แพทองธาร ชินวัตร - ทักษิณ ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

จะเรียกว่าออกอาการหวั่นไหว สำหรับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลังจากที่เธอเข้าใจว่าจะมีรายการเดินขบวนขับไล่ให้พ้นจากตำแหน่งในเร็วๆ นี้ โดยเธอพยายามโอดครวญว่า “อย่าเพิ่งไล่เลย” เพราะเข้ามาบริหารบ้านเมืองได้แค่ไม่ถึงหนึ่งเดือน รวมทั้งมองว่าสาเหตุหนึ่งที่มีการต่อต้านอาจเป็นเพราะนามสกุลชินวัตร หรือเปล่า

อย่างไรก็ดี สิ่งที่เธอพูดหรือต้องการสื่อสารออกไปนั้นก็ทำให้มองว่าอาจมี “เจตนา” บางอย่าง หรืออาจฟังรายงานจากคนใกล้ตัวผิดเพี้ยน จนทำให้พูดแบบนั้นออกมาก็เป็นไปได้เหมือนกัน

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้กล่าวในรายการ “ความจริงมีหนึ่งเดียว” ที่หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ทำนองเตือนให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บริหารบ้านเมืองให้ดี อย่าทำผิดพลาด ซ้ำรอยอดีต โดยเฉพาะอย่าให้เกิดการทุจริต หาผลประโยชน์ให้กับเครือข่ายของตัวเอง มีพฤติกรรมขายชาติ ทำให้เสียประโยชน์ เช่น กรณีเสียดินแดนเรื่องเกาะกูด และพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ที่ นายสนธิ ตั้งข้อสังเกตว่าที่ผ่านมา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบิดาของนายกรัฐมนตรี มีความสนิทสนมและมีการเจรจากับ นายฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นบิดาของ นายฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบัน

นอกจากนี้ นายสนธิ ยังย้ำว่าจะติดตามการทำงานของรัฐบาล ในสองสามเรื่องสำคัญ เช่น คดีที่เขาถูกลอบสังหารเมื่อ 12 ปีก่อน และจนบัดนี้คดีไม่มีความคืบหน้า โดยย้ำว่าไม่เกินสิ้นปีนี้จะไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เร่งรัดคดีก่อนหมดอายุความ เรื่องต่อไปคือ เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาการทะลักเข้ามาของผู้หลบหนีเข้าเมือง รวมไปถึงผู้ลี้ภัยชาวพม่าที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทยจำนวนมาก จนสร้างปัญหามากมาย ทั้งด้านความมั่นคง และเศรษฐกิจ โดยให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด จริงจัง และอีกเรื่องก็คือหากมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400 บาท ต้องใช้บังคับกับคนไทยเท่านั้น ไม่ใช่ครอบคลุมไปถึงแรงงานต่างด้าว ที่มีเรตการจ้างงานของโรงงาน และนายจ้างอยู่แล้ว

“ถ้ามีพฤติกรรมแบบนี้ ผมขอลงถนนออกมาไล่ท่าน แต่ท่านนายกฯครับ ผมไม่ได้บอกว่าทันที ผมจะรอจนถึงปีหน้า ผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว ผมเป็นคนมีเหตุผล ท่านอาจได้รับการเสี้ยมสอนให้พูดจาแบบนี้ เพื่อทำให้ผมถูกมองว่าเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก เข้ามาทำงานแค่หนึ่งเดือนเท่านั้นเอง น่าสงสาร ขอให้ท่านนายกฯ ไปฟังคำพูดของผมให้ดี ผมบอกว่าไม่ใช่ตอนนี้ อาจเป็นปีหน้า ต้นปี กลางปี หรือปลายปี ขึ้นอยู่กับการกระทำของท่านนายกฯว่าทำงานเพื่อชาติหรือเปล่า หรือถ้ารักพ่อมากกว่ารักชาติ และที่สำคัญ ท่านต้องไม่ขายชาติ ไม่ยกเกาะกูดให้เขมร เพื่อแลกกับสิทธิในการขุดน้ำมันด้วยกัน เพราะไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อนแต่เป็นพื้นที่ของไทย เรื่องแบบนี้ผมยอมไม่ได้”

นั่นคือ คำพูดของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่เตือนดังๆ ถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ว่าอย่าทำสองสามเรื่องดังกล่าว คืออย่าทุจริตเอื้อพวกพ้อง อย่าขายชาติ ยกเกาะกูดให้กัมพูชา เพื่อแลกกับผลประโยชน์ในการขุดเจาะน้ำมันในพื้นที่พยายามอ้างว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน ทั้งที่เป็นพื้นที่ของไทยทั้งหมด และที่ผ่านมาตั้งแต่ยุคนายทักษิณ ชินวัตร เจรจากับกัมพูชาเพื่อหาประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นที่ดังกล่าวมาตลอด

แน่นอนว่าหากพิจารณาคำพูดและความหมายของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่สื่อออกมานั้นจะว่าไปแล้วก็เป็นหลักการทั่วไปอยู่แล้ว เพราะหากรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรี มีพฤติกรรมทุจริต ขายชาติ ไม่รักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชน เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง มันก็เป็นเงื่อนไขปกติที่จะต้องถูกขับไล่ให้พ้นไปอยู่แล้ว เพราะทุกเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และคนไทยรับไม่ได้

อีกทั้งหากย้อนอดีตกลับไป เมื่อใดก็ตามที่รัฐบาลหรือตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมีพฤติกรรมทุจริต เอื้อพวกพ้อง สร้างความเสียหายให้บ้านเมือง ใช้อำนาจมิชอบแบบโจ่งครึ่ม มันก็ไปไม่รอดอยู่แล้ว ที่ผ่านมาก็มีบทเรียนให้เห็นมาแล้ว ตั้งแต่สมัยพ่อคือ นายทักษิณ ชินวัตร มาถึงอา คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขึ้นอยู่กับว่ารุ่นลูก อย่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะเดินซ้ำรอยอีกหรือเปล่า

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากคำพูดข้างต้น อาจมาจากได้เห็นสัญญาณบางอย่างที่ผิดปกติ โดยเฉพาะพฤติกรรม “ขายชาติ” กรณีเจรจาในพื้นที่ของไทย แต่อ้างว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเสียดินแดนคือ “เกาะกูด” ให้กับฝ่ายกัมพูชาไปในที่สุด

ขณะเดียวกันยังเป็นการเตือนให้หยุดพฤติกรรมอันมิชอบเหล่านั้นเสียทันที เพราะเรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่องอ่อนไหวและคนไทยส่วนใหญ่รับไม่ได้ ซึ่งนั่นคือคำเตือนดังๆ ออกไปให้รับรู้กันล่วงหน้า ว่าชาวบ้านเขาเฝ้ามองอยู่

แน่นอนว่าสำหรับฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย น่าจะเกิดความหวั่นไหว เนื่องจากเวลานี้กำลังเริ่มมรสุมประดังเข้ามาหลายด้าน ทั้งในเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ปัญหาภัยพิบัติ กำลังพิสูจน์ฝีมือ และภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรี ที่หลายคนยังไม่เชื่อมั่น

ขณะเดียวกันกำลังเจอกับเรื่องร้องเรียนปัญหาสารพัดเรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนแล้วมาจากพฤติกรรมส่วนตัว และผลประโยชน์ของครอบครัวทั้งสิ้น

แต่ถึงอย่างไรสิ่งที่เชื่อว่าทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวก็คงเริ่มรับรู้ว่า อาจถูก “ขับไล่” ในไม่ช้านี้ อีกทางหนึ่งก็ใช้วิธีแก้เกมด้วยการเรียกร้องความเห็นใจ เรียกความสงสาร อ้างว่าเพิ่งเข้ามาเพียงแค่เดือนเดียว “จะไล่แล้วเหรือ” อะไรประมาณนี้ เหมือนกับว่าไม่ให้โอกาสเธอเลย ประมาณนี้

อย่างไรก็ดีในความเป็นจริงแล้ว หากมีความผิดพลาด หรือเกิดการทุจริตที่ชัดเจน เป็นเรื่องใหญ่ แค่วันเดียวก็คงยอมไม่ได้ ดังนั้นเมื่อได้เห็นสัญญาณเตือนแบบนี้ สิ่งที่นายกรัฐมนตรีต้องทำก็คือ หยุดพฤติกรรมที่เข้าเงื่อนไขสำคัญดังกล่าวที่มีการแจ้งไว้ล่วงหน้า ซึ่งน่าจะเตือนไปถึง นายทักษิณ ชินวัตร โดยตรงอีกว่าให้ “หยุด” อย่าทำซ้ำรอยเดิมอีก

ดังนั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของ นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลว่าจะตั้งหน้าตั้งตาบริหารบ้านเมืองไปแบบไหน หากผลออกมาดี ไม่มีเรื่องทุจริต ขายชาติเอื้อประโยชน์พวกพ้อง ก็คงไม่มีใครออกมาขับไล่ หรือหากมีก็คงไม่มีน้ำหนัก ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เท่านั้น แต่คำเตือนดังๆ ได้ออกมาให้ได้ยินแล้ว !!
กำลังโหลดความคิดเห็น