xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลเสก “วายุภักษ์หนึ่ง” มั่นคงเทียบเท่าพันธบัตร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วายุภักษ์หนึ่งทลายทุกข้อจำกัดกองทุนรวมคนในกองทุนรวมฟันธงเฉพาะตัววายุภักษ์ น่าสนใจ เพราะไม่มี บลจ.ไหนทำได้ “ธีระชัย” อดีต รมว.คลังแย้งกอง ข. ค้ำกอง ก. อาจขัดกฎหมาย ถูกโต้กลับเป็นไปตามมติ ครม. บลจ.MFC ยันไม่มีการค้ำประกันผลตอบแทนและเงินต้น แต่เป็นวิธีบริหารของ บลจ.คนกองทุนแนะต้องถือ 10 ปี เงินปันผลเสียภาษี 10% ถ้าขายก่อนต้องผ่านโบรกฯ เสียค่าธรรมเนียม เงินต้นอาจไม่เท่าเดิม

สร้างความฮือฮาและปลุกความสนใจได้ไม่น้อยสำหรับกองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง อายุ 10 ปี กับผลตอบแทนขั้นต่ำที่ 3% และรับความผลตอบแทนจริงแต่ไม่เกิน 9% แถมไม่ต้องกังวลเรื่องเงินต้น เพราะมีกลไกคุ้มครองเงินลงทุนให้อีกด้วย วงเงินที่เสนอขาย 1-1.5 แสนล้านบาท โดยเสนอขายให้ประชาชนทั่วไป 16-20 กันยายน 2567 ราว 3-5 หมื่นล้านบาท ราคาหน่วยละ 10 บาท เริ่มต้นที่ 1,000 หน่วย หรือเท่ากับ 10,000 บาท เสนอขายนักลงทุนสถาบัน 1-1.2 แสนล้านบาท ในวันที่ 25-27 กันยายน 2567

เมื่อกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ถูกออกแบบมาอย่างนี้ คนดังด้านการเงินส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มีความเห็นไปในแนวทางเดียวกันคือน่าสนใจ เพราะไร้ความเสี่ยง มีรัฐบาลคอยดูแลกองทุนตัวนี้ให้กลายเป็นการปลุกให้ผู้คนส่วนใหญ่สนใจวายุภักษ์ หนึ่ง ขึ้นมาทันที


ขั้นต่ำ 3% คุ้มครองเงินต้น

นายวราห์ สุจริตกุล ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง กล่าวว่า ผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนของกองทุนแต่ละปี จะจ่ายให้ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ในรูปแบบเงินปันผลตามผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจริงของกองทุน ในอัตราไม่ต่ำกว่า 3% ต่อปี แต่ไม่เกินกว่า 9% ต่อปี โดยผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. จะได้รับเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง

ไม่ใช่การรับประกันหรือค้ำประกันผลตอบแทน แต่เป็นกลไกคุ้มครองผลตอบแทนของกองทุน ทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. จะได้รับเงินปันผลก่อนผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. จากนั้นผลตอบแทนส่วนที่เหลือจะเป็นของหน่วยลงทุนประเภท ข. ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. มีสิทธิได้รับคืนเงินลงทุนตามแนวทางการชำระคืนเงินลงทุนแบบ Waterfall ซึ่งผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. จะได้รับคืนเงินลงทุนก่อนผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. ที่มูลค่าเงินลงทุนเริ่มต้นที่ 10 บาทต่อหน่วย


วายุภักษ์อาจขัดกฎหมาย

10 กันยายน 2567 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทำจดหมายเปิดผนึกส่งถึงนายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่องกองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ อาจจะฝ่าฝืนกฎหมาย

ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นการทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. (กระทรวงการคลังและนักลงทุนภาครัฐ) ซึ่งเป็นผู้ถือหน่วยอยู่ในขณะนี้เสียเปรียบและอาจได้รับความเสียหาย

ดังนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงต้องสอบถามความยินยอมจากผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. (กระทรวงการคลังและนักลงทุนภาครัฐ) ทุกรายอย่างเป็นทางการเสียก่อน

อาจผิดกฎหมาย และไม่ปกป้องผลประโยชน์ของกระทรวงการคลัง

ในส่วนของจดหมายที่ส่งให้นายกฯ มีใจความว่า ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า อาจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ โดยผิดหลักนิติธรรม (มาตรา ๓) เข้าข่ายเป็นการเลือกปฏิบัติ (มาตรา ๒๗) ไม่เป็นการปกป้องผลประโยชน์ของชาติและสาธารณสมบัติของแผ่นดิน (มาตรา ๕๐ (๒), ๕๒)


ส่งนายกฯ ฉบับ 2 กอง ข.เสียประโยชน์

ในวันที่ 11 กันยายน 2567 ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีเป็นฉบับที่ 2 มีใจความสำคัญว่า

กรณีผู้ถือหน่วยที่เป็นกระทรวงการคลังย่อมกระทบไปถึงประชาชนทุกคนในประเทศ และในกรณีผู้ถือหน่วยหากเป็นกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือกองทุนประกันสังคม หรือกองทุนอื่นในลักษณะเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นผู้ถือหน่วยอยู่แล้วขณะนี้ ย่อมกระทบไปถึงสมาชิกและผู้รับประโยชน์

ถ้าหากรัฐบาลเห็นเป็นเรื่องจำเป็นแก่ประเทศชาติที่จะต้องแจกเงินให้แก่นักลงทุนเกินกว่ารายได้จริง รวมทั้งประกันเงินต้นไม่มีความเสี่ยงทั้งที่เป็นการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ชอบที่จะทำได้โดยตั้งงบประมาณเอาเงินไปอุดหนุนโดยผ่านกระบวนการพิจารณาปกติในรัฐสภา ไม่ควรจุนเจือหยิบฉวยเอาจากสาธารณสมบัติของแผ่นดินโดยไม่ผ่านรัฐสภา


ยัน "วายุภักษ์" ไม่ผิดกฎหมาย

ถัดมาฝ่ายผู้ออกกองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง ได้แก่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ออกมายืนยันว่าการเสนอขาย การดำเนินการเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ประเภท ก. โดยมีการคุ้มครองให้นักลงทุนนั้น เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี อนุมัติให้ดำเนินการตั้งแต่ปี 2546 และมติ ครม. ปี 2556 ซึ่งการคุ้มครอง คือ ระบุให้นักลงทุนประเภท ก. ได้รับผลตอบแทนก่อน ยืนยันว่าไม่ได้ดำเนินการฝ่าฝืนกฎหมายใดๆ

การเปิดจำหน่ายกองทุนรวมวายุภักษ์ ประเภท ก. ต้องการสนับสนุนให้ประชาชนมีการออมรองรับการเกษียณ เพื่อลดต้นทุนของภาครัฐในการดูแลผู้สูงอายุในอนาคต

กังขาผ่าน ก.ล.ต.มาได้ยังงัย

แหล่งข่าวจากวงการกองทุนรวมกล่าวว่า ช่วงนี้มีเพื่อนๆ ถามกันมาเกี่ยวกับกองทุนรวมกองหนึ่งที่กำลังจะระดมเงินจากสาธารณชน เลยขอตอบดังนี้

พิจารณาให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจ ไม่เข้าใจว่าผู้ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นกูรูทางการเงินหลายคนถึงให้ข่าวเชียร์ให้รายย่อยเข้าไปลงทุนกันอย่างหนุกหนาน ทั้งที่การเสนอขายบางขั้นตอนอาจจะไม่ได้เป็นไปตามเกณฑ์ของ ก.ล.ต. ทั้งหมด กล่าวคือ

1.ไม่มีการทำ KYC (Know Your Customer) หรือ “การทำความรู้จักกับลูกค้า” ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่ทุก บลจ.จะต้องให้รายย่อยทำเพื่อประเมินตนเองก่อนที่จะลงทุน เป็นการป้องกันความเสี่ยงให้แก่รายย่อยมิใช่หรือ ขนาดกองทุนรวมที่เป็น “กองทุนเปิด” ที่ลงทุนเฉพาะตราสารหนี้ที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทยทั้งจำนวน ยังไม่สามารถรับประกันอะไรได้เลย มิฉะนั้นรายย่อยอาจจะไม่เหมาะที่จะลงทุนกับกองทุนรวมในแต่ละประเภท โดยเฉพาะกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้น

2.ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่พูดให้ชัดเจนไปเลยว่ากองทุนรวมนี้ “ไม่ได้รับประกันเงินต้นและผลตอบแทน” ให้สัมภาษณ์แค่กองทุนรวมนี้มีระบบการจัดการภายในที่จะให้ผลตอบแทน 3-9% ต่อปี ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการเข้าใจคลาดเคลื่อนได้ว่าเป็นการประกันเงินต้นและผลตอบแทนที่แน่นอนตลอด 10 ปีที่ไม่รับซื้อคืนหน่วยลงทุน

“กองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นสามัญจะไม่สามารถรับประกันเงินต้นและผลตอบแทน” นี่คือเกณฑ์ของ ก.ล.ต. แต่มิทราบว่า ก.ล.ต. หายไปอยู่แห่งหนตำบลใด ถึงไม่ออกมาจัดการให้ถูกต้องเหมือนที่ไล่จัดการกับ บลจ. อื่นอย่างเข้มงวด แค่พูดกำกวมก็โดนแล้วใช่หรือไม่

3.ก็ได้แต่หวังว่ากองทุนรวมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสาธารณชนจริงๆ ไม่ใช่อยากจะเสนอขายเพื่อระดมเงินจากรายย่อยเอาไปพยุงหุ้นบางตัว และอาจจะมีการขายออกหลังจากหุ้นบางตัวดีดกลับขึ้นไป

4.ยังไม่ทราบถึงวิธีการจ่ายผลตอบแทนในรูปของเงินปันผล 2 ครั้งต่อปีว่าจะสามารถนำเงินกำไรจากส่วนไหนของกองทุนมาจ่ายเป็นเงินปันผล เพราะอาจจะเกิดผลกระทบต่อดัชนีหลักทรัพย์จนอาจจะเกิด Front Run ได้ก่อนถึงช่วงที่จะจ่ายเงินปันผล

5.ในกรณีที่กองทุนรวมไม่สามารถที่จะจ่ายเงินปันผลได้ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ

6.นี่ยังไม่ได้กล่าวถึงผู้ถือหน่วยประเภท ข. เลยนะ

นี่คือเงินของสาธารณชนที่อยู่ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจหลายประการ จะทำอะไรอยากให้เห็นแก่ชาติบ้านเมืองด้วย ก็ไม่ทราบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการระดมเงินผ่านตลาดทุนถึงปล่อยให้เป็นการเสนอขายที่อาจจะไม่เป็นไปตามเกณฑ์ได้ด้วยหรือ

เงินที่จะนำออกมาจ่ายเป็นเงินปันผลจะมีความสำคัญมากต่อกองทุน ดังนั้นจะต้องเคลียร์ให้ดีว่ากองทุนรวมนี้มีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างไรบ้าง ไม่ใช่กล่าวแค่ตัวเลขเท่านั้น แล้วถ้าไม่ใช่กองทุนรวมนี้ กองทุนรวมอื่นสามารถให้ข่าวแบบนี้ได้หรือไม่

นี่คือความเห็นส่วนตัวเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียแต่ประการใด แต่เขียนเพราะเป็นห่วงรายย่อยที่บางส่วนอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนไปจากข้อมูลที่ได้รับ


กองทุนรวมอื่นทำไม่ได้

แหล่งข่าวจากกองทุนรวมกล่าวว่า ปัญหาคือเราจะเลือกมองมุมไหน ถ้าเป็นรายย่อยถือว่าน่าลงทุน แต่ถ้ามองในแง่อื่นถือว่าน่าเป็นห่วงมาก ถ้าใช้คำแรงๆ คือนี่ไม่ต่างไปจากเป็นการทำลายอุตสาหกรรมกองทุนรวม เพราะรูปแบบดังกล่าวนี้ไม่มีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) รายใดทำได้ ประการต่อมากฎระเบียบต่างๆ ที่ตีกรอบผู้ออกกองทุนรวมไว้ ใช้ไม่ได้กับวายุภักษ์

ที่ผ่านมากองทุนคุ้มครองเงินต้นเคยมีการเสนอขาย แต่ผลตอบแทนต่ำ ส่วนการรับประกันผลตอบแทนขึ้นต่ำนั้นไม่สามารถทำได้ เมื่อตรวจสอบไปที่ บลจ.เอ็มเอฟซีได้รับคำตอบว่า วายุภักษ์หนึ่ง ไม่มีการรับประกันผลตอบแทนและมูลค่าหน่วยลงทุน (10 บาท) แต่เป็นที่รับรู้กันว่ามีวิธีการบริหารจัดการทำสร้างความมั่นใจให้ผู้ถือหน่วย เพียงแต่ไม่สามารถพูดตรงๆ ได้เพราะจะผิดหลักเกณฑ์ ก.ล.ต.

“พูดง่ายๆ กองทุนรวมแบบนี้รัฐทำได้รายเดียว ส่วนจะผิดกฎหมายหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าจะมีผู้ร้องเรียนหรือไม่”

กอง ข. ค้ำกอง ก.

วายุภักษ์มี 2 กอง คือกอง ก. เป็นบุคคลธรรมดา 3-5 หมื่นล้านบาท และนักลงทุนสถาบันในประเทศ 1-1.2 แสนล้านบาท อีกกองเป็นกอง ข.ที่กระทรวงการคลังและนักลงทุนภาครัฐถืออยู่ กอง ก. ถือว่ามีสิทธิพิเศษมากกว่า หากเกิดปัญหาใดๆ กอง ข.จะเข้ามามีส่วนร่วมช่วยแก้ปัญหา

การที่มี 2 กองใช้กอง ข. ค้ำกอง ก. ถือว่าผู้ถือหุ้นกอง ข.เป็นผู้เสียสละอย่างมากที่ยอมลดผลตอบแทนตัวเองเพื่อให้กอง ก.ได้รับประโยชน์ก่อน ถามว่ากอง ข.เป็นใคร ส่วนใหญ่คือกระทรวงการคลัง มันก็ไม่ต่างไปจากรัฐบาลใช้รายได้จากคลังในรูปของกำไรหุ้นไปอุดหนุนผู้ซื้อของทุนวายุภักษ์ (กรณีผลตอบแทนต่ำกว่า 3%) เป็นอีกหนึ่งวิธีการที่ไม่ต้องเข้าไปยุ่งกับเรื่องงบประมาณ

“เราไม่แน่ใจว่านักลงทุนภาครัฐที่ถือในกอง ข. อาจมี กบข. ประกันสังคมอยู่ด้วยหรือไม่ หรืออาจเป็นกระทรวงการคลังล้วนๆ แต่ถ้ามีรายอื่นร่วมถือด้วย การกำหนดเงื่อนไขอุ้มกอง ก. ถือว่าไม่เป็นธรรมกับผู้ถือในกอง ข. หากมีกบข.หรือประกันสังคมถืออยู่ด้วยจริง ข้าราชการ หรือลูกจ้างประกันสังคมทุกคน ย่อมเสียสิทธิประโยชน์ที่ควรจะได้รับไปด้วยเช่นกัน

เสียภาษี 10% ขายก่อนอาจต่ำกว่าเงินต้น

อีกประการหนึ่งสำหรับผู้ที่สนใจจะซื้อกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ควรจะทราบไว้คือ อายุกองทุนรวม 10 ปี เมื่อขายวายุภักษ์เสร็จจะมีการนำไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถ้าท่านมีความจำเป็นต้องใช้เงินและต้องการขายก่อนกำหนดจะต้องทำการขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องติดต่อโบรกเกอร์ให้ทำหน้าที่ขายให้ มีค่าธรรมเนียมซื้อขาย หากในวันดังกล่าวมูลค่าหน่วยลงทุนของท่านต่ำกว่า 10 บาท ท่านก็ต้องยอมรับราคานั้น

คำว่าผลตอบแทนขั้นต่ำ 3% นั้นตัวกองทุนจะจ่ายมาในรูปเงินปันผล ทั้งนี้จะต้องเสียภาษีเงินปันผล 10% เท่ากับผลตอบแทนสุทธิจะอยู่ที่ราว 2.7% ถ้าเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลล่าสุดที่เพิ่งจำหน่ายไปเมื่อ 19-21 สิงหาคม 2567 รุ่น 10 ปีดอกเบี้ย 3.4% หักภาษี 15% เหลือผลตอบแทน 2.89% ตรงนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าของเงิน

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่


Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j
กำลังโหลดความคิดเห็น