บาทแข็งกระตุ้นส่งออก 'แพทองธาร' มึน แต่กลับมาได้
สัปดาห์ก่อนภายหลังธนาคารกลางสหรัฐประกาศลดดอกเบี้ยนโยบาย ปรากฎว่า'แพทองธาร ชินวัตร' นายกรัฐมนตรี เลี่ยงที่จะยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว โดยอ้างว่าได้แบ่งงานรองนายกรัฐมนตรีแล้ว แต่พอสถานการณ์เศรษฐกิจเริ่มเปลี่ยนไป เนื่องจากเงินบาทเริ่มแข็งค่ามากขึ้น ทำให้เมื่อวันที่ 23 กันยายน นายกฯอิ๊งค์ไม่อาจเลี่ยงที่จะแสดงท่าทีได้อีกต่อไป
ทว่าการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของนายกฯในช่วงแรกได้ระบุในทำนองว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น จะเป็นประโยชน์ต่อการส่งออกของประเทศไทยและเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ
"เรื่องของเงินบาทแข็งค่าขึ้นนั้นในข้อเท็จจริงแล้วทำให้เกิดความกังวลในทุกภาคส่วน ซึ่งในส่วนของรัฐบาลเองเราสามารถทำได้ในหลายๆ อย่างเช่น เรื่องของการส่งออก ก็จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจะใช้ข้อดีของค่าเงินบาทที่แข็งค่าในขณะนี้ให้ได้ แต่อีกด้านก็ต้องพูดคุยกัน" ถ้อยคำของนายกฯในรอบแรก
ต่อมาอีกไม่นานนายกฯต้องออกมาแก้ข่าวที่ตัวเองให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้อย่างเร่งด่วน เพราะตามทฤษฎีแล้วค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นไม่ได้เป็นคุณต่อการส่งออกแต่อย่างใด โดยนายกฯแพทองธาร ออกตัวระบุว่า "เมื่อสักครู่ได้ฟังสิ่งที่ให้สัมภาษณ์ไปรู้สึกสับสน เรื่องของเงินบาทพอเงินบาทแข็งการส่งออกจะเป็นปัญหา ทุกคนมีความกังวลใจแต่ที่พูดไปคือ ต้องการให้ใช้ข้อดีเกี่ยวกับเงินบาทแข็งในการนำเข้า โครงการไหนที่จะนำเข้าต้องล็อกตรงนี้ไว้เพื่อเป็นโอกาสในช่วงที่เงินบาทแข็ง ซึ่งก็ต้องแก้ปัญหากันต่อไป กระทรวงการคลังก็ต้องพูดคุยกับธนาคารแห่งประเทศไทย"
ด้าน นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าในสัปดาห์หน้าได้มีการนัดหารือกับนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจ โดยจะมีการพูดคุยกันทั้งเรื่องของกรอบเงินเฟ้อ และค่าเงินบาท ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกันรวมทั้งเรื่องอื่นๆ ที่มีความเชื่อมโยงกัน