xs
xsm
sm
md
lg

"สนธิ" ลั่นจับตา "อุ๊งอิ๊ง" ทำงาน ห่วงเรื่องคอรัปชัน-พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เตือนเป็นตัวของตัวเอง อย่าให้พ่อครอบงำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันนี้ (2 ต.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง ทาง ยูทูป Sondhitalk ถึงกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่าไม่พร้อมจะมีเรื่อง อย่าเพิ่งลงถนนไล่ เพราะทำงานได้เดือนเดียว พร้อมคุยทุกภาคส่วนเพื่อให้ประเทศสงบสุข ว่า ต้องใช้สติปัญญาพิจารณาข้อความ อย่าไปให้นักข่าวถามหรือคนใกล้ชิดใส่ร้ายป้ายสี ตนประกาศว่ามี 3 เรื่องที่จะทำ คือ

1. ขอความเป็นธรรมกรณีถูกลอบสังหารเมื่อ 17 เม.ย. 2552 บาดเจ็บสาหัส แต่คดีไม่คืบหน้าทั้งที่จะขาดอายุความ

2. ร้องเรียนเรื่องผู้ลี้ภัยชาวพม่าเข้ามาจำนวนมากปรากฎตัวตามที่ต่างๆ พยายามมีบุตรหลานเพื่อให้ได้สัญชาติไทย ประกอบอาชีพเป็นเจ้าของกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีการตั้งโรงเรียนโดยกลุ่มเอ็นจีโอ ร้องเพลงชาติพม่า ซึ่งเกี่ยวกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นของพรรคภูมิใจไทย

ส่วนข้อ 3. จะติดตามการทำงานของนายกฯ ตลอดเวลา ถ้าทำถูกต้องผมให้กำลังใจ แต่ถ้าทำอะไรไม่ถูกต้อง มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง ขายชาติขายแผ่นดิน ยกเกาะกูดให้กัมพูชา นายกฯ ต้องรู้ว่าตระกูลชินวัตรโดยเฉพาะนายทักษิณ ชินวัตร บิดา มีความสนิทสนมกับสมเด็จฯ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เรื่องเกาะกูดและพื้นที่ทับซ้อนในทะเลมีการคุยกันระหว่างนายทักษิณ สมเด็จฯ ฮุน เซน และสมเด็จฯ ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา

"ถ้านายกฯ ไม่ลงมาจัดการ หรือระมัดระวังตัว แล้วเราต้องยกชาติยกแผ่นดิน ยกพื้นที่ให้กับเขมร ขโมยพื้นที่เกาะกูดไป รวมทั้งฉ้อราษฎร์บังหลวง ช่วยเหลือผู้คนในเครือข่ายตัวเอง ผมบอกว่าถ้ามันเป็นอย่างนี้ ผมจะขอลงถนนเพื่อที่จะไล่ท่าน แต่ผมไม่ได้บอกว่าทันที ผมบอกจะรอจนถึงปีหน้า ผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว ผมเป็นคนมีเหตุผล นายกฯ อาจจะได้รับการเสี้ยมสอนให้พูดจาแบบนี้ เพื่อทำให้ผมดูเป็นผู้ใหญ่ที่รังแกเด็ก นี่คือข้อเท็จจริงที่แท้จริง ถ้านายกฯ เข้าใจที่ผมพูดจะเห็นว่าผมไม่ได้ใส่รองเท้าผ้าใบแล้วบอกว่าไปไล่นายกฯ ไม่ใช่" นายสนธิ กล่าว

นายสนธิยังกล่าวฝากไปยังคนรอบตัวนายกฯ ว่า นับตั้งแต่ที่ น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ วันแรกถึงวันนี้ ไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์นายกฯ แม้แต่นิดเดียว แต่มีลูกน้องคือ นายวิม รุ่งวัฒนจินดา ติดต่อมาที่หลานตนว่า ขอร้องให้แก้พาดหัวข่าว เพราะมีคอลัมน์ประจำของนายสุรวิชช์ วีรวรรณ พาดหัวข่าวว่า "นายกฯ ฟันน้ำนม" นายกฯ ควันออกหู โกรธคำพาดหัว นายวิมจึงวิ่งเต้นมาหาหลานของตน ตนจึงคิดในใจ ช่างมัน เปลี่ยนพาดหัวข่าว ไม่เป็นไร นายวิมเข้ามาแทรกแซงการทำงานสื่อมวลชน

"จะบอกเป็นครั้งสุดท้ายว่า นายกฯ ต้องรู้ว่า จากวันนั้นถึงวันนี้ตนไม่เคยพูดถึงเลย แต่มาถึงวันนี้ต้องพูดแล้ว เพราะลูกน้องรอบตัวทะลึ่ง ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด เอาเรื่องที่ผมพูดอย่างหนึ่ง แปลความอีกอย่างหนึ่ง นายกฯ สังเกตไหมว่าผมแทบจะไม่ได้พูดถึงพ่อของท่านเลย เพราะเป็นที่รู้กันอยู่แล้ว นายกฯ ครอบครัว และคนใกล้ชิด ถ้าไม่โกหกตัวเองย่อมรู้ว่าพ่อ คือนายทักษิณคดโกงในการติดคุก ไม่ได้ไม่สบายจริง แต่ไม่ต้องการเข้าไปอยู่ในคุก เพียงเพราะเคยลั่นวาจาว่าวันหนึ่งเขาไม่ยอมติดคุก"

"ท่านต้องรู้ว่าเรื่องนี้คุณพ่อท่านผิด แต่เนื่องจากช่วยไม่ได้ ลูกก็ต้องรักพ่อ เป็นลูกคนเล็กคนสุดท้องพ่อแม่ก็รัก แต่ที่ไม่พูดเพราะโจทก์เรื่องนี้มีเยอะแยะ ผมไม่สนใจเพราะผมคิดว่าพ่อคุณต้องรับเวรกรรมนี้จนตาย นายกฯ ช่วยถามพ่อหน่อยว่า มีเงินแสนล้าน สองแสนล้าน มีอำนาจ หนีกรรมพ้นไหม ก็หนีไม่พ้น กรรมค่อยๆ ไล่ล่าทีละสเตป ผมไม่ต้องเข้าไปยุ่งเลย เพราะมีโจทก์แล้วเยอะแยะไปหมด ผมไม่อยากเข้าไปให้มันวุ่นวาย เพราะรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นกระบวนการที่พ่อนายกฯ ถนัดเรื่องนี้" นายสนธิ กล่าว



นายสนธิ กล่าวว่า ตอนแรกที่นายทักษิณจะกลับมา มีคนใกล้ชิดถามว่าทักษิณจะต้องทำยังไงถ้าอยากกลับเมืองไทย ผมตอบว่า ก็กลับมาติดคุกสิ เชื่อว่าด้วยบารมีนายทักษิณจะได้รับพระราชทานอภัยโทษ ส่วนจะได้รับหมดหรือไม่ ตนไม่รู้ แต่ต้องเข้ามาติดคุกก่อน ไม่มีทางเลือกอื่น ก็กลับมาจริง ติดคุกจริง แต่ 18 ชั่วโมง ได้รับพระราชทานอภัยโทษจริงแต่ติ่งแค่ 1 ปี ไม่ใช่ได้รับหมด 1 ปีตรงนี้ที่ทำให้เกิดเรื่องราวขึ้นมา ผมบอกว่าทำไมต้องหาเรื่อง หาเหาใส่ตัว เพราะถ้าระดับพ่อนายกฯ ต้องมาติดคุก ถ้าอายุเกิน 70 ปี ก็ไปอยู่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้ เขาจัดที่ทางให้พิเศษอยู่แล้ว มีบริการให้เป็นกรณีพิเศษ

ตนเคยติดคุก 2 ปี 11 เดือน 27 วัน พ่อของนายกฯ จะอยู่สบายมากกว่าผมร้อยเท่า ทำได้แม้กระทั่งสามารถโทรศัพท์จากข้างในไปหาคนนั้นคนนี้ได้ และใช้อภิสิทธิในการเยี่ยมได้ตลอดเวลาแต่ขอให้ติดคุก พ่อนายกฯ ยังไม่ยอมเลย วันหนึ่งก็ไม่ยอม แล้วปั้นเรื่องราวขึ้นมา ไม่ใช่ผมไม่เคยพูด แล้วพอออกมาวันดีคืนดี หลุดปากออกมาว่า เดี๋ยวจะหาทางให้อาปู (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) กลับมาอีกทีหนึ่ง

"ลำพังพ่อนายกฯ คนเดียวทำสังคมปั่นป่วนวุ่นวายไปหมด ผู้ที่รู้กฎหมาย ผู้ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นผู้พิพากษา อัยการ ทนายความ ทุกคนส่ายหัวกับพ่อของนายกฯ เพราะฉะนั้นจากวันนี้เป็นต้นไป ไม่ควรจะพูดเรื่องหาทางให้อาปูกลับมา อาปูจะกลับมาต้องมาติดคุกจริงๆ และไม่รู้ว่าจะได้รับพระราชทานอภัยโทษหรือเปล่า แต่ถ้าฝีมือของพ่อนายกฯ เขาคงหาทางที่จะทำให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษ แต่ต้องเข้ามาติดคุก" นายสนธิ กล่าว

นายสนธิ กล่าวว่า นายกฯ เข้าใจแล้วใช่ไหมว่า ผมไม่ได้ใส่รองเท้าผ้าใบออกมาไล่นายกฯ แต่บอกว่าจะจับตาการทำงาน ไปฟังคำพูด ผมบอกไม่ใช่ตอนนี้ อาจจะเป็นปีหน้า ต้นปี กลางปี ปลายปี ขึ้นอยู่กับการกระทำของนายกฯ ที่ผมต้องการคือต้องทำงานเพื่อชาติ เพื่อส่วนรวม สามารถจะทิ้งทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง พ่อ แม่ พี่ คนใกล้ชิด ถ้าทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองจริงๆ จะล้างบาปให้พ่อ แต่ถ้ายังรักพ่อมากกว่ารักชาติ ผมก็ไม่ประหลาดใจ ทิศทางน่าจะไปทางด้านนั้น

แต่บอกแล้วหลายเรื่อง การคอรัปชัน ความไม่โปร่งใสในการทำงาน ประชาชนไม่ได้รับความยุติธรรมที่ควรจะได้รับ เหมือนผมโดนยิงไปแล้ว 12 ปีไม่ได้รับความยุติธรรม กำลังจะทดสอบว่าจะหาความยุติธรรมให้ผมได้หรือเปล่า เพราะเรื่องราวไม่ไปไหน แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือ ต้องไม่ขายชาติ ไม่ยกเกาะกูดให้กัมพูชาเพื่อแลกกับสิทธิในการขุดน้ำมันพื้นที่ทับซ้อนในทะเล ชอบพูดนักว่าที่เท่าแมวดิ้นตายมาทะเลาะ ไม่ใช่ปัญหาทะเลาะ ปัญหาคือ กัมพูชายอมรับว่าเป็นที่ของไทย ไม่รุกเข้ามา เมื่อยอมรับแล้วการเจรจาเพื่อลงทุนร่วมกันในที่ดินนั้นย่อมเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่ตัดให้กัมพูชาเพื่อให้กัมพูชามีสิทธิ เป็นสิ่งที่ยอมให้ไม่ได้

พรรคพลังประชารัฐเริ่มแถลงข่าวเสนอให้ยกเลิก MOU 2524 เป็นตลกร้ายเพราะผมต่อสู้เพื่อยกเลิก MOU 2524 มาตั้งแต่สมัยพันธมิตรฯ เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว คนที่หนุนหลังไม่ยอมยกเลิก คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แต่วันนี้ พล.อ.ประวิตรไม่ถูกกับพ่อนายกฯ และเห็นว่าพ่อนายกฯ กำลังเจรจากับสมเด็จฯ ฮุนเซนอยู่ ก็เลยหาเรื่องนี้มายัน พวกนี้มีวาระซ่อนเร้นทั้งนั้น แต่ผมไม่มี

นายสนธิ กล่าวว่า นายกฯ ขึ้นมาคราวนี้ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร แม่ไม่ต้องการให้เป็น พูดกับคนใกล้ชิดขอร้องว่าอย่าเอาอุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ แต่ปรากฎว่าพ่อนายกฯ ต้องการให้เป็นแต่ก็ขัดแม่ไม่ได้ ทั้งสองคนผัวเมียเลยให้ลูกสาวตัดสินใจ ใช่หรือเปล่า อย่าโกหก นายกฯ ตัดสินใจคืนหนึ่ง ตอนเช้าเลยแจ้งให้แม่ทราบว่า หนูอยากเป็นนายกฯ เข้าใจใช่ไหมว่า หนูอยากเป็นนายกฯ ไม่ใช่แค่คำพูด แต่ต้องตามด้วยการกระทำ นายกฯ ที่แท้จริงต้องทำอย่างไรบ้าง

"เมื่อนายกฯ ตัดสินใจจะก้าวเข้าสู่สนามสงครามแล้ว นายกฯ ต้องยอมรับหอกดาบง้าวกระสุนปืนที่ถั่งโถม นายกฯ ต้องเข้มแข็ง อดทน อย่าควันออกหู เพียงเพราะหนังสือพิมพ์ คอลัมน์ประจำพาดหัวข่าวว่า นายกฯ ฟันน้ำนม สติแตกเลย นี่ไม่ใช่คุณสมบัติของคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการย้ำคือ ไปใช้ที่ปรีกษานายกฯ ที่พ่อตั้งมาเพื่อประกบท่าน ช่วยเหลือท่าน ถ่ายรูปทีไรต้องมีแถวคน 8 คนยืนอยู่ด้วย มันเป็นอะไร ไม่เป็นตัวของตัวเองเลย"

นายสนธิ กล่าวว่า ให้ทุกคนไปเช็กว่าตั้งแต่ขึ้นเป็นนายกฯ ถึงวันนี้ สนธิ ลิ้มทองกุล เคยพูดถึงหรือเปล่า ไม่เคย เพราะเห็นใจอยากให้นายกฯ ทำงาน แสดงผลงานออกมา ที่บอกว่ายังไม่ทันไร แค่เดือนเดียวจะมาไล่ ท่านพูดผิด ผมบอกจะจับตาการทำงาน ถ้านายกฯ เป็นผู้บริหารจริงต้องกล้าหาญ อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ แข็งแรงแต่ไม่แข็งกร้าว ต้องบริหารกระทรวงเป็น ไม่ใช่นายอนุทิน ชาญวีรกูล ไปทะเลาะกับผู้ว่าฯ เชียงราย หรือนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ มีความไม่ชอบมาพากลในบริษัท ท่าอากาศยานไทยฯ ยังมีอีกเยอะ เป็นสิ่งที่นายกฯ ต้องจัดการทำให้เกิดความโปร่งใส

สมัยอดีตนายกฯ เศรษฐา ประชาชนแดกดันเรื่องถุงเท้า ผ้าขาวม้า แต่ทำงานเร็ว ตัดสินใจได้ นายกฯ กล้าตัดสินใจหรือเปล่า น้ำท่วมเชียงรายถ้าเป็นอดีตนายกฯ เศรษฐาจบไปนานแล้ว ทุกคนรู้ว่านายกฯ คุณหญิงพจมาน นายทักษิณรวย อย่าลืมตัวว่าเป็นนายกฯ ของประเทศไทย ไม่ใช่คนเดินแฟชั่นโชว์ การที่พ่อเลือกเพราะไม่เคยไว้ใจใครเลยแม้แต่นิดเดียว นายกฯ มีลูกสองคน รักลูก คิดถึงลูก ถ้าอยากใช้ชีวิตวันเสาร์-อาทิตย์ ไม่ผิด ถ้าอย่างนั้นอย่าเป็นนายกฯ เพราะปัญหาชาติบ้านเมืองไม่มีวันหยุด ต้องรู้จักตัวเองว่าสวมหมวกอะไรอยู่ในขณะนี้

"รู้ว่าพ่อเป็นห่วง ส่งทีมงานมา ตั้งคณะที่ปรึกษาล้อมรอบ เป็นตัวของตัวเองได้หรือไม่ และการเป็นตัวของตัวเองต้องมีปัญญา ถามว่ามีสติปัญญามากพอที่จะเป็นนายกฯ ได้ไหม ไม่ใช่ผิดพลาดไป บอกค่าเงินบาทแข็งการส่งออกดีขึ้น แต่ผมไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์เลย ผมเฉย คิดในใจว่าคงไม่รู้ ไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐศาสตร์ น่าเห็นใจ หมดยุคแล้วไปที่ไหนต้องจัดอีเวนต์ ให้ทุกอย่างเป็นศูนย์กลาง จำไม่ได้เหรอไปผัดอะไรแล้วไม่เปิดเตาแก๊ส ทุกคนพยายามโปรโมตนายกฯ วันนี้ภูมิใจแล้วใช่ไหมที่บอกว่าอุ๊งอิ๊งเหมาะเป็นนายกฯ อย่าเพิ่งดีใจ เขาเชียร์เพราะแจกเงิน ต้องรู้นิสัยคนไทยเป็นแบบนี้ พ่อรู้ดีถึงเอาเงินทองไปให้เขา ทำให้พรรคเพื่อไทยมีชื่อเสียง"

นายสนธิ กล่าวว่า นายกฯ ยอมรับใช่ไหมว่าที่คนเชียร์เพราะงานที่อดีตนายกฯ เศรษฐาทำเอาไว้ ทั้งเงินดิจิทัล 10,000 บาท เป็นงานที่ทำตลอด แล้วได้ใช้ตอนที่นายกฯ ขึ้นมา ผมเป็นคนมีเหตุผล ไม่ใช่นักเลงหัวไม้ ไม่รังแกคน แต่ไม่ยอมให้ใครรังแกผม ไม่ต้องกังวล ทำงานไป ตรวจสอบความไม่ชอบมาพากล และถามว่านายกฯ ตั้งใจทำงานเพื่อชาติจริงๆ ทำได้หรือเปล่า ต้องบอกพ่อว่า ขอทำงานเพื่อส่วนรวมได้ไหม อย่ามายุ่งการทำงาน พ่อหาคนมาแนะนำได้แต่อย่าสอดแทรกอะไรให้หนูทำ เป้าหมายต้องการให้ประเทศชาติไปรอด เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง ถือว่าทำงานสำเร็จแล้ว

ที่สำคัญอย่าลืมตัว เมื่อตัดสินใจเข้าสู่สงครามด้วยตัวเอง ถ้ารับไม่ไหวก็ถอยออกมา แต่ถ้าเข้าไปแล้วต้องสู้ ไม่ใช่โอดครวญบนพิ้นฐานที่ไม่เป็นความจริง บอกเพิ่งทำงานได้เดือนเดียวนายสนธิอย่าเพิ่งลงถนนไล่ นายกฯ โกหก ถ้าอ่านที่ผมพูด เอาข้อความที่ผมพูดไป ผมทำ 3 เรื่องเท่านั้น ถ้าทำงานไม่โปร่งใส ปล่อยให้การทุจริตเกิดขึ้นทั่วทุกแห่งจากรัฐบาล ขายชาติบ้านเมือง ยกแผ่นดินให้กัมพูชา เมื่อนั้นเจอกันบนถนน เพราะไม่มีอะไรจะเสีย ความเป็นความตาย โดนยิง 200 นัดก็ผ่านมาแล้ว คุกตะรางก็ติดมาแล้ว ถ้านายกฯ ยังเป็นเด็ก คงไม่รู้ว่าที่ไล่พ่อนายกฯ เพราะเรื่องอะไร เพราะพ่อนายกฯ กลับคำพูด สัญญาไม่เป็นสัญญา

"พ่อนายกฯ เคยกินก๋วยเตี๋ยวกับผม ผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ นั่งศาลานอกบ้าน พ่อนายกฯ พูดว่าผมจะเล่นการเมือง ผมรวยแล้วไม่ต้องการอะไร คุณสนธิช่วยผมได้ไหม ผมบอกคุณทักษิณ ถ้ารวยแล้วเล่นการเมือง ผมยินดีช่วยเต็มที่ เวลาผ่านไปไม่นาน พ่อนายกฯ ก็เปลี่ยนทุกอย่าง นี่ผมพูดตามประสบการณ์จริงที่เจอ จตุพร พรหมพันธุ์มาว่าพ่อ เขาว่าไม่ผิด เพราะสิ่งที่จตุพรพูดคือนิสัยพ่อนายกฯ เป็นอย่างนั้นจริงๆ นายกฯ อย่าโกรธผม ผมใช้ธรรมนำหน้า ธรรมคือความจริง ผมไม่ได้คิดที่จะออกมาไล่วันนี้พรุ่งนี้ ผมเป็นผู้ใหญ่ ผมมีเหตุผล นายกฯ ต้องกระทำอะไรที่ผิดพลาดมากขึ้นแล้วไม่แก้ไข สั่งสมมาเรื่อยๆ กระทั่งสังคมเริ่มรับไม่ได้ ต้องการมีคนนำ ผมจะนำเอง"

นายสนธิ กล่าวว่า วันที่ออกมาไล่พ่อนายกฯ ตนไปหาหลวงตามหาบัว บอกว่าผมจะออกมาไล่ทักษิณ ชินวัตร หลวงตาบอกว่า ทักษิณเหมือนแขนขวาเรา สนธิเหมือนแขนซ้ายเรา ถ้าแขนไหนมันเน่าก็ต้องตัดทิ้ง นายกฯ เป็นคนรุ่นใหม่ อาจไม่เข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรม ผมอายุ 78 ปี แก่กว่าพ่อนายกฯ 2 ปี โดยวัยวุฒิต้องเป็นลุง แต่ผมไม่กล้าไปนับญาติ ผมอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ถ้าเป็นเรื่องชาติบ้านเมืองผมไม่เจียมเนื้อเจียมตัว ผม 78 แล้ว ผมตายเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ถ้าจะตายทั้งทีให้ลือลั่นไปทั่วในประวัติศาสตร์

ให้รู้ด้วยว่าถ้าผมประท้วงในอนาคต ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง ไม่ต้องไปหาว่าจะเป็นทหารคนไหน ไม่มี ผมไม่ใช่สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำ กปปส. ที่มีกองทัพอยู่ข้างหลัง ทหารยิงผม ศาลจำคุกผม ผมตัวคนเดียว แต่มีประชาชนที่รักความเป็นธรรม ที่รักผม และรู้ว่าผมทำงานไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่ทำงานให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จริงๆ วันที่สู้กับพ่อนายกฯ ผมบอกกับทุกคนว่า ถ้ามีกูคนเดียวกูก็จะไป เพราะกูเชื่อของกูอย่างนี้

"ถ้าผมจำเป็นต้องประท้วงนายกฯ ในอนาคตข้างหน้าซึ่งผมไม่รู้เมื่อไหร่ สุดแล้วแต่การกระทำของนายกฯ ผมมีทางเลือกอยู่ทางเดียว ผมต้องชนะ ไม่งั้นผมยอมตาย" นายสนธิ กล่าว

ในตอนท้าย นายสนธิ กล่าวว่า ในช่วงที่สู้กับพ่อของนายกฯ ใช้วิธีมารกลั่นแกล้งผมทุกอย่าง บีบบังคับทุกเรื่อง ทุกคนที่อยู่รอบตัวพ่อนายกฯ หวังว่าสิ่งที่พูดเป็นประโยชน์ ถ้านายกฯ เปิดใจรับฟังความเห็นของผม ที่กล่าวจากความจริงในใจ เพราะโดยวัยวุฒิก็เหมือนหลาน แม้จะไม่กล้านับลุงนับหลานก็ตาม แต่แก่กว่าพ่อนายกฯ 2 ปี อีกไม่กี่ปีผมก็จะตายแล้ว นายกฯ ก็ต้องตายสักวัน พ่อนายกฯ ก็ต้องตายสักวันหนึ่ง ถามว่าพ่อนายกฯ ถ้าจะตาย ตายอย่างมีสง่าราศีหรือเปล่า

นายกฯ ต้องกู้ศักดิ์ศรีด้วยการทำความดีให้กับชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่าไปใส่ใจพวกญาติพี่น้อง และกล้าตัดสินใจ กล้าเรียกรัฐมนตรีอย่างนายอนุทิน และนายสุริยะ มาพูดให้ตรวจสอบ ต้องมีความกล้าหาญ นายกฯ มีคนดีที่เก่งกาจและใช้ได้ เช่น นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดีอีเอส กำลังคิดค้นนำเทคโนโลยีปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และให้ตำรวจสอบสวนกลางทดลอง หรือ น.ส.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรฯ ยังไม่มีแผล ต้องสนับสนุนการทำงานให้เต็มที่

"ผมยังไม่ได้ลงถนนไล่ท่าน ท่านไปฟังคำพูดผมดีๆ แล้วคนรอบตัวนายกฯ เอาข้อมูลจริงๆ ให้เขาอ่านได้ไหม อย่าไปมโนใส่หูเขา และนายกฯ ต้องไม่สติแตกง่ายๆ ถ้าตัดสินใจลงเล่นสงครามแล้วต้องพร้อมจะเจ็บ" นายสนธิ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น