xs
xsm
sm
md
lg

โรงงาน-SME ทยอยเจ๊ง เหตุแบงก์ชาติปล่อยบาทแข็งทำสินค้าไทยแพงกว่า จีน เวียดนาม ไต้หวัน 20%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



มีการตั้งข้อสังเกตในช่วงที่ผ่านมาว่าทำไมโรงงานในไทยถึงทยอยปิดตัว ซึ่งต่อมาก็มีคำถามและวิเคราะห์กันโดยระบุว่าสาเหตุหนึ่งน่าจะมาจากการแข็งค่าของเงินบาท

ทั้งนี้มีการระบุว่า การที่ผู้ว่าแบงค์ชาติมาอ้างตลอดบอกว่าจะให้เงินบาท มี ความสัมพันธ์ กับดอลลาร์ หรือมีอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาท กับดอลลาร์ เป็น อัตราเดียวกับ ประเทศ ใหญ่ในเครือข่ายอเมริกาโดยใช้ Dollar index เป็นหลัก ฟังดูแล้วก็มีเหตุมีผลดี ถ้าเราไม่พิจารณาว่าคู่แข่งทางการค้าของเรา คือ พวกที่ไม่ใช่ กลุ่ม ประเทศที่อยู่ในรายการ Dollar Index ประกอบด้วย6 ประเทศได้แก่ยุโรป อังกฤษสวีเดน แคนาดา ญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์


ค่าเงินทำไทยเสียเปรียบคู่แข่งส่งออก
ส่วนประเทศที่เป็นคู่แข่งกับเราโดยตรง -สินค้าเกษตรเรา ได้แก่ประเทศจีนอินเดีย เวียดนาม เขมร
-อุตสาหกรรมหนักเช่นเหล็กก็ได้แก่อินเดียและจีน เกาหลีใต้ Taiwan
-อุตสาหกรรมพลาสติกของไทยคู่แข่งคือจีนอินเดีย Singapore Taiwan เกาหลีใต้
-อุตสาหกรรมปูนและ clinker ของไทยก็คือ จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย
-อุตสาหกรรม รถยนต์แบตเตอรี่ อุปกรณ์เหล็กและเครื่องจักร์ อื่นๆ คู่แข่งของเราก็คือจีน ไต้หวัน เกาหลีใต้ เวียดนาม
สิงคโปร์ อินโดนีเซีย

เมื่อแบงค์ชาติ ปรับอัตราแลกเปลี่ยนให้เท่ากับ กลุ่ม ประเทศทั้ง 6 คือให้เงินบาทแข็งกว่าดอลลาร์ ประมาณ 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ประเทศคู่แข่งทางการค้าส่งออกของไทย ซึ่งไม่ได้อยู่ใน กลุ่ม 6 ประเทศ กลับลดค่าเงินของเขาเมื่อเทียบกับดอลลาร์ 10% สรุปมี handicap อยู่ 20% ทำให้ต้นทุนสินค้าเราสูงกว่า 20% ดังนั้นสินค้าส่งออกไม่มีทางที่จะสู้กับสินค้านอกกลุ่ม 6 ประเทศนี้ได้เลย


แต้มต่อค่าเงินทำโรงงาน-SMEเจ๊ง
การที่สินค้าส่งออกของไทยสูงกว่าประเทศคู่แข่งสำคัญทั้งจีน เวียดนาม อินโด ไต้หวันจึงเป็นเหตุให้โรงงานใหญ่น้อยทยอยกันปิดโรงงานหมด แล้วประเทศจะอยู่ได้ยังไงตอนนี้มันลามมาจนถึงโรงงานใหญ่ๆแล้ว SME ถูกปิดไปแล้วสินค้าเกษตรก็ราคาตกต่ำไปแล้วก็ต่อไปนี้กำลังจะลามโรงงานใหญ่ๆซึ่งโรงงานรถยนต์ก็ปิดไปแล้วโรงเหล็กก็ปิดไปแล้ว


แบงก์ชาติต้องลดแต้มต่อบาทอ่อนสู้คู่แข่ง
ต่อไปอุตสาหกรรมไทยจะอยู่ได้ยังไง ถ้ายังใช้ US Dollar index เป็นหลัก เพราะฉะนั้น แบงค์ชาติ ต้อง อย่างน้อย ควบคุม อัตราแลกเปลี่ยน ให้ 1 ดอลลาร์เท่ากับ 37 บาท ซึ่ง เรายังมี handy cap อยู่ 10% แต่ถ้าจะให้ดีก็ ก็ลดให้เต็ม เท่ากับคู่แข่งเราคือ 20%

ขณะที่เงินบาทเมื่อวันที่(27 ก.ย.) ปิดตลาดที่ระดับ 32.39 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.56 บาทต่อดอลลาร์ โดย เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงเช้า แต่พลิกแข็งค่ากลับลงมาอีกครั้งในช่วงบ่ายตามทิศทางค่าเงินเยนที่ขยับแข็งค่าขึ้นอย่างมาก รับชัยชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของนาบชิเงรุ อิชิบะ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมของญี่ปุ่น
กำลังโหลดความคิดเห็น