หลังจากที่นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น รมช.สาธารณสุข ตามโควตาของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีหลายประเด็นที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์ นอกเหนือจากการบินไปพบนายทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกง หลังการเลือกตั้งปี 2566 อ้างว่าไปแก้บนให้ภรรยาหลังชนะเลือกตั้ง แต่ภายหลังถึงค่อยยอมรับ
มีสามประเด็นหลักที่สื่อมวลชนค่ายหนึ่งนำมากล่าวถึง ได้แก่ กรณีที่มีภาพถ่ายคู่กับ "โทนี่ เตียว" ผู้ต้องหาคดีฟอกเงินและทำธุรกิจผิดกฎหมายทั้งในประเทศจีนและมาเลเซีย กรณีเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนในพื้นที่ภาคใต้ และคดีเก่าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวหาว่ามีความผิดฐานอั่งยี่ซ่องโจร และมียาเสพติดไว้ในครอบครอง แต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง
ปรากฎว่าหลังจากนายเดชอิศม์ได้รับการแต่งตั้ง เจ้าตัวแถลงข่าวโต้สื่อมวลชนช็อตต่อช็อต เริ่มจากกรณีนายโทนี่ เตียว อ้างว่าเป็นนักธุรกิจใหญ่มาจากมาเลเซีย ลงทุนทำธุรกิจที่จังหวัดสงขลากว่าพันล้านบาท ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องก็ไปอำนวยความสะดวก ตนในฐานะคนสงขลาจึงมีหน้าที่อำนวยความสะดวก แต่ต้องทำธุรกิจถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ทำผิดกฎหมายไทย
นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ส่วนตัวรู้จักกับนายโทนี่ เตียว เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ต่อมานายโทนี่ เตียว ได้อุปสมบท ในฐานะคนรู้จักกันจึงไปช่วยอำนวยความสะดวก แต่เมื่อทราบว่านายโทนี่ เตียว ทำผิดกฎหมายที่ประเทศไทยจะต้องถูกจับกุม และรับโทษที่ประเทศไทยก่อน ไม่สามารถส่งนักโทษไปที่ประเทศจีน จึงไม่ได้เกี่ยวอะไรกันเลย
ประเด็นที่สอง ถูกกล่าวหาเรื่องค้าน้ำมันเถื่อน ชี้แจงว่าเรื่องเกิดขึ้นเมื่อปี 2555 ขณะนั้นยังไม่ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดเลย จึงสงสัยว่าเรื่องของตนไปปรากฏที่ ป.ป.ช. ได้อย่างไร เพราะผู้ต้องหาถูกสั่งฟ้องไปหมดแล้ว แต่ชื่อของตนอาจปรากฏในกลุ่มไลน์ของกลุ่มผู้ต้องหา จึงส่งรายชื่อทั้งหมดไปตรวจสอบเท่านั้น
ประเด็นที่สาม ถูกกล่าวหาเรื่องอั่งยี่ซ่องโจร ชี้แจงว่า ยืนยันว่าไม่เคยต้องคดีอาญาใดๆ ทั้งชีวิต ไม่ว่าคดีฆ่าคนตายหรือค้ายาเสพติด ถ้ามีคดีในลักษณะนี้จะต้องมีหมายเรียกหรือหมายจับ ต้องเข้ารายงานตัว และพิมพ์ลายนิ้วมือ ย้ำว่าไม่มีเรื่องนี้ มีเพียงคดีเดียว คือคดีเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา ที่นายนวพล บุญญามณี ฟ้องตน และสุดท้ายศาลยกฟ้อง
ระหว่างการแถลงข่าว นายเดชอิศม์โชว์วีดีโอคลิปของเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ในเครือสื่อมวลชนค่ายหนึ่งแบบประเด็นต่อประเด็น และตอบโต้อย่างดุเดือด และว่า หลังจากเข้าร่วมรัฐบาลไม่เคยออกข่าวที่ไหนเลย เพราะเคารพมติพรรค และเกรงว่าจะทำให้พรรคดูไม่ดี แต่เมื่อวัน-สองวันมีการพูดถึงจริยธรรมแคนดิเดตรัฐมนตรี จึงจำเป็นต้องพูดเพราะกระทบสิทธิ์อย่างมาก
นายเดชอิศม์ กล่าวอีกว่า จริยธรรมของนักการเมืองสำคัญ แต่จริยธรรมของสื่อก็เป็นเรื่องสำคัญมาก ผู้ที่ค้ายาเสพติดคือคนที่ชั่วช้าสามานย์ แต่ถ้าถูกคนใดคนหนึ่ง หรือสื่อสำนักหนึ่งทำให้เข้าใจว่าค้ายา คนพวกนี้เลวร้ายกว่าคนค้ายา เพราะทำร้ายสังคม โดยเชื่อว่ามีกระบวนการอยู่เบื้องหลัง เพราะจ้องมาที่ตนและนายเฉลิมชัย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพิเศษ
ทั้งนี้ ตนสงสารนักข่าวบางคนเพราะบางทีเค้าไม่ใช่คนชั่ว แต่เค้าชั่วโดยถูกเจ้านายสั่ง แต่บางคนก็ชั่วโดยสันดานก็มี แต่ถ้าเค้าไม่มีเจตนาชั่วจริงๆ ก็ไม่อยากฟ้องอะไร
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ก่อนหน้านี้คณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ฝ่ายนายเฉลิมชัย มีท่าทีไม่พอใจ "สมาชิกพรรค" รายหนึ่ง ซึ่งอีกสถานะหนึ่งมี "คู่สมรส" เป็นผู้บริหารค่ายสื่อดังกล่าว หลังแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยที่พรรคประชาธิปัตย์จะไปร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงพร้อมตั้งคำถามว่า พรรคก้าวข้ามความขัดแย้ง หรือก้าวข้ามหัวประชาชน?
สมาชิกพรรคคนดังกล่าวเห็นว่า การตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย นอกจากทำลายวิกฤตศรัทธาของพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ยังทำลายวิกฤตศรัทธาของการเมืองไทย แทนที่จะทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้าน ตรวจสอบถ่วงดุลอย่างสุดกำลังความสามารถ ไม่ใช่การสบช่องหาโอกาส เพื่อเข้าสู่อำนาจโดยก้าวข้ามความรู้สึกประชาชนที่ยังคงให้ความไว้วางใจในพรรค
ว่ากันว่า คนในพรรคประชาธิปัตย์ฝ่ายนายเฉลิมชัยบางคนจองกฐินสมาชิกพรรครายนี้หนักมาก ถึงขนาดอยากจัดดีเบตสักครั้ง เพราะค่ายสื่อของคู่สมรสดังกล่าว เคยเชิญนายทักษิณมาขึ้นเวทีในงานดินเนอร์ทอล์กงานหนึ่ง แต่ท่าทีของสมาชิกพรรคคนดังกล่าวกลับสวนทางกัน จึงท้าว่าถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็มาดีเบตสักครั้ง

