เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 ก.ย.) ห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี แจ้งเจ้าของร้านค้าและผู้ค้าในห้างฯ ว่า มีความจำเป็นต้องปิดทำการอาคารสรรพสินค้า 12 ชั้นทั้งหมด ตั้งแต่วันอังคารที่ 10 ก.ย. เนื่องจากได้รับหนังสือแจ้งจากการไฟฟ้านครหลวง ขอยุติการจ่ายกระแสไฟฟ้าในวันดังกล่าว เวลา 08.00 น.เป็นต้นไป ส่งผลกระทบต่อร้านค้าเช่าในห้างฯ จำนวนมาก เพราะเป็นการแจ้งแบบกะทันหันเพียง 4 วันก่อนที่จะถูกตัดไฟ ต้องรีบเก็บสินค้าย้ายออกจากห้างฯ และมีผลกระทบมาก
หนึ่งในนั้นคือร้านฟุ่ยโหยว หมาล่า ซึ่งเป็นร้านหม่าล่าสายพาน ตั้งอยู่ชั้น 1 เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2566 ประมาณ 10 เดือน ต้องเปิดไลน์อาหารของทางร้านเป็นบุฟเฟต์ เพื่อระบายวัตถุดิบที่เก็บรักษาไว้ในร้าน โดยเจ้าของร้านเปิดเผยความในใจว่า ลาออกจากงานประจำ เพื่อเปิดร้านหมาล่าสายพานตามความฝัน ด้วยเงินลงทุน 7 หลัก เปิดได้ไม่ถึงครึ่งปี เจ้าของที่แจ้งปิดทำการ บอกล่วงหน้ามีเวลาแค่ 2 วัน มืดแปดด้าน จึงโปรโมชันบุฟเฟต์แบบยอมขาดทุน พร้อมกับสงสารน้องๆ พนักงานที่ร้าน
เหตุผลที่ห้างฯ แจ้งปิดทำการเนื่องจากถูกตัดกระแสไฟฟ้า ไม่ใช่ครั้งแรก ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน วันที่ 5 พ.ค. 2565 ศูนย์การค้าพรอมเมนาดา จ.เชียงใหม่ ประกาศปิดให้บริการชั่วคราวอย่างไม่มีกำหนด เพราะแบกรับภาระไม่ไหว จากสถานการณ์โควิด-19 สร้างความวุ่นวายให้แก่ผู้ประกอบการและเจ้าของร้านค้า รวมถึงลูกจ้างและพนักงาน เพราะเป็นการแจ้งกะทันหัน ไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า ต้องรีบขนย้ายข้าวของออกกันเป็นพัลวัน เกิดกระแสข่าวว่าติดค้างชำระค่าไฟฟ้าร่วม 20 ล้านบาท
ทำให้เวลาต่อมาทางศูนย์การค้าฯ ชี้แจงว่าไม่ได้ค้างชำระค่าไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จังหวัดเชียงใหม่เป็นจำนวนมากอย่างที่เป็นข่าว ยอมรับว่าค้างชำระจำนวนหนึ่ง และมีการผ่อนชำระตรงตามเงื่อนไข แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา การไฟฟ้าฯ ทำหนังสือแจ้งให้ชำระค่าไฟฟ้าที่คงค้างอยู่เต็มจำนวน ซึ่งไม่สามารถหาเงินได้เต็มจำนวน แต่ได้ชำระบางส่วน พร้อมทั้งทำหนังสือขอชำระภายใน 45 วัน แต่ไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติ และงดจ่ายกระแสไฟฟ้า ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างมาก
นับจากนั้นเป็นต้นมา ศูนย์การค้าพรอมเมนาดาจึงถูกปล่อยทิ้งร้าง แล้วเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย กระทั่งกรมบังคับคดีได้ประกาศขายทอดตลาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวม 24 แปลง ราคาประเมิน 2,058.37 ล้านบาท
ห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี ก็มีชะตากรรมไม่แพ้กัน มีรายงานว่าก่อนหน้านี้บริษัท สรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง จำกัด ถูกธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ฟ้องต่อศาลแพ่งตลิ่งชัน แล้วกรมบังคับคดีได้ประกาศขายทรัพย์รวม 27 แปลง ราคาประเมิน 1,365.69 ล้านบาท โดยพบว่ามีบุคคลภายนอกประมูลมาได้ แต่ต่ำกว่าราคาประเมิน ประมาณ 900 ล้านบาท นอกจากนี้ ห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง บางลำพู ก็ถูกขายทอดตลาดไปแล้วเช่นกัน ในราคาประมาณ 300 ล้านบาท แต่ยังไม่มีคำสั่งให้ย้ายออกไป
ข้ออ้างที่เจ้าของห้างฯ อ้างว่าการไฟฟ้าฯ จะมาตัดไฟ ดูไม่สมเหตุสมผลนัก เมื่อฟังคำอธิบายจากพนักงานการไฟฟ้าฯ พบว่า หากเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าในกิจการต่างๆ โดยเฉพาะขนาดกลางและขนาดใหญ่ จะแตกต่างจากผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย เพราะหากผู้ประกอบการค้างชำระ การไฟฟ้าฯ จะไม่ตัดกระแสไฟฟ้าทันที แต่จะมีเจ้าหน้าที่จากแผนกการเงิน ของการไฟฟ้านครหลวงเขตพื้นที่ หรือแผนกบัญชีและการเงิน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขา ติดตามทวงถามถึงสำนักงานของกิจการนั้นๆ
ปกติการตัดกระแสไฟฟ้าในกิจการต่างๆ จะปล่อยเกิน 1 เดือนด้วยซ้ำ พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้าฯ ติดตามทวงถามอย่างน้อย 2 รอบ หากไม่เป็นผลจึงตัดกระแสไฟฟ้า ยิ่งหากเป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ ที่ใช้หม้อแปลงขนาดใหญ่ มักปล่อยค้างชำระให้เกิน 3 เดือนด้วยซ้ำ ขนาดผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย ยังปล่อยให้ผ่านไป 1 รอบบิล แล้วค่อยมาจ่ายทีหลัง จึงเป็นไปได้ว่า ทางห้างฯ บอกความจริงกับผู้เช่าไม่หมด โดยนำเรื่องการตัดไฟฟ้ากะทันหันมาอ้าง
การปิดตำนานห้างตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี ที่เปิดให้บริการยาวนานถึง 33 ปี เหตุผลที่เพจ Tang Hua Seng Group ตอบกลับชาวเน็ต ระบุไว้คือ "ไม่ใช่บริหารไม่เป็น แต่ด้วยภาวะปัญหาขาดสภาพคล่องในหลายๆ ด้าน ทั้งเศรษฐกิจภาพรวม จึงประคองตัวไม่ไหว" ทั้งนี้ นายวิโรจน์ จุนประทีปทอง ซึ่งเป็นผู้บริหารคนสำคัญได้เสียชีวิตไปนานแล้ว เหลือแต่นายมนัส รณกรกิจอนันต์ ที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง บริหารร่วมกับครอบครัวจุนประทีปทอง ท่ามกลางผลประกอบการที่ขาดทุนต่อเนื่องจากงบการเงินเกือบ 10 ปี