xs
xsm
sm
md
lg

ทอท.ตั้งสอบวินัยร้ายแรงแล้ว 4 พนักงาน'สนามบินภูเก็ต'ทุจริตจ้างพิมพ์สติกเกอร์ ”กีรติ”ยันโทษสูงสุดไล่ออก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ทอท.ตั้งสอบวินัยร้ายแรง 4 พนักงาน'สนามบินภูเก็ต'หลังกก.สอบข้อเท็จจริงชี้มูลความผิด ปมจ้างพิมพ์สติกเกอร์เฉลิมพระเกียรติฯ ผิดระเบียบ“กีรติ”ยันไม่มีตัดตอน ไม่ยื้อ โทษสูงสุดไล่ออก ย้ำต้องดูรอบคอบ ด้านคนในหวั่นซ้ำรอย สอบแค่เป็นพิธีลดกระแส ชี้เคยมีตัวอย่างทุจริตให้ออกแล้วสุดท้ายรับกลับมาทำงานอีก

จากที่ นสพ.ผู้จัดการรายวัน ได้นำเสนอข่าวกรณี ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) ทุจริตประมูลจัดจ้างพิมพ์สติกเกอร์ซีทรู (See Through Sticker) เฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 พร้อมติดตั้ง ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต โดยวิธีเฉพาะเจาะจง ไม่ถูกต้องตามขั้นตอน และคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ได้ชี้มูลความผิดพนักงานระดับบริหารจำนวน 4 คนที่เข้าข่ายกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง และต่อมาได้มีคำสั่งโยกย้ายพนักงานทั้ง 4 ราย ให้เข้ามาปฏิบัติงานที่สำนักงานใหญ่ ใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) หรือทอท. โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง เพื่อปฎิบัติหน้าที่ตามที่ กอญ.มอบหมายแล้ว ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2567

ซึ่งตามขั้นตอน ทอท.จะดำเนินการตั้งคณะกรรมการลงโทษทางวินัยต่อผู้กระทำผิดและดำเนินการตามขั้นตอนระเบียบ ทอท.ว่าด้วยการบรรจุ การแต่งตั้ง การพ้นสภาพวินัย การดำเนินการทางวินัย การลงโทษ และการอุทธรณ์ของพนักงาน พ.ศ.2554 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งโทษสูงสุดคือไล่ออก


เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2567 นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. เปิดเผยว่า ตนเพิ่งได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง โดยมีนายเจนวิทย์ มุสิกรัตน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานบัญชีและการเงิน) ทอท.เป็นประธาน สาเหตุที่แต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงล่าช้าเพราะมีขั้นตอนและต้องผ่านคณะกรรมการกิจการสัมพันธ์ ทอท.ด้วย

ทั้งนี้ ในคำสั่งได้กำหนดระยะเวลาสอบสวนวินัยร้ายแรง ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ซึ่งเรื่องนี้มีผลการสอบสวนข้อเท็จจริงที่ชี้มูลความผิดไว้ชัดเจนแล้วเชื่อว่าจะไม่ล่าช้า และบทลงโทษสูงสุดคือ ไล่ออก โดยในการพิจารณาสอบวินัยร้ายแรงนั้น จะดูความผิดของแต่ละคน ทั้งเชิงนิติศาสตร์แลรัฐศาสตร์ เพราะการตัดสินลงโทษ สูงสุดไล่ออกนั้น จะมีผลต่อประวัติชีวิตการทำงานของบุคคลนั้น

นอกจากดูความผิดทางพัสดุแล้ว ต้องดูมูลเหตุในการทำผิดด้วย จงใจทุจริตแค่ไหนอย่างไร มีการรับเงินหรือไม่ ดังนั้น ก็ต้องดูว่า การทำผิดของคนนั้นอยู่ในขั้นไหนและต้องลงโทษแค่ไหน เพราะบทลงโทษมีตั้งแต่ตัดเงินเดือน ให้ออก ไล่ออก เช่น คงไม่ใช่ว่าสอบข้อเท็จจริงบอกว่าผิดแล้วต้องไล่ออกทุกคน และเมื่อตัดสินว่าผิด ให้ไล่ออกแล้ว ยังจะต้องส่งเรื่องให้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการทางอาญาต่อด้วย

นายกีรติกล่าวว่า กรณีที่บริษัทเอกชน ได้เข้าติดสติกเกอร์ซีทรูแล้วนั้น แต่ทอท.ยังไม่มีการจ่ายค่าดำเนินการให้เอกชนแต่อย่างใด เนื่องจากคณะกรรมการตรวจรับพบว่า เอกชนไม่ได้ดำเนินการตามทีโออาร์ และเป็นการดำเนินการผิดขั้นตอน ไม่มีสัญญาจ้าง ซึ่งในส่วนของเอกชนหากเห็นว่าได้รับความเสียหาย เป็นสิทธิ์ของเอกชนที่จะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายได้

“เรื่องนี้ ทอท.จะต้องดำเนินการให้โปร่งใส ถูกต้อง ไม่มีการตัดตอน หรือแตะถ่วงแต่อย่างใดส่วนตัว ยืนยันไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ และในฐานะกอญ.ต้องนำเรื่องรายงานต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) ยืนยันด้วยไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะแม้สนามบินภูเก็ตจะดำเนินการภายใต้ทอท. แต่ในฐานะกอญ.ได้มอบอำนาจขาดให้ผู้บริหารสนามบินภูเก็ตไปแล้ว”นายกีรติกล่าว

รายงานข่าวจากทอท.เปิดเผยว่า กรรมการผู้อำนายการใหญ่ทอท. ได้ลงนามในหนังสือแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง กรณีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สนามบินภูเก็ต ทุจริตจัดจ้างพิมพ์สติกเกอร์ซีทรู เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2567 หรือปล่อยให้ล่วงเลยมาเกือบ 1 เดือน หลังจากที่มีการสรุปผลสอบข้อเท็จจริง และชี้มูลค่าผิดพนักงานระดับบริหารจำนวน 4 คน ไปตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2567

ซึ่งการทุจริตดังกล่าว พนักงานทอท.ต่างเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่ทำให้องค์กร เสียภาพพจน์อย่างมาก และต้องการให้มีการสอบสวนและลงโทษอย่างจริงจัง เนื่องจากที่ผ่านมา หลายกรณีทุจริต ที่มีผู้บริหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่ทอท.เกี่ยวข้อง มีการสอบสวนผิดวินัยร้ายแรง เช่น กรณีอดีตพนักงานระดับบริหารสนามบินดอนเมือง มีการต่อสัญญารถชัตเติ้ลบัส รับส่ง โดยไม่เปิดประมูล ซึ่งผิดระเบียบ โดยผลสอบวินัยร้ายแรง สรุปผลให้ออก แต่ปรากฎว่า ปัจจุบันพนักงานที่ถูกออกดังกล่าว สามารถกลับเข้ามาทำงานทอท.ได้อีก และล่าสุด ได้เลื่อนระดับขึ้น ตามมติบอร์ดทอท.เมื่อเดือนส.ค. 2568 อีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น